ยามสนธยาเมฆาสีหม่น แสงอาทิตย์ส่องผ่านลอดเข้ามาในถ้ำจนกระทบสองร่างซึ่งนอนกอดก่ายกันอยู่บนตั่งกว้าง ร่างสูงปรือตาขึ้นเล็กน้อยจากแสงสว่าง พลางนัยน์ตาคู่คมก็สบมองร่างบางที่กอดก่ายตนอยู่เคียงข้าง
แม้จะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างที่อีกคนไม่ได้กอดเขาแน่นจนอึดอัดอย่างแต่ก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเข้า มันก็กลายเป็นว่าการได้นอนข้างกายของอีกคนก็นับว่าไม่ใช่เรื่องแย่
แรกๆพระอภัยเองก็รู้สึกจำใจอยู่เหมือนกัน แต่ในคืนนึงที่ร่างของพิรุณทำเหมือนจะกลิ้งตกลงไปจากตั่งก็ทำเอาเขาอดคว้าตัวร่างนั้นไว้ไม่ได้ แน่ล่ะสิพิรุณท้องอยู่หากว่าเขาปล่อยให้อีกคนกลิ้งตกไปแล้วแท้งลูกจะทำยังไง
สุดท้ายในคืนต่อๆมาพระอภัยเลยต้องจำใจประคองอีกคนไว้ใกล้ๆตัว มันจึงทำให้เขาได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วพิรุณคนนี้นอนดิ้นขนาดไหน พลิกหน้าพลิกหลังจัดท่าจัดทางให้ตัวเองนอนได้สักพักก็พลิกตัวขึ้นมาใหม่ ดูท่าว่าจะนอนไม่ค่อยสบายเพราะติดตรงช่วงท้องป่องๆของเจ้าตัวนั่นแหละ
จะว่าสงสารก็สงสาร แต่เขาก็แอบเอ็นดูอีกคนไม่น้อย จะทำอะไรก็ต้องกุมท้องตัวเองไว้เสมอ จะกินจะนอนจะนั่งมือเรียวนั่นก็ไม่ยอมห่างเลย กลัวลูกจะหลุดหรือยังไงก็ไม่รู้
ทางพิรุณที่รู้สึกได้ถึงสายตาร้อนระอุของใครสักคนก็ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกห่างจากใบหน้าของเขาไม่ถึง5เซนด้วยซ้ำ ดวงตาคู่คมอย่างบุษราคัมเนื้อดีจ้องมองมาที่เขาจนพิรุณทำตัวไม่ถูก
ร่างเล็กขยับถอยออกจากอีกคนอัตโนมัติทว่าขยับออกห่างได้นิดเดียวแผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงท่องแขนที่กอดรัดเขาไว้แน่น
"เดี๋ยวก็ตก"
คำพูดสั้นห้วนแต่ทว่าไม่ได้แข็งทื่ออย่างเมื่อก่อน พระอภัยละมือออกจากช่วงเอวอีกคนขึ้นนั่งก่อนจะช่วยประคองพิรุณตามลำดับ ใจจริงพระอถัยก็ไม่ได้อยากจะดูแลอะไรพิรุณนักหรอก แต่ที่ทำทั้งหมดนี่เพราะลูกต่างหาก
เขาไม่อยากจะเป็นคนใจร้ายที่ละเลยแม่ของลูกตัวเองจนสุดท้ายลูกของเขาต้องเกิดมาไม่สมประกอบหรอกนะ
"ขอบใจจ่ะพี่อภัย"
พิรุณกล่าวขอบคุณเสียงอ่อนก่อนจะส่งยิ้มในยามเช้าให้อีกคน เรียวปากบางโค้งขึ้นอย่างจันทร์เสี้ยว ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู พระอภัยมณีเบือนหน้าหนีอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า ช่วงนี้เขารู้สึกใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ซ้ำยังเกิดความรู้สึกแปลกๆกับพิรุณหลายครั้งหลายครา
ร่างเล็กสบมองคนข้างกายครู่หนึ่ง พอเห็นว่าอีกคนไม่ต้องการจะต่อบทสนทนาต่อสองขาเรียวจึงได้ก้าวออกจากถ้ำไป
"สินสมุทรดูสิลูก พระอาทิตย์ตกดินล่ะ"
เสียงทุ้มนุ่มว่าพลางลูบช่วงท้องนูน ช่วงนี้เขาค่อนข้างอินกับการเป็นแม่คนเอามากๆ ร่างกายนี้ของเขาซึมซับการได้ปกป้องดูแลและให้ความสำคัญกับอีกหนึ่งชีวิตอย่างบุตรชายในท้องอย่างที่มารดาคนนึงพึงกระทำ
แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่แม้แท้ๆที่ทำให้เด็กคนนี้ได้เกิดมา แต่ในเมื่อปัจจุบันร่างนี้คือของเขา การที่เขาจะอยากมอบความรักให้เด็กในท้องตัวเองคงจะไม่ใช่เรื่องผิดแปลกใช่มั้ย
สินสมุทร คือชื่อจริงๆของลูกผีเสื้อสมุทรในวรรณคดี เป็นลูกครึ่งยักษ์ที่ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญในเรื่องเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นคนพาพระอภัยหนีจากผีเสื้อสมุทร และอีกต่างๆมากมาย จัดได้ว่าเป็นอีกตัวละครนึงที่โดดเด่นมากในเรื่อง
กับตัวผีเสื้อสมุทรเองก็นับว่าเป็นตัวสำคัญ ทว่ามีบทน้อยตายเร็วจะว่าเป็นตัวร้ายก็ร้ายไม่สุด เอาเป็นว่าผีเสื้อสมุทรในเรื่องคือตัวประกอบก็แล้วกัน
เดิมทีกว่าที่พระอภัยจะได้ออกมาเห็นโลกภายนอก ตอนนั้นสินสมุทรก็อายุได้ราวๆ8ปีแล้ว ว่าง่ายๆคือนายพระเอกวรรณคดีคนนี้โดนจับมาขังไว้เกือบ10ปีเลยก็ว่าได้ น่าสงสารสุดจะบรรยายจริงๆ
ไม่แปลกใจเลยทำไมพี่แกถึงทั้งโกรธทั้งแค้นผีเสื้อสมุทรได้ขนาดนี้
ทว่าในปัจจุบันของพิรุณ เขาได้ทำการปล่อยพระอภัยคนนั้นให้เป็นอิสระแล้ว ไม่กักขัง ไม่บังคับขืนใจ เว้นระยะห่าง ทั้งยังพยายามทำดีกับพี่แกสารพัด เพื่อที่สุดท้ายจะได้ไม่โดนตามมาฆ่า
โคร่ก ~
เสียงท้องร้องเบาๆช่วยเรียกความสนใจจากพิรุณที่เอาแต่เหม่อมองดวงอาทิตย์ก่อนหน้าให้หันมาสนใจปากท้องตัวเองซะก่อน
"แหะๆ หิวแล้วหรือลูก"
เสียงนุ่มว่าอย่างแผ่วเบาพลางลูบท้องตัวเองป้อยๆ สองขาเรียวหันกลับไปทางป่าดงผลไม้กลางเกาะ ตั้งแต่ที่ดวงจิตดวงนี้เข้ามายู่ในร่างผีเสื้อสมุทร ตลอดมาเขาก็กินแต่ผลไม้มาตลอด ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากกินเนื้อหรืออะไรนะ แต่บริเวณแถบนี้มันมีแต่ปลา แล้วปัญหาสุดแสนรันทดของพิรุณมันก็ดันติดอยู่อย่างเดียว
คือเขาจับปลาไม่เป็น
แต่แล้วอย่างไรกัน ในเมื่อผืนป่านี่ก็อุดมสมบูรณ์ดีแล้วเขาจะกินแต่ผลไม้ก็ไม่เห็นเป็นไร คำปลอบใจนี้ใช้กับพิรุณได้เสมอ ริมฝีปากเล็กขบผลไม้สดเคี้ยวๆแล้วกลืนลงท้อง พอกินจนพอใจแล้วเขาจึงได้คิดว่าจะออกไปนั่งเล่นริมทะเลต่อ
ทว่าก่อนที่จะได้ไปไหน ข้างหูเขาก็เหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่างตกลงมาดัง ตุบ
พิรุณเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน สักพักดวงตาคู่สวยก็หันไปเห็นลิงจ๋อตัวนึงที่ดูเหมือนจะพลัดตกจากต้นไม้จนขาแพลง
มันนอนกุมขาตัวเองนิ่งไม่ไหวติง แต่พอมันเห็นพิรุณเข้าก็พยายามจะลุกหนีทันที แต่เหมือนขาเจ้ากรรมจะไม่ยอมเชื่อฟัง บริเวณข้อขาของมันบิดเบี้ยวฟกช้ำเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บ พิรุณที่เห็นดังนั้นจึงอาสาช่วยจ๋อหน้าโหดที่แง่งๆใส่เขาไม่เลิก
"โอ๋ๆนะ มานี่เร็วพิรุณไม่กัด เดี๋ยวพิรุณทำแผลให้"
ร่างเล็กว่าออกมาไม่เบาไม่ดังนัก แน่นอนว่าเจ้าจ๋อพวกนี้ฟังภาษาคนไม่ออก แต่ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยนที่อีกคนแสดงออกมา มันเลยหยุดนิ่งให้อีกคนขยับเข้าหาตัว
พิรุณย่อตัวลงข้างๆลิงหน้าโหด เขาฉีกเสื้อตัวเองส่วนนึงออกมา ก่อนจะหาไม้แข็งๆแถวนั้นหักออกมาค้ำขาจ๋อไว้
"ใส่ไว้แบบนี้นะ อย่าเดินเยอะด้วยเดี๋ยวก็หาย"
ดวงตาคู่สวยหรี่ลงโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว เจ้าจ๋อค่อยๆผุดตัวลุกขึ้นแต่ทว่ามันก็ล้มลงไปอีกครั้ง พิรุณที่เห็นเจ้าจ๋อมีใบหน้าซึมลงก็อดใจไม่ไหว เขาอุ้มมันประคองขึ้นมาก่อนจะว่าเสียงเบา
"ให้พิรุณอุ้มนะ จะไปไหนล่ะ"
เหมือนเจ้าจ๋อจะพอจับใจความบางอย่างได้ มือน้อยๆของมันจึงได้ชี้ไปตามทิศทางนึง พิรุณเดินตามมือที่ชี้ไป จนกระทั่งเขาแหวกโพรงใบไม้มาเจอแหล่งรวมเหล่าจ๋อมากมาย
ที่นี่มีลิงน้อยใหญ่อยู่รวมกันเยอะจนนับไม่ไหว ลิงหลายตัวที่เห็นพิรุณโผล่เข้ามาก็ขู่ฟ่อๆอย่างหวาดระแวง แต่เมื่อพวกมันหันไปเห็นลิงที่พิรุณอุ้มหอบมาด้วยพวกมันก็หยุดขู่ทันที
พิรุณค่อยๆพามันมาวางลงตามที่เจ้าจ๋อในอ้อมแขนชี้ เขาโบกมือลาพวกมันอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะค่อยๆพาตัวเองออกจากบริเวณ
เกรงว่าถ้าหากเขาอยู่นานกว่านี้อาจจะโดนจ๋อหยุมหัวเอาก็ได้
"ทำไมไปนานจัง"
ร่างสูงเมื่อเห็นอีกคนเดินกลับมาก็เอ่ยทักทันที เนื่องจากพิรุณหายไปในป่านานกว่าปกติ เขาจึงอดถามไม่ได้
"น้องไปเจอลิงบาดเจ็บ เลยช่วยมันไว้ มันน่าสงสารมากเลย"
คนตัวเล็กกว่าว่าเสียงอ่อนทว่ามือบางก็ยังกุมหน้าท้องไว้อยู่เหมือนเดิม ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขมวดคิ้วง่วนอย่างฉงนใจ หรือว่าการที่ตนช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกมันจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจขนาดนั้นเลยหรือ
"พี่อภัยมิเชื่อน้องหรือ"
พิรุณว่าเสียงหงอยเมื่ออีกคนทำสายตาแปลกๆท่าทางเหมือนตกตะลึงราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นที่ได้ยิน ทางพระอภัยที่เห็นว่าอีกคนเบะปากอีกแล้วก็รีบขยับตัวเข้าหาทันที
"มิใช่เสียหน่อย น้องลองหันกลับไปมองด้านหลังสิ"
ร่างสูงว่าพลางชี้มือไปด้านหลังของพิรุณ เมื่อร่างเล็กได้ยินดังนั้นจึงหันมองตามบาง
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกตะลึง มิน่าล่ะพี่อภัยถึงได้ทำหน้าตาแปลกๆ ก็ด้านหลังของพิรุณตอนนี้มีลิงตามมาเป็นกระพรวน บางตัวก็ถือถาดผลไม้หอบหิ้วมาเหมือนจะเอาให้เขาด้วยนะ
"เชื่อแล้วล่ะว่าน้องไปช่วยลิงไว้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้"
"มิใช่เสียหน่อย น้องช่วยไว้ตัวเดียวเองหนา"
พิรุณละล่ำละลักว่าทันที สายตานับจำนวนลิงจ๋อพวกนี้คร่าวๆคงราวๆ 10ตัว ไม่สิ 20 หรือจริงๆอาจจะ30เลยก็ได้
พวกจ๋อเรียงคิวกันมาวางถาดผลไม้ให้พิรุณและพระอภัย ดูท่าว่าไอ่จ๋อตัวนั้นที่เขาช่วยไว้อาจจะเป็นถึงจ่าฝูงลิงเลยก็ว่าได้พวกมันถึงแห่กันมาขนาดนี้
"ฮื้ออ ขอบคุณนะพี่ลิง"
พิรุณย่อตัวลงกล่าวขอบคุณพวกจ๋อโดยรอบ พวกมันโดดโลดเต้นไปมา บ้างก็ปรบมือแปะๆ บางตัวที่ส่งของเสร็จเรียบร้อยก็กลับเข้าป่า บางตัวก็ดูท่าอยากจะคุยกับสัตว์ต่างเผ่าพันธ์อย่างพวกเขาจึงได้ส่งเสียงร้องกันเป็นว่าเล่น
รอยยิ้มบางยังคงประดับใบหน้าของพิรุณเช่นเดิมเขามองพวกจ๋อทำอะไรกันก็ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่าน่าสนุกดีละกัน
"เจี๊ยกๆ"
ดวงตาสีบุษราคัมและสีแดงเข้มหันมองตามทันทีที่เห็นจ๋อตัวนึงขยับมาดึงชายกางเกงของพิรุณไว้
ร่างเล็กลอบมองมันพลางเอียงคอเป็นเชิงถาม เจ้าลิงตัวนั้นจึงได้ลูบบริเวณหน้าท้องตัวเองพลางชี้มือมาทางหน้าท้องของพิรุณ
ร่างเล็กร้องอ๋อขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าใจสิ่งที่จ๋อจะสื่อ ลิงตัวนี้หน้าท้องป่องๆเหมือนเขาเลย มันคงจะอยากบอกว่าในท้องตัวเองก็มีเบบี๋นอนอยู่เหมือนกันนะล่ะมั้ง
"ในท้องพิรุณมีเด็กอยู่แหละ ท่านก็มีเจ้าตัวเล็กหรอ"
ลิงจ๋อตัวนั้นเมื่อเห็นว่าพิรุณตอบกลับก็โดดโลดเต้นไปมาพลางพยักหน้าหงึกหงัก ถึงมันจะไม่เข้าใจที่พิรุณตอบ แต่เอาเป็นว่ามันคือความหมายเดียวกับที่มันเข้าใจแล้วกัน
"เจี๊ยกๆๆๆ"
ลิงจ๋อตัวเดิมยังคงพูดคุยต่างภาษากับร่างเล็กเช่นเดิม ร่างสูงที่อยู่ข้างๆก็คอยสังเกตการณ์คนตัวเล็กไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร พิรุณในตอนนี้ดูสดใสอย่างแตกต่างโดยชัดเจน ทั้งรอยยิ้มและสิ่งต่างๆที่แสดงออกมาล้วนไม่ได้ปั้นแต่งขึ้นทั้งสิ้น
เขาเองก็นึกแปลกใจถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน แต่ในเมื่อมันเปลี่ยนไปในทางที่ดี เขาก็คงจะไม่ตั้งแง่กับอีกคนให้มาก
"หื้ม นั่นคุณพ่อของลูกในท้องท่านหรอ พิรุณเองก็มีนะ นี่ๆคนนี้ ท่านพ่อเจ้าตัวเล็กของพิรุณเอง"
พิรุณว่าพลางขยับเข้ามากอดแขนร่างสูงไว้ ใบหน้าหล่อเหลาจึงได้หันมองคนข้างกายที่ยังวาดยิ้มสนทนาคนละภาษากับจ๋ออย่างออกรส
ลิงตัวนั้นลากลิงอีกตัวมายืนใกล้ๆตัวเอง พลางลูบท้องของมันเหมือนกับจะบอกว่าลิงตัวข้างๆคือพ่อของเด็ก พิรุณตัวน้อยของเขาที่เห็นแบบนั้นคงจะอยากหาเรื่องคุยกับลิงบ้าง ตัวพระอภัยที่เป็นพ่อของลูกในท้องพิรุณจึงต้องร่วมวงสนทนาโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ยิ่งถูกเน้นคำว่าพ่อของลูก ใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ยิ่งขึ้นสี พระอภัยที่ฟังแม่ของลูกตัวเองพูดเจื้อยแจ้วก็เอ่ยแซวขึ้นมา
"ท่านแม่คุยกับสหายจบหรือยัง ท่านพ่อเริ่มหิวแล้วนะขอรับ"
เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นข้างหูของพิรุณทำให้เขาต้องหันมองทันที
อะไร มาท่านแม่ท่านพ่ออะไรของพี่!
นัยน์ตาคมกริบลอบยิ้มขำในใจเมื่อเห็นคุณแม่มือใหม่มีสีหน้าตกตะลึง พิรุณที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเกาะแกะพระอภัยมากเกินไปก็รีบละตัวออกทันที
พระอภัยรับบทคนหน้าหนาไม่รู้ร้อนรู้หนา ไม่เห็นจะต้องคิดมากอะไร ก็ในเมื่อเขาคือพ่อของเด็กส่วนพิรุณก็เป็นแม่ของเด็กจริงๆ แต่สิ่งที่ดูแปลกตาไป คงจะเป็นบทสนทนาที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากพระอภัยนี่แหละ
พิรุณทั้ง งง ทั้งสับสน หรือว่าคนที่โดนผีเข้าจะไม่ได้มีแค่ตัวเอง พระอภัยเป็นอะไรไปทำไมถึงพูดดีด้วย แถมยังพูดเสียงอ่อนเสียงหวานใส่เขาอีก แต่พอยิ่งคิดมาเข้า พิรุณเองก็ยิ่งเขิน หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆอย่างไม่เคยเป็น
หื้มม พ่ออออ
ลูกเราก็งี้แหละ น่ารักปุ๊กกะดิ๊ก
#ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก