เห็นภาพที่ชลนทีช็อกกับสิ่งที่เขารับรู้และเสียขวัญจนหนีขึ้นแท็กซี่ไปแล้วชานป๋อเสียนก็เหยียดยิ้มหมิ่นๆ มองตามเธอไป
คิดในใจว่าถ้าไม่จิตแข็งพอและคิดว่ามีแค่หน้าตาดีอย่างเดียวจะเข้าทางมารดาแล้วมายั่วยวนเขา ก็คิดใหม่ โดนตีแสกหน้าจนกระเจิงไปแบบนั้น
หวังว่าคงไม่ต้องได้พบได้เจอกันอีกนะ
เสียงโทรศัพท์ของชานป๋อเสียนดังขึ้น เขากวาดตามองเห็นว่าเป็นมารดาแล้วกดรับสายทันที
“ว่าไงครับแม่”
“มาถึงหรือยัง แม่รอที่ห้องอาหาร”
“ผมกำลังไป” เขาหันหลังให้ท้องถนนอันวุ่นวายแล้วเดินกลับไปที่ห้องอาหาร เห็นมารดานั่งนิ่วหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์อยู่
“หนูน้ำส่งข้อความขอโทษบอกว่ามีธุระด่วน ขอตัวกลับก่อน”
“ผมเจอเธอแล้วครับ เพิ่งเดินออกไปส่ง”
“จริงเหรอ” ท่านเงยหน้ามามอง แล้วก็ยิ้มดีอกดีใจ “แล้วเป็นยังไง ได้คุยกันบ้างไหม ลูกชอบหนูน้ำหรือเปล่า”
“ใจเย็นก่อนครับ” เขารีบปรามก่อนที่ท่านจะเข้าใจอะไรผิดไปกว่านี้... “เมื่อกี้แม่ไม่อยู่ ผมคิดว่าแม่ตั้งใจให้ผมกับเธออยู่กันสองคน”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แม่แค่ไปเข้าห้องน้ำ กะว่าตอนลูกเจอกันพักหนึ่งแล้วค่อยออกมาเผื่ออยากมองกันเต็มๆ ตาตอนเจอกันใหม่ๆ จะได้ไม่เขินแม่”
“ช่างวางแผนจริงนะครับ ถ้าพ่อไม่ได้ทิ้งธุรกิจไว้ให้แม่ต้องดูแล ผมว่าตอนพ่อเสียใหม่ๆ แม่คงไปเอาดีด้านแม่สื่อรุ่งแน่”
“ว่าไปนั่น... แม่เพิ่งทำแบบนี้ครั้งแรกนะเพราะมั่นใจจริงๆ เลยอยากให้รู้จักกันมากกว่าจะเล่าถึงหรือให้ดูแค่รูปเหมือนคนอื่น แล้วว่ายังไง อย่าเฉไฉ บอกแม่มาว่าชอบหนูน้ำไหม”
เขามองหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของมารดาแล้วก็เปลี่ยนท่าที ท่านหวังไว้มากเหลือเกิน แต่เขาก็เป็นเขา ไม่เลือกใช้วิธีโกหกเพื่อให้ท่านสบายใจแน่นอน
“ไม่ครับ นอกจากสวย ก็ไม่มีอะไรดึงดูดเลย”
“เป็นไปไม่ได้” มาดามเผิงนิ่วหน้า “หรือคงเพราะเจอกันน้อยไปยังไม่รู้จักนิสัยใจคอได้พูดคุยกัน... เอาอย่างนี้ไว้ครั้งหน้าแม่ค่อยนัดเจอหนูน้ำให้ลูกใหม่”
เขาพยักหน้าน้อยๆ เมื่อมารดาไม่ถามเขาก็จะไม่บอกท่าน ว่าเขาคุยอะไรกับชลนทีบ้าง แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือหล่อนคงไม่อาจหาญมารับนัดครั้งหน้าได้อีกแล้ว
“สั่งอาหารเถอะครับ ผมหิวแล้ว”
เขาบอกมารดาที่นั่งนิ่วหน้า คิ้วขมวดเหมือนไม่ได้ดั่งใจที่นัดดูตัวครั้งนี้ล่ม แล้วท่านก็ค่อยหันกลับมาดูเมนูอาหารและพูดคุยกับเขาปรกติ
จนอาหารจานแรกมาเสิร์ฟ โทรศัพท์ของมาดามเผิงดังขึ้น ท่านกดรับฉับ เสียงการเจรจากับปลายสายทำให้เขานิ่งฟังสิ่งที่มารดาพูดกับคนในสายอย่างสนใจจนท่านวางสายลงไป
“คนของแม่รายงานว่ามีชื่อหนูน้ำจองสายการบินกลับไทย จะบินในอีกหกชั่วโมงนี้ คงมีเรื่องด่วนจริงๆ ”
“แม่ให้คนติดตามเธอตลอดเลยหรือครับ แทบทุกฝีก้าวเลยนะนั่น” แปลกใจที่มารดาสืบเกี่ยวกับหญิงสาวมาละเอียดแต่ไม่พูดถึงอะไรที่เขาจับสังเกตได้ ท่านคงสืบแค่เรื่องการคบหากับคนรอบข้างเธอเพียงเท่านั้นจริงๆ
“ก็แม่ต้องการแน่ใจว่าหนูน้ำโสดจริงๆ พอดียังไม่ได้บอกให้คนที่ดูเรื่องนี้หยุดรายงาน”
“อย่าสนใจเลยครับ เธอคงมีธุระของเธอ”
เขาบอกมารดา เดาเอาเองว่าหล่อนคงบินไปแบ่งทรัพย์สินให้ครอบครัวใช้หนี้เพื่อให้ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าล้มละลายแน่ๆ หากยังอยากมีสามีรวยๆ หล่อนคงต้องทำอย่างนั้นเพราะวันดีคืนดีคนที่หล่อนอยากคบเกิดสืบเรื่องละเอียดเหมือนเขาแล้วรู้ว่าหล่อนมีทรัพย์สินมากถึงสิบเท่าของจำนวนหนี้ที่ครอบครัวหล่อนมีแล้วยังปล่อยให้พ่อกับน้องลำบากคงไม่มีใครยอมรับคนที่ไม่เอาครอบครัวเลยอย่างเธอไว้ข้างกายแน่ๆ ถึงจะสวยแต่ใจร้ายเกินทนขนาดนั้น เขาชอบหล่อนไม่ลงจริงๆ
มาดามเผิงลี่จินทานอาหารแบบไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ นายแพทย์หนุ่มลอบสังเกตมารดาอยู่ครึ่งวัน จนนั่งรถกลับมาเพนธ์เฮาส์ที่แล้วท่านก็ยังขบคิดอยู่
“แม่ให้เหวินเล่อทำงานให้แม่ได้ไหม” เพราะคนที่ได้มาความถนัดต่างกันบ้าง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องนักสืบฝีมือดีเขามีหลินเหวินเล่อที่มารดาและน้องชายมักมาขอให้ช่วยงาน
“ได้สิครับ” เขาพยักหน้าลูกน้องคนสนิทที่ถนัดเรื่องข้อมูลและไอทีจนมาเป็นมือขวาของเขาเข้ามาหามารดาเพื่อรอรับคำสั่ง คนของเขาจะเน้นฝั่งวิจัยและเรื่องข้อมูลเป็นหลัก เรื่องบู๊เป็นรองเพราะว่าเขาไม่ค่อยทำงานกับพวกธุรกิจสีเทาเหมือนน้องชาย
“ฉันอยากได้ข้อมูลเรื่องหนูน้ำให้มากที่สุด เอาทุกอย่าง” ฟังคำสั่งของมาดามเผิงแล้ว หลินเหวินเล่อหันมามองเจ้านายตัวเอง ชานป๋อเสียนขึงตาใส่คนของตัวเองแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ให้คนของเขาหุบปากแล้วชิงพูดก่อน
“เหวินเล่อไปจัดการได้เลย...” เขาพยักหน้าให้คนของเขาออกไปได้... คาดว่าข้อมูลนั้นคงถึงมารดาเร็วมากเพราะคนของเขามีข้อมูลในมืออยู่แล้ว ก็ดี มารดารู้เองเขาไม่ต้องพูดอะไรมาก
“ขอบใจมากลูก อ้อ เรื่องโรงพยาบาลที่เมืองไทย เป็นไงบ้าง ลูกดูสัญญาความร่วมมือกับโรงพยาบาลของเราแล้วเป็นยังไง แม่ว่าตกลงไปเถอะถึงไม่ได้อะไรมากแต่แม่ชอบเมืองไทย เราจะได้ไปเที่ยวด้วย ดูงานด้วย”
“ดูเอกสารแล้วครับ เขามีโรงพยาบาลในเครือเยอะ มีเครืออยู่ในอาเซียนด้วยคงกระจายยากับเครื่องมือแพทย์ของเราแล้วทำให้ยอดขายโตขึ้นมากพอสมควร”
“อืม...” มาดามเผิงพยักหน้า “แม่เคยถามหนูน้ำ... หนูน้ำรู้จักโรงพยาบาลนั้นด้วย เธอบอกว่าทายาทของผู้บริหารเป็นเพื่อนของเธอ”
ชานป๋อเสียนยิ้มมุมปากนิดๆ ไม่บอกมารดาว่า ชลนทีรู้จักโรงพยาบาลนั้นดี เพราะว่าครอบครัวของหล่อนติดหนี้ค่ารักษาบิดาของหล่อนเป็นเงินหลักล้านและยังผ่อนจ่ายจนทุกวันนี้น่ะสิ
“ผมกลับห้องแล้ว แม่อย่ามัวคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยนะครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะ เชื่อผม” เขาบอกแล้วเดินแยกออกมา...
ส่วนมาดามเผิงลี่จินยืนนิ่วหน้า นางชวนคุยถึงเรื่องชลนทีหลายครั้ง แต่ลูกชายกลับปัดไปเรื่องอื่นทุกครั้ง และไม่สนใจหญิงสาวที่นางคิดว่าลูกชายต้องตกหลุมรักแน่ๆ นางแปลกใจเหลือเกินที่ออกมาเป็นแบบนี้...
มันมีอะไรผิดพลาดที่ขั้นตอนไหนหรือเปล่านะ นางอยากรู้เสียจริง
เจ้าลูกชายที่เดินแยกออกไปเดินพรวดออกมาอีกรอบ พร้อมกับโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ หน้าตาดูเคร่งเครียด
“มีอะไรหรือเปล่าป๋อเสียน”
“ลูกชายคนเล็กแม่โดนเล่นงานแล้วครับ รถคว่ำที่ทางขึ้นอาคารเดอะพีค”
“อะไรนะ แล้วน้องเป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมากครับ เห็นว่าจะไปขึ้นตึกเดอะพีคเพราะนัดกับนายหน้าว่าจะซื้อที่ผืนหนึ่งที่มองเห็นจากเดอะพีค แต่โดนเล่นงาน คนที่ทำเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยลอบกัดหมอนั่น เราต้องไปจัดการจริงจังแล้วครับ”
“อืม” มาดามเผิงพยักหน้า “งั้นก็ไปจัดการแล้วก็ไปดูน้องด้วย อ้อ... แม่ว่าเราเลยไปดูโรงพยาบาลที่ไทยเลยด้วยดีไหม”
“ก็ได้ครับ” เขาพยักหน้าส่งๆ แล้วพูดกับคนของน้องชายที่ปลายสายเพราะว่าน้องชายถูกส่งเข้าผ่าตัดจากการถูกลอบยิงและรถคว่ำ ไม่ได้เห็นว่ามารดานั้นมีสายตาคาดหวังอย่างไรเมื่อพูดถึงเมืองไทย
สนามบินเช็กแล็บก็อก ฮ่องกง
เครื่องบินร่อนลงแตะรันเวย์แผ่นดินฮ่องกงในเวลาเช้าตรู่ ชานป๋อเสียนได้รับรายงานข่าวเรื่องน้องชายตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน เจ้าหมอนั่นเพิ่งประกาศถอนหมั้นกับคู่หมั้น และเกิดเรื่องขึ้น
แม้สื่อหลายหัวคิดว่าบิดาของคู่หมั้นจัดการคนเป็นน้องชาย แต่พวกเขาเองรู้ดีว่ากลุ่มคนที่ทำร้ายน้องชายคือนักธุรกิจจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ลงทุนแล้วผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทส่วนตัวของน้องชายเขาที่มาเก๊าแล้วเล่นสกปรกโดยไม่รู้ว่ามังกรหลับอย่างตระกูลเขาและพันธมิตรร้ายกาจแค่ไหน
แม้ในรุ่นของเขาอาจจะดูเหมือนไร้พิษสงเพราะทำธุรกิจขาวสะอาดเพื่อเจือจางธุรกิจมืดในรุ่นพ่อแม่ให้เหลือเพียงสีเทา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้พิษสง ตอนนี้ทั้งพวกเขาและพันธมิตรต่างก็บินมาฮ่องกงกันเพื่อจัดการบริษัทของศัตรูให้เหลือแต่ซากแบบที่พวกนั้นจะไม่มีวันได้หือได้อืออีก...
ชานป๋อเสียนโทรออกหาลูกน้องของน้องชาย เขานิ่วหน้าเมื่อได้รู้ว่าน้องชายยังแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาล
“ผ่าตัดเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กลับเซฟเฮาส์ นอนอยู่โรงพยาบาลนานๆ เดี๋ยวหุ้นก็ตกหรอก” ได้ฟังคำพูดของเขาผู้เป็นมารดาเองก็แปลกใจ
“งั้นก็ตามไปดูที่โรงพยาบาลว่ามีอะไรดี หมอนั่นถึงได้นอนติดเตียงคนไข้ขนาดนั้น คราวก่อนโดนแทงมันยังให้คนมารักษากันเองไม่ได้เหยียบเข้าโรงพยาบาลสักก้าว”
“นั่นสิ จะบอกว่าอยู่ที่นั่นเพราะอยากอ้อนให้หนูเพ่ยอิงดูแลก็ไม่น่าจะใช่ เพราะว่าถอนหมั้นกันแล้ว”
“ผมบอกเหวินเล่อไว้แล้วว่าอย่าเพิ่งรายงานเรื่องที่เราจะเข้าไปที่โรงพยาบาล บางทีอาจจะเห็นอะไรดีๆ” เขาบอกยิ้มๆ แล้วช่วยมารดาถือกระเป๋าถือเดินออกมายังช่องทางวีไอพีที่ด้านนอกนั้นลิมูซีนคันหรูมันปลาบรอพวกเขาอยู่แล้ว
“ไปๆ รีบไปดู แม่สงสัยว่าน้องซุกผู้หญิงไว้หรือเปล่า อาจจะมีเค้า ทั้งถอนหมั้นกับคู่หมั้นที่หมั้นกันตามใจแม่ทั้งแนะนำสาวให้เท่าไหร่ก็ไม่สนใจ”
มาดามเผิงดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ชานป๋อเสียนมองมารดาที่เดินนำไปก่อนแล้วนิ่วหน้า เขาคงต้องหาอะไรให้ท่านทำจริงจังเสียแล้ว ก่อนที่ท่านจะกังวลเรื่องหาคู่ให้เขากับน้องชายจนพวกเขาลำบากไปมากกว่านี้...