เอกสารปึกโตๆ ถูกเปิดพลิกโดยละเอียด กวาดสายตาคร่าวๆ มองแล้วหัวคิ้วของนายแพทย์หนุ่มก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม...
เขาเรียกให้คนหาเอกสารที่มีข้อมูลที่เขาต้องการเพิ่ม เพราะอำนาจในมือทำให้สิ่งที่อยากรู้ไม่ได้ยากจนเกินไป โดยเฉพาะเจ้าของข้อมูลเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่เคยปกปิดตัวตนเข้าแล้ว เขาก็ยิ่งได้รู้อะไรดีๆ อีกมาก...
ผู้หญิงดีๆ ที่มารดาเขาหาให้ มีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงนัก... ใหญ่จนขนาดที่ว่าไม่สามารถเรียกหล่อนว่าผู้หญิงดีๆ ได้เต็มปากอีกต่อไป
ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นทำให้เขาละมือจากเอกสารแล้วคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารมาแนบหู
“ว่าไงครับ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่ลิมูซีนครับ เพิ่งออกจากสนามบิน” แม้จะเริ่มมีอารมณ์เคืองขุ่นเรื่องที่ถูกมารดาโทรตามเขา และส่งข้อความเข้าหาตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินแล้วเพราะเขาใช้บริการไวไฟบนเครื่องบินเลยติดต่อได้ มารดาเขาจึงตอกย้ำเรื่องการนัดดูตัวครั้งนี้จนระดับความรู้สึกด้านลบที่เขามีต่อผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นทุกที...
แต่นั่นมันก่อนที่จะได้ดูเอกสาร พอรู้เรื่องราวของหญิงสาวแล้ว เรียกได้ว่าเขาไม่มีสายตาไว้มองหล่อนในด้านบวกเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงใจดำเห็นแก่ตัวอย่างนั้น มาดามเผิงทำไมลุ้นให้เขาชอบนักหนา แปลกใจเหลือเกินที่คนแสนเฉียบขาดมาตลอดหลายสิบปีอย่างมาดามเผิงจะมองไม่ออก...
“ดีเลยลูก... ไม่กับหนูน้ำรอที่ห้องอาหารจีนร้านประจำของเรา... รีบมาล่ะป๋อเสียน” เสียงกระตือรือร้นทำให้ลูกชายออกจะเอือมเล็กน้อย เขามองปึกเอกสารในมือที่เอาเข้ามาเปิดดูต่อในรถแล้วเลือกบางอันที่คิดว่าน่าสนใจติดมือไปด้วย...
บางทีหล่อนก็คงอยากอ่าน... จะได้ตาสว่างว่าความลับไม่มีในโลก โดยเฉพาะโลกด้านเทาๆ ของฝั่งตระกูลเขา ไอ้ที่คิดว่าสร้างภาพสวยสดใสอะไรอะไรก็ดีไปหมดนั้นจะได้รู้ว่าคนอื่นเขารู้เท่าทัน
คนของห้องอาหารเข้ามาต้อนรับทันทีที่เขามาถึง เพราะเป็นแขกประจำและมาที่นี่บ่อย มีเพียงเดือนนี้เท่านั้นที่ทนมารดารบเร้าเรื่องการจับคู่ไม่ไหวหนีกลับฮ่องกงแล้วยังไม่วายถูกท้าทายและให้ตามตัวกลับมา..
“แม่ของผมมาที่ห้องอาหารนี้แล้วใช่ไหม” เขาถามพนักงานต้อนรับที่เดินนำเขาไป
“ครับ มาดามเผิงท่านมาก่อนหน้านี้แล้ว” พนักงานชายหันมาตอบทำให้ความคิดในแง่ร้ายที่คิดว่ามารดาจะแอบหลอกให้เขามาเจอกับหญิงสาวเพียงลำพังเป็นอันลบไป
พอรู้ว่าห้องที่ถูกจองเป็นห้องประจำที่เป็นห้องโปรดของมาดามเผิงเพราะมีวิวสวนบอนไซและน้ำตกเล็กๆ เพลินตา เขาก็บอกพนักงานว่าเขาจะเดินไปเอง พอถึงหน้าห้องชานป๋อเสียนก็เลื่อนบานประตูออก เสียงดังครืดยาวๆ
แล้ว สิ่งแรกที่เขาเห็นในคลองจักษุคือ
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้ามามองเขา แล้วยิ้มให้ทั้งปากทั้งตา...
เมื่อเขาไม่ยิ้มตอบและทำสีหน้าเคร่งขรึมอยู่เช่นเดิม... รอยยิ้มของหล่อนก็หุบลงและเปลี่ยนเป็นทำท่าตกใจที่ประตูเปิดออกมาเป็นเขา...
การแสดงของหล่อนช่างน่าอัศจรรย์นัก รอยยิ้มหยันๆ เกิดขึ้นที่มุมปากของเขามองไปรอบห้องเห็นเพียงเธอนั่งอยู่เพียงลำพัง... คงวางแผนไว้กับมารดาเขาสินะ
“ขอโทษที่ให้รอ” เขาบอกเรียบๆ ทั้งที่เขามาถึงก่อนเวลานัดห้านาที... ส่งสายตาคมไปมองคนที่ทำท่าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ยอมรับเต็มปากว่าหล่อนสวยกว่าในรูปหลายเท่าแต่การแต่งกายเรียบๆ ไม่โดดเด่นทำให้ความงามนั้นลดทอนลงไป คราแรกนึกว่าจะจัดเต็มแต่งหน้าทำผมมาแบบอลังการเสียอีกแต่นี่มาหน้าเปลือยโชว์ผิวแก้มใสและดวงหน้าสวยๆ โดยไม่ต้องแต่งสรร หากแต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหว เพราะเขาทำการบ้านมาก่อน เรียกได้ว่ารู้จักหล่อนละเอียดกว่าที่มารดาเขารู้มากเชียวล่ะ
เขามองประเมินท่าทางเหมือนวางตัวไม่ถูก แล้วก็เอ่ยถามเป็นคนแรก
“นึกว่าเธอจะดูดีกว่านี้เสียอีก... อยากรู้จริงๆ ว่าแม่มองที่อะไร ถึงคิดว่าเธอเหมาะสมจะเป็นแม่ของลูกฉัน”
ชลนทีดูเหมือนชะงักที่เขาถามอย่างนั้น “ที่น่าสงสัยกว่านั้น เธอมองยังไงว่าเธอเหมาะสมกับฉัน”
“ก่อนจะตอบคำถามของคุณ ฉันคงต้องถามคุณก่อนว่าความเหมาะสมที่ว่าคุณมองจากตรงไหนบ้าง”
คำถามที่ใจเย็นและมีชั้นเชิงมากกว่าจะโวยวายหรือตื่นกลัวทำให้เขาพึงใจ หล่อนฉลาดพอสมควร
“ชีวิตของเราแตกต่างกันมากเกินไป ไม่ได้มองในแง่ของความจนหรือรวย แต่สังคม คอนเนกชัน เพื่อนฝูง ของฉันกับเธอล้วนเป็นคนละกลุ่มกัน เราไม่มาทางใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุข ฉันต้องมาพบเธอเพราะแม่คาดหวังเรื่องเธอมากเกินไปและเริ่มบังคับก้าวก่ายฉันมากกว่าปรกติ ก็เลยคิดว่าต้องมาพูดกันให้เข้าใจ และอยากจะขอให้เธอเลิกคาดหวังในตัวฉันถึงแม้ว่าแม่จะอยากได้เธอมาร่วมตระกูลแค่ไหนก็ตามที แต่ในเมื่อคนที่ต้องการไม่ใช่ฉัน เรื่องแต่งงานก็ไม่มีวันเกิดขึ้น ฉันมาพบเธอเพื่อบอกให้เข้าใจ”
เห็นหญิงสาวเหมือนจะอ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาพูดตรงๆ คงไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนี้ เขามันขวานผ่าซากและพูดตรงๆ อยู่แล้ว ยิ่งเรื่องนี้เขาก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะอ้อมค้อม
“ขอบคุณที่ตอบคำถามและพูดกับฉันตรงๆ ฉันเองอาจจะโตมาในครอบครัวเล็กๆ ไม่ได้เป็นทายาทกลุ่มทุนมหาอำนาจอย่างคุณถึงได้มองเรื่องความเหมาะสมของการแต่งงานไว้แค่เรื่องความรัก ความเข้าใจ ไม่เคยมองไปไกลกว่านั้น ต่อไปฉันคงไม่คิดว่าอย่างน้อยการได้รู้จักคนที่รักครอบครัวและสนิทกับที่บ้านมากๆ เหมือนกันจะคุยกันได้เข้าใจมากขึ้น มาดามเผิงแม่ของคุณท่านน่ารักมากฉันเองต้องขอโทษที่ท่านทำให้คุณต้องยากลำบาก ฉันจะบอกให้ท่านหยุดคะยั้นคะยอกับฉันเรื่องคุณ”
หญิงสาวทำท่าเหมือนรู้ตัว และเหมือนจะถอยไปอย่างเจียมตัว... แต่คำพูดที่หล่อนใช้หาทางออกในยามที่เขาต้อนจนมุมว่าให้เลิกคิดจับเขานั้นยังคงติดใจเขาอยู่หนึ่งประโยค เขาเลยไม่ยอมเอ่ยลาแล้วให้หล่อนเดินจากไปได้ง่ายๆ
“รักครอบครัวเหมือนกันงั้นเหรอ... ฉันค่อนข้างแปลกใจที่เธอใช้คำนี้”
“คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ผูกพันกับครอบครัวหรือคะ”
“เปล่าหรอก ฉันสนิทกับครอบครัวมาก แต่ที่คิดว่าไม่เหมือนกันเพราะคิดว่าเธอไม่จะน่าใช้คำว่ารักครอบครัวกับตัวเองได้... ตอนที่แม่ร่ายเรื่องราวดีๆ ของเธอให้ฟัง ฉันให้คนหาข้อมูลของเธอมาหักล้างความเชื่อของแม่ฉันโดยที่ท่านก็ยังไม่รู้เรื่องนี้... ฉันรู้มาว่าเธอเรียนอยู่ที่อเมริกาอยู่หลายปี โดยที่ใช้เงินจากน้องสาวที่ต้องไปเดินสายร้องเพลงอย่างผิดกฎหมายตามเลาจน์วีไอพีทั่วฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า เพื่อส่งเสียเธอ รู้มาอีกว่าระหว่างที่อยู่ที่นี่เธอเองก็หาเงินได้พอสมควรแต่ไม่เคยมีการส่งไปช่วยเหลือกิจการที่บ้านที่เพิ่งล้มละลายไปแต่คนที่บ้านกลับเจียดเงินส่งให้เธอจับจ่ายโดยที่เงินในบัญชีของเธอเพิ่มขึ้นๆ ทุกที... อีกอย่างพ่อเธอป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกถึงแม้ไม่รุนแรงก็เถอะ แต่เธอไม่เคยไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมเยียนและช่วยเหลืออะไร รู้หรือเปล่าว่าทุกเดือนที่เงินค่าทำวิจัยของเธอเข้าบัญชีจนมันงอกเงยในพอร์ตหุ้นที่เธอเล่นยามว่างได้เป็นล้านดอลล่าห์.... เงินค่ารักษาพยาบาลตอนที่พ่อเธอป่วยยังผ่อนจ่ายโรงพยาบาลจากบัญชีของน้องสาวเธอที่มียอดเงินไม่ถึงหนึ่งในสิบที่เธอมีเลย”
หญิงสาวทำหน้าเหมือนไม่เคยได้ยินสิ่งที่เขาพูดมาก่อน... ก็แน่ล่ะคงไม่ได้คิดว่าจะมีคนอื่นมารู้เรื่องของตัวเองละเอียดขนาดยอดเงินทุกเหรียญในบัญชี เขายื่นกระดาษปึกใหญ่ให้หล่อนเพื่อบอกว่าฐานข้อมูลที่เขาได้มาไม่ได้พูดลอยๆ เป็นข่าวลือ
มือเล็กๆ หยิบมันไปเปิดเหมือนจะติดสั่นๆ เอกสารนั้นเป็นพวกค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลที่ครอบครัวของหล่อนติดค้างอยู่และหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีของหญิงสาวจากครอบครัวของเธอที่มีทรัพย์สินไม่ได้มากถึงหนึ่งในห้าสิบที่ชลนทีมีด้วยซ้ำ... แค่ดูว่าทำไมคนจนกว่าต้องโอนเงินมาให้พี่สาวที่รวยกว่าแทบทุกเดือนสม่ำเสมอแล้วก็พอรู้ว่าคนเป็นพี่ต้องล่อหลอกให้น้องโอนเงินจำนวนนั้นให้
หญิงสาวเปิดอ่านแล้วหัวคิ้วก็ขมวด... ตอนที่หล่อนเงยหน้ามามองเขา เห็นน้ำตาคลอในดวงตาของหล่อน และความที่หล่อนขาวจัดเพียงแค่นั้นขอบตาของหล่อนก็แดงก่ำและมีน้ำตารื้นออกมา
หล่อนพยายามยิ้มให้เขา แต่เป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนยิ่งนัก เขาไม่อยากเอาข้อมูลหล่อนมาพูดเล่นให้ช็อกอย่างนี้หรอก แต่ก็ต้องทำเพราะว่าเขาไม่อยากผูกพันกับคนตรงหน้า
“ฉันนี่น่าอายนะคะ เห็นแก่ตัวขนาดนี้ยังกล้าพูดเต็มปากว่ารักครอบครัว... แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ มาดามเผิงจะไม่มีวันนัดเราให้เจอกันหรือพูดเรื่องฉันกับคุณอีก ขอบคุณที่เสียเวลามาในวันนี้นะคะ”
หญิงสาวคว้าปึกเอกสารแล้วลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้มองหญิงสาวเต็มตานักเพราะหล่อนเองก็คงไม่อยากเผชิญหน้าเขานัก ท่าทางที่ยืนเหมือนร่างกายถูกหินถ่วงเขาเพียงแค่เห็นอยู่ในหางตา เห็นหล่อนเดินไปด้วยเรือนกายสั่นเทาจนไปชนเก้าอี้เสียงดังเขาถึงหันไปมองหล่อน ไหล่บางที่คุดคู้สั่นพร่าเหมือนกำลังร้องไห้สะอื้นหนักๆ แค่เขาจับได้เรื่องนี้มันสะเทือนใจหล่อนนักหรือไงนะหล่อนถึงได้ทำเหมือนโลกทั้งใบมันเลวร้ายกับหล่อน
หรือเป็นเขาเองที่ใจร้ายพูดตรงๆ กับหล่อนเกินไป
ชานป๋อเสียนลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวไป หรี่ตาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงร้องไห้และกระเจิดกระเจิงไปทางหน้าร้าน ขาของเขาก้าวยาวๆ ไปถึงตัวหล่อนเมื่อหญิงสาวทำท่าเหมือนจะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เธออยากตายหรือไงกันถึงได้เดินมุ่งหน้าไปทางถนนโดยไม่รอสัญญาณไฟให้คนข้าม
ปริ๊นนน...
เสียงแตรกดสนั่น พร้อมทั้งเสียงเบรก เกิดในเวลาเดียวกันกับที่หล่อนถูกดึงจากด้านหลังให้กลับไปยืนบนฟุตบาท ชานป๋อเสียนถอนหายใจ หากเขาฉุดหล่อนขึ้นมาช้ากว่านี้แค่สักวินาทีเดียว ร่างบางๆ นี่คงไปนอนแบนใต้ล้อรถแล้ว
“คุณโอเคไหม” ชานป๋อเสียนเอ่ยถามหล่อน เขาคือคนที่ดึงหล่อนขึ้นมา... ไม่รู้เลยว่าเขาตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันไม่เป็นไร” สะบัดมือเขาที่คว้าแขนหล่อนเอาไว้ให้หลุด ปาดน้ำตาแล้วโบกมือเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านหน้า รถจอดสนิทแล้วหล่อนก็ถลาเข้าไปนั่งแล้วปิดประตู ก่อนรถจะเคลื่อนออกไป เขาเห็นหล่อนซบหน้าลงกับมือแล้วสะอื้นตัวโยน จากนั้นแท็กซี่ที่หล่อนนั่งอยู่ก็ลับสายตาเขาไป...
มันคงน่าอายที่จะยอมรับหากมีคนรู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมที่แท้จริงต่างจากที่แสดงกับคนอื่นโดยเฉพาะกับชลนที ฉากหน้าหล่อนสวยงามจนมารดาเขาเผลอชมเชยสนิทใจ ใครจะรู้ว่าฉากหลังหล่อนเห็นแก่ตัวเพียงแค่ไหน หล่อนคงเสียหน้ามากถึงได้หนีเตลิดไปแบบนั้น