9-2 ดอกเดียวเจ็ดราตรี

1648 Words
“ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง เปิ่นหวางเชื่อว่าต่อให้มีคนร้ายก็คงมีจำนวนไม่มากพอ เราไม่อาจเสียเวลาที่จะเดินทัพไปชายแดนได้ ดังนั้นเดินทางตามกำหนดการเดิม เพิ่มกองสอดแนมนำหน้าไปตรวจสอบเส้นทาง จำไว้ว่าเราต้องเดินทางไปชายแดนตามกำหนดการเดิมเพื่อช่วยป้องกันแคว้นให้ปลอดภัย ชาวบ้านจะได้ไม่หวาดผวา ให้ทหารทุกนายระมัดระวังตลอดเวลาหากมีสิ่งใดผิดปกติให้รายงานกับผู้บังคับบัญชาของตนเองทันที” ทุกคนตอบรับและแยกย้ายกันออกไปดูแลทหารส่วนของตน ในกระโจมเหลือเพียงชินอ๋อง รองแม่ทัพ ที่ปรึกษา ทั้งสองยังเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยจึงรีรอไม่ออกจากกระโจม เมื่อเห็นท่าทางเขาก็ยกมือพร้อมเอ่ยห้ามทั้งสอง “ท่านทั้งสองไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ข้าเข้าใจสถานการณ์ดี ขอบคุณในความกังวลและความห่วงใยในความปลอดภัยของข้า แต่สถานการณ์ที่ชายแดนไม่อาจรอได้ พวกท่านควรกลับไปพักผ่อนเก็บเรี่ยวแรงไว้จะดีกว่า” “พะยะค่ะ” ในเส้นทางระหว่างหุบเขามีหมอกจางๆ ดูไม่ออกว่าเกิดจากฝุ่นหรือเป็นละอองน้ำกันแน่ เมื่อกองทัพเคลื่อนผ่านไปได้กึ่งหนึ่งทันใดก็มีก้อนหินกลิ้งตกลงมาจริงๆดังคาด ทำให้แถวทหารเกิดความสับสนวุ่นวายทหารได้รับบาดเจ็บบางส่วน(ก่อนหน้าถูกสั่งให้เดินเว้นระยะห่างเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ) ระหว่างที่เหตุการณ์กำลังวุ่นวายนั้นก็มีคนชุดดำหลายสิบคนเคลื่อนกายลอยละลิ่วจากแนวหน้าผาพุ่งเข้าหาชินอ๋องที่มีเหล่าแม่ทัพและขุนพลล้อมรอบ การต่อสู้ทำให้เกิดเสียงอาวุธกระทบกันไปทั่วด้วยจำนวนแล้วไม่น่าเป็นห่วงสำหรับจำนวนคนของคนร้ายแต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันคือทหารทุกคนพากันไร้เรี่ยวแรงทยอยล้มลง เหลือเพียงทหารไม่ถึงสิบคนที่ยังพอมีเรี่ยวแรงประคองตัวให้ยืนอยู่ได้ “เกิดอะไรขึ้น! ในหมอกมีพิษ ทุกคนป้องกันท่านอ๋อง” คนร้ายสองคนฝ่าแนวทหารเข้าถึงตัวชินอ๋องฟาดฟันจนอาวุธกระทบกันเป็นประกายไฟ ชินอ๋องในสภาพอ่อนแรงแม้มีความสามารถแต่ก็ดูลดทอนความห้าวหาญอย่างเห็นได้ชัด คนร้ายฟาดฟันกับแม่ทัพและทหารที่เหลือจนต่างฝ่ายต่างล้มลงเหลือเพียงสามคนที่ล้อมชินอ๋องในเวลานี้ชุดเปื้อนไปด้วยโลหิตบนร่างกายมีบาดแผลไม่น้อย ทันใดนั้นก็มีธนูดอกหนึ่งถูกยิงออกมาทะลุเข้าสู่หน้าอกชินอ๋องก่อนจะค่อยๆล้มตัวลง คนร้ายทั้งหมดเห็นว่าบรรลุเป้าหมายก็เร้นกายหายไปไม่เหลือเงา บนพื้นมีเพียงทหารที่สลบไสลและซากศพกระจัดกระจาย กองทัพถูกสั่งให้เดินหน้าฝ่าหมอกออกไปเมื่อหนีออกมาจากช่องเขาได้ รองแม่ทัพและที่ปรึกษาก็สั่งให้ตั้งกระโจมเมื่อห่างมาได้ราวสิบห้าลี้ พื้นที่เป็นเนินสูงโดยรอบลาดต่ำลงไปมีแอ่งน้ำขนาดไม่ใหญ่เหมาะแก่การพักชั่วคราว ชินอ๋องพระพักตร์ซีดขาวปากเข้ม หายใจอ่อนแรงลูกธนูยังปักคาอยู่โลหิตที่ไหลออกมาจากรอบๆแผลมีสีคล้ำกว่าปกติ ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ “อือ” “ท่านอ๋องๆ ในที่สุดก็ฟื้น หมอรีบเข้ามาดู” ขุนพลและที่ปรึกษาขยับถอยห่างเว้นที่ให้หมอทหารรีบเข้าไปตรวจชีพจร ชินอ๋องพ่นโลหิตสีดำออกมาไม่น้อยก่อนก็สลบไปอีกครั้ง คนทั้งหมดที่ยืนจับกลุ่มห่างออกจากเตียงนอนในกระโจมต่างตกใจถูกไล่ให้ออกไปรอฟังผลการตรวจอาการ ห้ามส่งเสียงรบกวนการนอนของชินอ๋องจึงพากันออกมาคุยนอกกระโจม “เรียนท่านรองแม่ทัพ ท่านอ๋องได้รับพิษ ในธนูมียาพิษ” “เจ้าเป็นหมอประจำกองทัพก็รีบรักษาสิ” “ท่านรองแม่ทัพข้าเป็นเพียงหมอทหาร ความเชี่ยวชาญข้ามีเพียงรักษาบาดแผลจากคมดาบคมหอกของสนามรบ ข้าไหนเลยจะสามารถรักษาคนที่ถูกพิษได้” “เช่นนั้นทำอย่างไรดี” “จากการตรวจพวกข้าเพียงแต่คาดเดาจากตำราที่เคยศึกษามาคาดว่าจะเป็นพิษ เจ็ดราตรีคราวิญญาณ ดังนั้นพวกเรามีเวลาเพียงเจ็ดราตรีเท่านั้น พวกท่านต้องรีบหาวิธีนำโอสถถอนพิษมาให้ได้ หากพ้นเวลานี้ไปคงมิอาจช่วยเหลือชินอ๋องได้แล้ว อีกทั้งบาดแผลอื่นๆก็มากมายบางแผลลึกเกินไปต้องรีบรักษาไม่อาจรอเวลา แต่ข้าเกรงว่าท่านอ๋องจะไม่สามารถผ่านคืนนี้ไปได้ โอสถที่ใช้ในกองทัพเองเป็นสมุนไพรทั่วๆไปเกรงว่าจะยับยั้งอาการไม่ได้หากอาการกำเริบขึ้นมา" ระหว่างที่ระดับ รองแม่ทัพ ขุนพล และหัวหน้ากองทุกคนกำลังปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด ด้านหลังห่างออกไปเล็กน้อยก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นทำให้ทั้งหมดเงียบเสียงลงหันกลับไปก็พบกับพลทหารที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดหน้าตามอมแมม “ท่านหมอ.. ท่านหมอขอรับ ท่านช่วยดูโอสถนี่หน่อย มันสามารถช่วยชินอ๋องได้หรือไม่ขอรับ” “นี่คือ โอสถหรือ” “ขอรับ ท่านช่วยตรวจสอบดู ข้าหวังว่าจะพอช่วยพระองค์ได้บ้างขอรับ” รองแม่ทัพจ้องมองเม็ดโอสถที่วางบนผ้าขาวในมือของหมอทหาร ในยามที่อับจนหนทางแค่โอสถเม็ดเล็กสีเขียวอ่อน ที่ไร้ที่มาไร้ที่ไปเช่นนี้ก็สามารถกลายเป็นความหวังของเขาได้แล้ว “ว่าไง เจ้าตรวจดูแล้วใช้ได้หรือไม่” “ข้าไม่แน่ใจ ดูเหมือนจะเป็นโอสถที่ใช้บำรุงร่างกายหรือไม่ก็อาจใช้รักษาได้ด้วยเพียงแต่ข้าก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าโอสถนี้คือโอสถอะไร” “เจ้าประสงค์ร้ายต่อชินอ๋องใช่หรือไม่” “ไม่ใช่ ขอรับข้าไม่มีทางคิดร้ายต่อท่านอ๋องอย่างแน่นอน หากท่านรองแม่ทัพไม่เชื่อข้าสามารถกลืนมันพิสูจน์ให้ท่านดูก็ได้นะขอรับ” “มันมีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น นำเขาไปขังไว้หากชินอ๋องทรงเป็นอะไรไป เจ้าต้องถูกตัดหัวทันที”ฯ็น็็็ “นำตัวไป” หลังจากเลื่อนระดับขึ้นมา ชีวิตประจำวันของจิ่วเหมยฮวาจากเดิมเรียนรู้สมุนไพรเริ่มต้นก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการฝึกฝนการหลอมโอสถขั้นพื้นฐาน ย้ำว่าพื้นฐานเพราะความรู้ด้านวิชาแพทย์ที่มีในความทรงจำของนางคือการรักษาแบบสมัยใหม่ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยและมียากินยาฉีดทันสมัยพร้อม ดังนั้นเมื่อนางจะช่วยคนในยุคสมัยนี้ได้ก็ต้องมียาหรือโอสถ เพราะการรักษาด้วยสมุนไพรที่ใช้ต้มแล้วดื่มรักษาได้แต่ช้าและยุ่งยากไม่ทันเวลา นางฝึกฝนตามคัมภีร์ทั่วไปที่ใช้เป็นพื้นฐานปรุงโอสถบวกกับประสบการณ์ที่อาจารย์รองเขียนบรรยายไว้เพิ่มเติม เมื่อมีพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นนางก็สามารถควบคุมไฟวิญญาณของตน (ไฟที่เกิดจากการควบคุมจิตวิญญาณให้เกิดไฟ) เพิ่มความร้อนให้กับไฟธรรมชาติจากเชื้อเพลิงเช่นไม้ ถ่าน ช่วงเริ่มต้นเพียงห้าวันจิ่วเหมยฮวาเผาทำลายสมุนไพรที่เก็บรักษาไว้ไปมากกว่าครึ่งยังไม่สามารถหลอมโอสถออกมาสักเม็ด ด้วยสัญชาตญาณของหมอนางยังคงมุ่งมั่นฝึกฝนต่อไป “ฟุป ฟู่ฟู่ฟู่” ฮัดชิ้ว ควันจากเตาหลอมคละคลุ้งออกมานอกห้องพร้อมกับร่างบางที่ก้าวหนีควันออกมาด้านนอก “เจ้าจะเผาสมุนไพรที่พวกเราเก็บรวมรวมมานับปีจนหมดมิได้นะ ฮวาเอ๋อร์” “ข้าก็พยายามอยู่นะ เจ้าสิดีนัก ยังไม่เลื่อนระดับขึ้นมาเพียงแค่เรียนการใช้สมุนไพรรักษา” “ข้าก็อิจฉาเจ้านะ แต่ข้าก็ยังรู้สึกดีกว่าที่ไม่ต้องหลอมโอสถ ฮิฮิฮิ… น่าสงสาร” “อืม..ข้าไปหลอมโอสถหล่ะ” “พยายามเข้านะ ฮวาเอ๋อร์ สู้สู้” ในห้องพักของอาจารย์ใหญ่ จิ่วเอ๋อร์และจิ่วเหมยฮวานำกาน้ำชาเข้ามาเปลี่ยนและเก็บเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ จิ่วเอ๋อร์นางเล่าชีวิตประจำวัน ลมฟ้าอากาศ สร้างความรื่นเริงให้อาจารย์ได้ยิ้มสักเล็กน้อยนางอยากให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง นางกลัวอาจารย์จะล้มป่วยอีกครั้ง ชีวิตนางเป็นอาจารย์ช่วยเหลือและมอบให้ ความสุขกายสุขใจทุกวันนี้เป็นเพราะท่านอาจารย์ “จิ่วเอ๋อร์ การฝึกฝนของเจ้าก้าวหน้าช้ามาก เจ้าควรจะต้องเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ หากภายภาคหน้าไม่มีอาจารย์ดูแลเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข อาจารย์ก็ไม่หวังให้เจ้าบรรลุเป็นเซียนเพียงอยากให้มีวิชาติดตัวผ่านพ้นเคราะห์พ้นโศกมีความสุขตลอดไป” “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ศิษย์ล้วนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีท่าน มีฮวาเอ๋อร์ มีบรรดาอาจารย์ท่านอื่นๆ พวกเราใช้ชีวิตสงบสุข ร่างกายแข็งแรงจิตใจเรียบง่าย แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ท่านดูหน้าข้าสิดูดีใช่หรือไม่” “อืม เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว” “ฮวาเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่ก็นานแล้วเจ้ามีความสุขหรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าสุขสบายดี การฝึกฝนก็ราบรื่น” "ฮวาเอ๋อร์ การหลอมโอสถของเจ้าเป็นอย่างไร" “เรียนท่านอาจารย์ข้าสามารถหลอมโอสถขั้นพื้นฐานระดับต้นได้แล้วเจ้าค่ะ รักษาอาการง่ายๆ ปวดศรีษะ ปวดท้อง ท้องเสีย จำพวกนี้เจ้าค่ะ” “ทางเซียนเจ้าสองคนคงเดินไม่ถึง….เจ้าออกไปเถอะ อาจารย์จะนั่งสมาธิ” “ไปไม่ถึงก็ไม่ต้องไปสิ เจ้าว่าไหมฮวาเอ๋อร์” “……….."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD