2077 Words
คลื่นลมมหาสมุทรผัดผ่านสาดกระเซ็นละอองน้ำมากระทบร่างโปร่งที่นั่งแกว่งขาอยู่บนโขดหิน พิรุณรับลมทะเลเย็นๆพลางเอาเท้าจุ่มน้ำมองไปยังร่างสูงที่ถือฉมวกแทงปลาอยู่ ตั้งแต่วันนั้นที่พระอภัยแกบอกจะอยู่ช่วยเลี้ยงลูก พี่แกก็ดูแลพิรุณซะยิ่งกว่าแม่นกหวงไข่ โดยให้เหตุผลง่ายๆว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อลูกทั้งนั้น ทางพิรุณเองที่รู้สึกเกรงใจพระอภัยไม่น้อย ทว่าแม้จะทั้งไล่ทั้งถีบส่ง พ่อพระเอกอย่างพระอภัยก็มักจะใช้ความเป็นพ่อของลูกในท้องของเขาอ้างตัว ไม่ยอมไปไหนอยู่ลอยหน้าลอยตาแบบทำเอาลืมไปสนิทเลยว่าจริงๆพี่แกโดนลักพาตัวมา "พี่อภัยพี่จะไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องตัวเองจริงๆหรอ" ดวงตาสีแดงเข้มสบมองร่างอีกคนที่ยังคงตั้งใจจิ้มปลาน้อยใหญ่ติดฉมวกโดยไม่หันมาสนใจตน พิรุณถามย้ำเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วเรื่องที่อีกคนดื้อดึงไม่ยอมไปไหนเสียที "นี่บ้านพี่" "มันใช่ที่ไหนล่ะ ตัวเองเป็นถึงเจ้าชายไม่ใช่หรือไง ถึงจะโดนไล่ออกจากเมืองแล้วก็เถอะ แต่ถ้าพี่ออกจากที่นี่ไปนะ เราบอกเลยว่าพี่ต้องเป็นใหญ่ อยู่ดีกินสบายกว่านี้สิบเท่า" "แล้วจะให้พี่ทิ้งน้องกับลูกไว้ลำบากที่นี่หรือ พี่ทำไม่ได้หรอก" "แต่พี่.." "เลิกโน้มน้าวให้พี่ไปเถอะพิรุณ พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นตราบใดที่เรากับลูกยังอยู่ที่นี่" เสียงทุ้มเข้มตอบกลับแต่เขาก็ยังไม่ได้หันไปมองอีกคนที่ถามคำถามมา แม้เขาจะสงสัยอยู่บ้างว่าอีกคนรู้เรื่องของเขาได้ยังไง ทั้งเรื่องที่เขาเป็นเจ้าชาย แล้วก็เรื่องอื่นๆที่เคยกล่าวมาก่อนหน้า ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เรื่องราวในอดีตสำหรับเขามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าชายแล้วอย่างไร ตอนนี้เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาๆ ที่มีลูกเมียแล้วเท่านั้นเอง ใจจริงพระอภัยก็สงสารพิรุณนั่นแหละ เขาไม่ได้คิดว่าพิรุณจะเอาลูกของเขาไปต้มยำทำแกงอะไร เพราะอีกคนดูจะไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เขานับถือใจอีกคน ที่ยอมเลี้ยงลูกคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกตัวเองมาได้ขนาดนี้ การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ดูจากสภาพพิรุณที่จะนอนจะนั่งจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด ซ้ำยังกินอะไรไม่ค่อยได้ บางทีก็อ้วกออกมาจนหมด ดวงตาคู่สวยมองพระอภัยที่จับปลาใส่ตระกร้าสานพลางยืดเส้นยืดสายตัวเองไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย พิรุณเองก็อยากจะลงไปจับปลาช่วยแบ่งเบาภาระอีกคนเหมือนกัน แต่ก็โดนห้ามไว้ตลอด ตอนนี้เลยทำได้แค่นั่งให้กำลังใจอีกคนเท่านั้น "ขอตัวใหญ่ๆนะพี่อภัย" ร่างเล็กป้องปากบอกอีกคนที่ง่วนกับการหาปลา ส่วนคนตัวสูงที่ได้ยินร่างเล็กว่าแบบนั้นก็พยักหน้าตอบหงึกๆ พิรุณคิดว่าพระอภัยนี่ก็ว่าง่ายดีแท้ พระเอกสมัยนี้อยู่ดีกินดีกันไม่ชอบหรือไงนะ ทำไมถึงต้องพาตัวเองมาลำบากก็ไม่รู้ อย่าว่าแต่พระอภัยรู้สึกเป็นห่วงพิรุณที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวเลย ทางพิรุณเองก็เป็นห่วงพระเอกคนนี้เหมือนกัน พิรุณเป็นยักษ์อย่างน้อยก็ไม่น่าจะมีอะไรมาทำอัตรายเขาได้ขนาดนั้น แต่กับพระอภัยนี่สิ ถึงจะมีปี่เทพก็เถอะ เขาก็ยังเป็นคนธรรมดาๆยู่ดีไม่ใช่หรอ อ่า..แต่เป็นคนธรรมดาๆ ที่ใช้ปี่ถล่มกองทัพได้ทั้งกองอะนะ "พี่อภัยเราช่วย" พิรุณโดดลงจากโขดหินไปหาอีกคนทันทีเมื่อเห็นว่าร่างสูงเตรียมจะกลับฝั่งแล้ว มือทั้งสองยื่นไปข้างหน้าหวังจะช่วยถือตะกร้าให้อีกคน แต่พระอภัยก็ดันเบี่ยงตัวหลบซะก่อน "กระโดดลงมาทำไม เดี๋ยวมันก็สะเทือนไปกระทบลูกหรอก" พระอภัยว่าเสียงดุก่อนจะประคองอีกคนโดยอัตโนมัติ ทางพิรุณที่โดนอีกคนกกเป็นไข่ในหินไม่เลิกก็ได้แต่เบะปาก ทว่าตะกี้ถ้าโดดลงมาผิดท่าเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บจริงๆก็ได้ เอาเป็นว่าเขาจะไม่ถือสาอีกคนที่เจ้ากี้เจ้าการแล้วกัน "ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า น้องเป็นยักษ์นะ ไม่สะเทือนอะไรน้องง่ายๆหรอก" "กันไว้ดีกว่าแก้ ...ถือไว้หน่อย" ร่างสูงว่าเสียงเรียบก่อนที่จะยื่นตะกร้าปลากับฉมวกให้อีกคนถือ ร่างเล็กเองก็รับของที่อีกคนยื่นให้มาถืออย่างไม่อิดออด แต่พอจะก้าวขาเดินไปข้างหน้า ร่างสูงก็ดันช้อนตัวเขาขึ้นมาอุ้มซะก่อน "พี่อภัย! ปล่อยเราลง!" "เดินเยอะกระทบลูก" "พี่จะบ้าหรอ ไม่ให้เราเดินเนี่ย! เราแค่ท้องเราไม่ได้พิการ!" แม้เสียงโวยวายของพิรุณจะดังอยู่ข้างหูจนแทบจะตะโกนอยู่แล้ว คนหน้ามึนอย่างพระอภัยก็ไม่ได้สนใจจะทำตามเลย คนตัวใหญ่ยังคงอุ้มอีกคนเดินหน้าตาเฉย ไอ่พี่อภัย ไอ่คนขี้เวอร์ ทางพระอภัยเองไม่ได้คิดจะห้ามอีกคนเดินหรือกลัวมันกระทบลูกอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เขาแค่อยากจะแกล้งอีกคนเล่นเฉยๆ ยิ่งเห็นพิรุณโวยวายเขาก็ยิ่งได้ใจ คนปากร้ายอย่างพิรุณควรถูกสั่งสอนซะบ้าง ตั้งแต่ที่เขากับพิรุณเปิดใจบอกความจริงกันในวันนั้น พิรุณก็ดูจะแสดงนิสัยแสดงอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น