ตอนที่4 ฝาแฝด

1103 Words
ติณณภพ “สวัสดีค่ะคุณติณ” เสียงของดาวเดือนทักผมขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง “ครับ เรื่องนัดสัมภาษณ์จัดการให้ผมแล้วใช่ไหม” ผมถามออกไป เพราะอยากเจอหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดๆแล้ว “เรียบร้อยค่ะ แพรวามาแล้ว ตอนนี้ไปเข้าห้องน้ำ” ดาวเดือนตอบกลับมา “ถ้าเธอกลับมาให้เข้าไปพบผมเลยนะ” ผมบอกดาวเดือนก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป มาก่อนเวลาเร็วดีแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมเข้ามานั่งเปิดแฟ้มบนโต๊ะที่กองรอผมตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเข้างานเลยด้วยซ้ำ นี่แหละชีวิตของประธานบริษัทมันไม่ได้สบายอย่างที่หลายคนคิดกันหรอกครับ หลังจากนั่งดูเอกสารได้ไม่นานก็ต้องลุกไปหาเอกสารมาดูประกอบที่ตู้ด้านหลังอีก เห็นไหมบอกแล้วว่าไม่ได้นั่งสบายๆรอเซ็นอนุมัติอย่างเดียว ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น คงจะเป็นดาวเดือนที่พาเด็กใหม่มาสัมภาษณ์นั่นแหละ “เชิญ” ผมบอกไปโดยไม่ได้หันไปมองเพราะกำลังหาเอกสารอยู่ แต่ได้ยินเสียงรองเท้าดังขึ้นมาใกล้ๆโต๊ะ ก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้นตามหลัง “สวัสดีค่ะ” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่งกับการหาแฟ้มอยู่น่ะสิ “นั่งรอฉันแป๊บหนึ่ง” ผมบอกก่อนจะไล่สายตาหาแฟ้มต่อจนเจอ และหันกลับมาที่โต๊ะเพื่อนั่งสัมภาษณ์คนที่ผมอย่างเห็นหน้าชัดๆ ตุบ เสียงแฟ้มที่ดังขึ้นเมื่อกระทบกับพื้นพรหมหลังจากมันหลุดจากมือผมร่วงลงไป ผมได้แต่ยืนมองหน้าผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ “ลิลิน” ผมเรียกผู้หญิงตรงหน้าออกไปด้วยเสียงที่เบาเหมือนกับคนละเมอ แต่ก็ดังพอให้เธอได้ยิน เพราะเธอตอบกลับผม “ดิฉันแพรวาค่ะ” ผู้หญิงตรงหน้าตอบกลับด้วยสีหน้างงๆเล็กน้อย ทำให้ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนหน้านี้แล้วก้มเก็บแฟ้มงานไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอ “แนะนำตัวอีกครั้ง” ผมบอกเธอไป เพราะอยากได้ยินให้ชัดเจนกว่านี้อีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป “ดิฉันนางสาวแพรวา บุญธรรมรงค์ อายุ 25 ปีค่ะ...” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดต่อแต่ผมไม่ได้สนใจ สิ่งที่ผมสนใจคืออายุของเธอเท่ากับลิลินเลย “เธอเกิดวันไหน” ผมถามออกไป “8 กันยายน 2536 ค่ะ” ผู้หญิงคนนี้ตอบกลับ แต่วันเกิดเธอวันกับเดือนไม่ตรงกับของลิลิน แต่ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนี้นะ “มีพี่น้องกี่คน” “ดิฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ” แพรวาตอบ ซึ่งแน่นอนว่าลิลินก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน ผมรู้จักเธอและครอบครัวเธอมานานพอสมควรก็แน่ใจว่าเธอเป็นลูกคนเดียว และที่สำคัญลิลินก็บอกผมเองตอนที่ทำความรู้จักกันใหม่ๆว่าเธอเป็นลูกคนเดียว ไหนจะประวัติของครอบครัวลิลินที่มีให้เห็นตามนิตยสารธุรกิจว่าครอบครัวนี้มีลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ทำไมคนๆหนึ่งถึงได้เหมือนคนอีกคนหนึ่งได้เหมือนกับฝาแฝดทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วยซ้ำ หรือว่ามันเป็นแค่ความบังเอิญ “พ่อแม่ล่ะ ทำงานอะไร แล้วบ้านอยู่แถวไหน” “ค้าขายค่ะ ตอนนี้ทำขนมขายที่บ้าน บ้านอยู่แถว...ซอยเดียวกับพี่ดาวเดือนค่ะ แต่ของดิฉันท้ายซอย” ผมเคยผ่านแถวบ้านของดาวเดือนครั้งสองครั้ง มันคนล่ะที่กับบ้านของลิลินเลย “เธอเกิดและโตที่นั่นมาตั้งแต่เด็กๆหรอ” ผมถามออกไปอีกครั้ง ทำเอาผู้หญิงตรงหน้ามองผมด้วยความงงนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ ดิฉันเกิดและโตที่บ้านหลังนั้นตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ครอบครัวเราไม่เคยย้ายไปอยู่ที่อื่น” เกิดและโตตั้งแต่เด็ก นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่คนๆเดียวกัน แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ หรือว่าแค่บังเอิญคล้าย ไม่! มองยังไงก็ไม่ได้คล้าย แต่มันเหมือนกันราวกับเป็นคนเดียวกันเลย แต่ในเมื่อเธอยืนยันว่าตัวเองเกิดและโตที่นั่นตั้งแต่เด็กแล้วจะให้ผมทำยังไง มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ใช่ “เธอพร้อมเริ่มงานวันไหน” ผมถามคนตรงหน้าออกไปอีกครั้งหลังจากไล่ความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไป อย่างไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ผมคิดจริงๆ “หมายความว่า...” แพรวาถามขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส มันทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าดวงตาสดใสเปล่งประกายแบบนี้ไม่เหมือนกับลิลิน เพราะสายตาของลิลินไม่ได้เปล่งประกายแบบนี้เนื่องจากเธอไม่ค่อยแข็งแรงและบอบบาง “ใช่ ฉันรับเธอเป็นเลขาของฉัน” “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆเลย ดิฉันพร้อมเริ่มงานได้ทันทีที่คุณติณณภพต้องการเลยค่ะ” แพรวาพูดด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น ท่าทางของเธอถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบห้าผมคิดว่าคงจะพึ่งสิบแปดสิบเก้า เพราะดูยังไงเธอก็เหมือนเด็กน้อยอยู่เลย “งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้เลยแล้วกัน เธอจะได้มีเวลาเรียนรู้งานมากหน่อย” “ค่ะ พรุ่งนี้เลยไม่มีปัญหาค่ะ” “วันนี้ไม่มีอะไรแล้วกลับได้ พรุ่งนี้ก็มาทำงานเวลาปกติ รู้เวลาเข้าออกงานใช่ไหม” “ทราบค่ะ ทราบแล้วเริ่มงานแปดโมงครึ่ง เลิกงานห้าโมงตรง” “อืม งั้นกลับไปเตรียมตัวได้แล้ว” “งั้นดิฉันลานะคะ สวัสดีค่ะ” แพรวาพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่จางไปจากใบหน้าแล้วยกมือไหว้ลาผม ผมเลยพยักหน้าให้ก่อนเธอลุกออกจากห้องไป ผมมองตามหลังไปมองยังไงก็เหมือน ถึงแม้ว่าบุคลิก แววตา นิสัย การพูดคุยจะไม่ใช่ แต่หน้าตาผมพูดได้เลยว่าคนๆเดียวกันอย่างกับแกะ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้มันน้อยมากก็เถอะ “พี่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เป็นเธอนะลิลิน” ผมทิ้งตัวพิงเก้าอี้ด้วยความอ่อนแรงเมื่อคิดถึงผู้หญิงที่ผมรัก เรื่องที่ผมเหมือนจะทำใจได้แล้ว แต่มันก็แค่เหมือน เพราะสุดท้ายผมกลับทำใจกับเรื่องที่เกินขึ้นเมื่อเกือบสองปีที่แล้วไม่ได้เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD