ครึ่งชั่วโมงต่อมา
รุ่งทิวามาถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ แสกนบัตรลงเวลาเข้างานเสร็จ ก็รีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ชั้นที่เป็นของแผนกบริหารทั้งชั้น
ผู้คนที่ทำงานอยู่ในแผนกนี้ ถ้าไม่มีดีด้านหน้าตา ก็มีดีด้านความรู้ความสามารถ คนที่หน้าตาดีมากๆ จะอยู่ในแผนกสื่อออนไลน์ที่เป็นจุดขายของบริษัท ส่วนคนเก่งๆก็อยู่แผนกวางแผนงาน วางกลยุทธ์เกี่ยวกับการขาย ซึ่งแผนกทั้งหมดนั้น มีคุณวายุภักษ์เป็นประธาน คอยบริหารงานอยู่เบื้องหลัง
รุ่งทิวายังไม่เคยเจอท่านประธานในระยะใกล้ชิดเกินสามเมตร เคยเจออยู่ห่างๆ ไม่ก็เห็นเพียงรูปร่าง แผ่นหลัง บางทีก็เห็นแค่เงา เจอกันทุกครั้งเธอจะก้มหน้าตลอด ไม่กล้าเงยขึ้นมอง ไม่รู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไง รู้เพียงแค่ว่า คนชมไม่ขาดปาก คุณวายุภักษ์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก แม้อายุจะปาไป 34 ปีแล้วก็ตาม
‘คิกๆ!’
รุ่งทิวาพยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะของคนอื่น เข้าใจว่าคนที่เธอเดินผ่าน หัวเราะใส่เธอแน่ๆ แต่ช่างเถอะ เธอคงตลกจริงๆ แต่ถึงยังไงเธอตอนนี้ก็คงดูดีกว่าเธอคนก่อนมาก ถ้าเป็นเธอตอนสมัยเข้ามาทำงานที่นี่แรกๆ คนที่ทำงานในชั้นนี้คงขำหนักกว่านี้
ร่างแบบบางหยุดฝีเท้าลง เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องสุดท้ายของชั้น ห้องที่ติดป้ายด้านหน้าว่าห้องประธานบริษัท ยิ้มสู้เข้าไว้ แม้หัวใจตอนนี้จะเหี่ยวเฉาลงไปมาก เพราะรอยยิ้มเยาะจากผู้หญิงสวยตรงหน้า ผู้หญิงที่ทำงานในตำแหน่งเลขาของประธานบริษัท
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อรุ่งทิวา คนที่จะมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยค่ะ”
“คิกๆ อุ้ย! ขอโทษนะจ๊ะที่ขำ แต่หน้าน้องตลกมาก พี่ชื่อริสานะ เป็นเลขาของคุณวายุภักษ์”
ริสากลั้นขำแทบไม่ไหว ขอโทษและแนะนำตัวไปแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ ยกมือปิดปากกลั้นขำอยู่อย่างนั้น
รุ่งทิวาก้มหน้าลงนิดๆ กัดริมฝีปากลงแน่นจนรู้สึกเจ็บ อดทน เธอต้องอดทนเท่านั้นถึงจะผ่านมันไปได้ เธอเดินเข้ามาใกล้เป้าหมายอีกก้าวหนึ่งแล้วนะ จะถอดใจแล้วถอยกลับไปไม่ได้เด็ดขาด
“มีอะไรให้ขำขนาดนั้นครับคุณริสา?”
คนที่เพิ่งเดินทางมาถึงที่ทำงาน ถามเลขาสาวซึ่งนั่งกลั้นขำอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มองแผ่นหลังที่สั่นไหวนิดๆ ของคนที่กำลังยืนหันหลังอยู่ตรงหน้า
มาถึงแล้วสินะ ผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของเขา
“เอ่อ … ขอโทษค่ะท่าน ท่านค่ะ นี่คือคุณรุ่งทิวา ที่จะมาเรียนรู้งานจากริสา และจะมาเป็นผู้ช่วยท่านค่ะ”
ร่างสมส่วนสูงโปร่งหุ่นราวกับนางแบบ ลุกขึ้นจากเก้าอี้บุหนังตัวใหญ่ การแนะนำของรุ่นพี่ที่มีตำแหน่งสูงกว่า ทำให้รุ่งทิวากลั้นใจหันกลับไปมอง ก้มหน้าลงกว่าเดิม เพื่อปิดซ่อนใบหน้าน่าอายของตัวเองไว้ไม่ให้ท่านประธานเห็น ทำงานตำแหน่งนี้ หน้าตาต้องมาพร้อมความสามารถ แต่เธอมีเพียงความสามารถ จึงรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองเอาซะเลย
“สวัสดีครับคุณรุ่งทิวา ผมวายุภักษ์เป็นผู้บริหารของที่นี่ ยินดีที่ได้คนเก่งๆแบบคุณมาช่วยอีกแรง”
ดวงตาคู่คมปราดมองใบหน้าขาว แต่แก้มแดงก่ำเหมือนผลแอปเปิ้ลสุก เกือบจะหลุดขำอย่างที่เลขาคนเก่งกำลังทำอยู่ แต่อดกั้นเอาไว้ได้ กำมือที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงแน่น มองสำรวจคนที่ยังก้มหน้าอีกครั้ง
ใช่คนในรูปเมื่อวานจริงหรือเปล่า ชุดใช่ แต่ทำไมหน้าไม่เหมือน
“คุณรุ่งทิวา ไม่ได้ยินที่ท่านทักทายเหรอคะ?”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ สวัสดีค่ะท่าน”
รุ่งทิวารีบเงยใบหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตฉายประกายบางอย่าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เมื่อท่านประธานหล่อเหลาสมคำร่ำลือจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเห็นหน้าท่านชัดเจนขนาดนี้
ดวงตาดุดันอยู่ด้านล่างคิ้วหนา ซึ่งเรียงตัวสวยเป็นระเบียบ กึ่งกลางของใบหน้าคือจมูกโด่งเป็นสันชัดเจน ริมฝีปากกระจับได้รูปสวยจนนึกอิจฉา ใบหน้าอ่อนเยาว์มาก ทั้งที่คนลือกันว่าปีนี้ท่านประธานอายุ 34 ปีแล้ว
ตอนแรกเธอนึกว่าจะแก่กว่านี้ แต่ไม่เลย ท่านเหมือนคนที่เกิดก่อนเธอแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง
“ทำงานวันแรกไม่ต้องเกร็งนะ ผมฝากสอนงานคุณรุ่งทิวาด้วยนะครับคุณริสา”
ร่างสูงกำยำราวกับหุ่นของนายแบบเดินไปยังประตูไม้มะฮอกกานี เปิดออกและปิดลงอย่างแผ่วเบา เดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงาน ขยับมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม หยิบเอกสารที่ทำค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนขึ้นมาทำ เพราะไม่อยากให้สมาธิกระเจิงไปมากกว่านี้
“คิก! ฮ่าๆ”
แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าคิดถึง แต่ใบหน้าที่เหมือนคนจะไปแสดงอุปรากรจีน ชอบลอยเข้ามาในหัว สลัดแล้วสลัดอีกก็ไม่หลุดสักที เขาอยู่กับภาพจำนั้นตลอดทั้งวัน จนหลงลืมเวลา
ก๊อกๆ
ริสาเปิดประตูเข้ามา หลังจากเคาะส่งสัญญาณให้คนด้านในทราบเรียบร้อย วางเอกสารที่หอบหิ้วมาด้วยลงบนโต๊ะทำงาน ยืนรอให้ท่านประธานเซ็นต์เอกสารเงียบๆ สายตาสำรวจปฏิกิริยาของเจ้านายไปด้วย คันปากยุบยิบ อยากจะถามเหลือเกิน ว่าเจ้านายรู้สึกยังไง
“เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เงยหน้าจากงานขึ้นไปถาม คนถูกถามคลี่ยิ้มเหมือนสบโอกาส อยากรายงานจะแย่ แต่ก็ไม่กล้า เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
“น้องนิสัยน่ารักมากค่ะ หัวไว เรียนรู้งานเร็ว”
“แล้วอย่างอื่นล่ะ?”
“ไม่มีนะคะ แม้แรกๆจะเงอะงะขี้อาย แต่เธอปรับตัวเก่งค่ะ”
ริสาเอ่ยชม นึกเอ็นดูผู้หญิงที่จะมาทำงานแทนตัวเอง รุ่งทิวาทำงานดีและหัวเร็ว สอนงานอะไรก็จำได้ทันที แบบนี้เธอก็วางใจ ถ้าต้องฝากฝังงานของตัวเองไว้ที่เด็กรุ่นน้องคนนั้น
“คุณต้องเทรนให้เธอเป็นงานเร็วๆนะ”
มองปฎิทินแบบตั้งโต๊ะนิดๆ เอื้อมมือเปิดไปอีกสองแผ่น เพื่อดูว่าเหลือเวลาตามที่จำได้หรือเปล่า เมื่อเวลามันตรงกัน ก็วางมือจากปฏิทิน ใช้ปากกาในมือวาดลายเส้นไปมาบนแผ่นกระดาษ เมื่อเซ็นต์เสร็จทุกแผ่น ก็ยื่นเอกสารกลับคืนไปให้เลขา
“วันหลังจะให้น้องรุ้งเข้ามาด้วยค่ะ วันนี้ให้เข้ามาไม่ได้ เดี๋ยวท่านกลั้นขำไม่ไหว เที่ยงมีนัดทานข้าวกับลูกค้านะคะ”
ยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ริสามองคนที่นั่งทำงานในส่วนของตัวเองแล้วอดที่จะขำไม่ได้ เธอเคยเห็นรุ่งทิวาตั้งแต่ตอนเข้ามาทำงานแรกๆตอนนั้นก็ตลกดี ออกจะโก๊ะๆกว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้สิตลกกว่า ใครสอนให้แต่งหน้าแบบนั้นก็ไม่รู้ เสียดายโครงหน้าสวยๆหมด
ปึ่ก!
รุ่งทิวาเงยหน้าขึ้นจากงานของตัวเอง มองรุ่นพี่คนเก่ง ก่อนจะมองสิ่งที่รุ่นพี่วางลงบนโต๊ะ คลีนเซอร์? เอามาให้เธอทำไม
“ไปล้างหน้าออกซะ แล้วกลับมาหาพี่ เร็วนะคะ อย่าให้พี่พูดซ้ำ”
วางตัวเป็นรุ่นพี่ใจร้ายไปก่อน ใจดีมากไม่ได้ เดี๋ยวรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง งานมันจะออกมาไม่ดี รุ่งทิวาคว้าขวดคลีนเซอร์ไปแบบไม่ต้องคิด เธอต้องเอาชีวิตรอดต่อไปอีกนาน อะไรที่พอทนได้ก็ต้องทน
สิบนาทีต่อมา
“มานั่งตรงนี้เร็วๆเลยค่ะ”
เมื่อเห็นรุ่งทิวาเดินกลับเข้ามาด้วยสภาพใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริสาก็รีบสั่งให้มานั่งประจำที่ หยิบเครื่องสำอางที่วางเตรียมไว้ขึ้นมา บีบรองพื้นแบบพกพาใส่นิ้วมือ แตะลงเบาๆบนผิวหน้าเนียนใส แตะลงให้ทั่วใบหน้า ใช้นิ้วตบๆอยู่อย่างนั้น จนเนื้อรองพื้นซึมเป็นเนื้อเดียวกันกับผิว
ดินสอเขียนคิ้วแบบกันน้ำถูกหยิบขึ้นมา วาดเป็นเส้นไปตามรูปคิ้ว ตวัดปลายให้มันโค้งลงนิดหน่อย เพื่อไม่ให้ดวงตาดูดุเกินไป ทำเหมือนกันทั้งสองข้าง จากนั้นก็หยิบมาสคาราขึ้นมา ปัดเบาๆบนขนตางอนยาว เสร็จแล้วก็หยิบลิปสติกสีส้มขึ้น เช็ดด้านบนสุดออกด้วยทิชชู่ จากนั้นใช้มือที่สะอาด ปาดเอาเนื้อลิปสติกไปทาบนแก้มทั้งสองข้าง และไม่ลืมทาที่ปากด้วย
“เสร็จแล้ว ลืมตาได้จ๊ะ”
ริสามองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้ม รุ่งทิวาเป็นผู้หญิงที่มีโครงหน้าสวยอยู่แล้ว ดวงตากลมโต จมูกเล็กเชิ่ดรั้น ริมฝีปากกระจับ คางเรียวสวย ใบหน้าขาวใสจนเห็นเส้นเลือดเล็กๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม คุณวายุภักษ์ถึงสนใจนักหนา