รายนั้นค่อนข้างยุง่าย สะกิดนิดหน่อยก็ตีนกระดิกแล้ว ซ้ำยังปากเคลือบยาพิษสุดๆ ที่พิรุณเคยบอกว่าก่อนหน้าเสแสร้งทำตัวน่ารักๆใส่เขาบอกเลยว่าตัวเขาเองเชื่อสุดใจ แต่ถ้าดูไปดูมาดีๆ พิรุณที่เป็นตัวของตัวเองตอนนี้น่ารักกว่าเห็นๆ "วันนี้พี่ทำปลาต้มดีมั้ยนะ" "ไม่ดี" "ได้ งั้นพี่ทำปลาต้ม" "ไอ่พี่อภัยไอ่หมาลายสลิด" คนในอ้อมแขนพระอภัยถึงกับสบดอย่างขัดใจ ตะกี้คือพี่พูดกับลมถูกมั้ย ไม่ได้ถามความคิดเห็นเราแต่แรกถูกป้ะ? ส่วนพิรุณหลังจากที่เปิดใจกับพระอภัยก่อนหน้า เขาจึงได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยหลายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนจากอีกคนมากขึ้น ทั้งเรื่องที่ไอ่พี่อภัยเป็นคนขี้แกล้งขี้แหย่มาก แต่ก็ยังเป็นคนใจดีไม่น้อย มีบางครั้งที่ใจร้อนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่ ความขี้แกล้งขี้แหย่ของพี่แกมีมากขนาดไหนก็ดูเอาจากก่อนหน้าที่แม้จะยังไม่รู้ความจริง พี่แกก็ยังจะมองโลกในแง่ดีไม่เอาความบางเรื่องจากพิรุณผีเสื้อสมุทรได้เลย สำหรับพิรุณตอนนี้ พระอภัยในวรรณคดีดูจะแตกต่างจากพี่แกมากเท่าที่จำความได้ เขาเองก็ไม่ใช่คนแม่นวิชาภาษาไทย แต่จากคนที่เคยเรียนผ่านๆ มันก็ทำให้เขามั่นใจว่านิสัยพี่แกไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ หรือว่ามันจะเป็นผลจากเอฟเฟค 'ผีเสื้อขยับปีก' การเปลี่ยนแปลงเล็กๆในเรื่องที่กระทบเป็นวงกว้าง จะว่าใช่ก็น่าจะใช่แหละ เพราะการที่วิญญาณของเขาเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ผีเสื้อก็น่าจะขยับปีได้สักพันรอบไปแล้ว "หิวจังเลยยย.." พิรุณว่าพลางจ้องมองหม้อที่ต้มปลาเดือดปุดๆ ดีหน่อยที่บนเกาะผีเสื้อสมุทรมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเก็บไว้ให้ครบครัน พวกเขาจึงไม่ค่อยลำบากเรื่องการใช้ชีวิตเท่าไหร่นัก ทั้ง เสื้อผ้า เครื่องครัว เครื่องกรองน้ำ และสารพัดสิ่ง ล้วนแล้วแต่มีซุกไว้ในถ้ำทั้งนั้น แล้วถ้าถามว่าผีเสื้อสมุทรเอามาจากไหน ของเหล่านี้ก็ได้จากการล่มเรือคนที่ผ่านไปผ่านมายังไงล่ะ ทั้งเรือสินค้า เรือท่องเที่ยว เรือขนส่ง บอกเลยเรือลำไหนผ่านไปผ่านมาโดนถล่มเรียบ ส่วนข้าวของนางผีเสื้อก็ริบไว้หมด รวมถึงของมีค่าอย่างทองคำแก้วแหวนเงินทองที่เรือบางลำมีด้วย เรียกได้ว่าสบายยันชาติหน้า ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ "อดทนหน่อยจะเสร็จแล้ว" ร่างสูงว่าเสียงเรียบเตานึงก็ทำปลาต้มอีกเตาก็ปิ้งปลาไว้ ดีหน่อยที่ในป่าพอจะมีพวกมะนาวหรือพริกให้เอาไว้ปรุงอาหาร เพราะถ้าหากให้กินอาหารรสจืดไปตลอดๆล่ะก็ พิรุณคิดว่าลิ้นของตัวเองจะต้องเสื่อมแน่ๆ "พี่อภัย ลูกหิวว" เอาล่ะ ล่าสุดอ้างลูกแล้ว พระอภัยที่เห็นอีกคนงอแงเป็นเด็กก็แกะปลาปิ้งออกจากก้าง เหลือแต่เนื้อปลาสีขาวไว้ให้อีกคน "อ้าปากเร็ว" "ทำไมต้องป้อน เรากินเองได้" "มือพี่เปื้อนแล้ว เราจะได้ไม่ต้องล้างมือหลายรอบ" "ก็ได้.." พิรุณที่หิวไส้กิ่วเหนื่อยจะเถียงกับอีกคนก็ทำได้เพียงอ้าปากงับชิ้นปลาที่พระอภัยป้อนมาให้ ริมฝีปากบางเคี้ยวเนื้อปลาตุ่ยๆ แม้มันจะไม่แซ่บเท่าอาหารโลกเก่า แต่ก็ยังดีกว่ากินผลไม้ไปตลอด "ผัวดีเด่นจริงๆ" "ก็พี่เป็นผัวเรา" "อย่ามามั่วนิ่มนะพี่อภัย เราน่ะโสดลูกหนึ่ง" พิรุณเบะปากมองอีกคนที่สถาปนาตัวเองเป็นสามีเขาโดยไม่ถามความสมัครใจ แน่นอนว่าคุณแม่ลูกหนึ่งอย่างเขาก็ต้องปฏิเสธอยู่แล้ว "ถ้าพี่ไม่ใช่ผัวเรา แล้วพ่อเด็กคนนี้เป็นใครล่ะหื้ม" "ไม่มี ท้องเราจู่ๆก็ป่องขึ้นมาเองเลย เด็กมีแต่แม่ไม่มีพ่อ" "ทำไมล่ะ ไม่อยากได้พี่เป็นผัวหรอ พี่ว่าพี่ก็หล่ออยู่นะ" พระอภัยยิ้มขำเล็กน้อยหลังจากพูดคุยหยอกล้อกับอีกคนไปได้สักพัก ทั้งสองพูดคุยกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทางพระอภัยก็ฉีกเนื้อปลาป้อนให้อีกคนกินอย่างสบายใจ ทางพิรุณที่แทบไม่ต้องทำอะไรจึงรู้สึกลอยตัวเป็นอย่างมาก "เราอิ่มแล้วพี่กินเถอะ" พิรุณที่ถูกพระอภัยขุนจนเกินพอดีมาเล็กน้อยก็จับแขนอีกคนที่จะยื่นมาไว้ก่อน ทางพระอภัยจึงได้เอาชิ้นเนื้อเข้าปากตัวเองแทน คนตัวเล็กเอามือลูบท้องตัวเองป้อยๆ ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าเดือนที่9แล้ว เขาคิดว่าอีกนิดเดียวสินสมุทรก็คงจะได้ลืมตาดูโลกแล้วล่ะ "ขอบคุณนะจ๊ะ ผัวจ๋าา พี่อภัยน่ารักที่สู๊ดด~" พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน แต่ก่อนที่พิรุณจะปลีกตัวไปนอน เขาก็ยังหันมาขอบคุณพลางหยอกล้ออีกคนซะก่อน "ยอมให้พี่เป็นผัวแล้วหรอ" "ใช่แล้วจ้า" พระอภัยถึงกับเลิกคิ้วมอง ยอมรับแบบนี้จะมาไม้ไหนกันล่ะ "เพราะฉนั้น วันนี้ผัวนอนพื้นนะจะ เมียจะนอนบนเตียงกับลูกสองคน ไปละน้าา" นั่นไง ยังไม่ทันได้เปิดปากพูดอีกคนก็ชิ่งหนีซะก่อนแล้ว เดี๋ยวนะ เขาต้องไปนอนพื้นหรอ ร่างสูงได้แต่อ้าปากค้างกับชะตากรรมอันแสนรันทดของตัวเอง ตอนนี้เขาแทบจะไม่ใช่ผัวพิรุณแล้ว เขาแทบจะเป็นทาสคนนึงอยู่แล้ว.. ไหนพิ้อภัยขอมือหน่อย โฮ่งๆ กราฟเรื่องนี้สวิงพอๆกับรามเกียรติ์เลย ขึ้นๆลงๆเป็นรถไฟเหาะ ขาดอย่างเดียวคือมันตีลังกาไม่ได้นี่แหละ ฉันเหนื่อยมากนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD