เอวาที่เดินตามหลังครูสออกมาจากห้องที่เธอถูกขังไว้ ตามทางเดินด้านนอกไม่มีใครเลย นอกจากครูสและเธอที่กำลังเดินตามหลังกัน
“อย่าพยายามหาช่องทางหนีเลย สิ่งที่เธอไม่เห็นนั้นไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี” ครูสที่ลอบมองเอวา เอ่ยออกมาให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเปลืองสมองคิดหาทางออกจากที่นี่ได้ง่ายๆ
ครูสพาเอวาเดินมาถึงโต๊ะอาหาร สลัด ไก่ทอด สปาเก็ตตี้ ซุปไก่ ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ เอวากลืนน้ำลายเหนียวๆของตัวเองทันที ให้ตายตรงนี้เลย เธอไม่เคยหิวอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน เอวาไม่สนใจคำเชิญของครูสที่ผายมือให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ เพราะเอวาเลือกเก้าอี้ตรงหน้าเองโดยทันที เธอไม่สนใจช้อน มีด ส้อม ที่วางอยู่ทั้งนั้น เธอเอื้อมมือไปหยิบน่องไก่ทอดมากัดโดยทันที เพราะความหิวที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้มันมากมายจนเธอไม่สนใจครูสที่หลี่ตามองเธออย่างไม่อยากเชื่อ แต่...
“เธอเป็นคน ไม่ใช่หมาข้างถนนหิวโซ ค่อยๆกินก็ได้” ครูสขยับมือไปดึงแขนเอวาไว้ข้างหนึ่งเมื่อเธอกำลังจะยื่นอีกมือที่ว่างไปหยิบไก่อีกชิ้นมากัดกิน และนั้นทำให้ครูสต้องเจอกับสายตาขวางๆของเอวา พร้อมกับที่เธอสะบัดแขนออกจากการจับต้องนั้น เธอเคี้ยวไก่ในปากแล้วกลืนลงคอทันที
“ถ้าฉันเลือกเป็นหมาได้ แล้วไม่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอย่างแก ฉันก็ขอเป็นหมา...!!!!.../เพล้ง!!!!” สิ้นเสียงของเอวา จานเปล่าตรงหน้าเธอล่วงหล่นลงพื้นทันทีด้วยฝีมือของครูส มืออีกข้างของเขาคว้าแขนเอวาให้ลุกจากเก้าอี้ที่เธอนั่งทันที
“อย่าสำคัญตัวผิด...ฉันไม่เคยต้องการตัวเธอเลย ถ้าเธอไม่ใช่แม่ของเดม่อน อย่าหวัง! ว่าจะมีโอกาสมาเหยียบที่นี่” ครูสพูดด้วยน้ำเสียงราบต่ำ ใส่หน้าเอวา
“…ข้อยกเว้น ที่ควรค่าแห่งการภูมิใจมาก” เอวาจ้องตาครูสกลับใช้น้ำเสียงเย้ยหยัน
ครูสแสดงความไม่พอใจ โดยที่เขาบีบแขนเธอแรงขึ้นโดยที่ตัวเองแทบจะไม่รู้ตัว ซึ่งเอวารู้สึกและรู้ตัวตลอดเวลา เธออดทนต่อความเจ็บปวดนั้นเพราะถ้าเธอแขนหัก เธอก็อาจมีโอกาสออกจากบ้านหลังนี้ไปโรงพยาบาลก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...
“โอ้ย!!!” เอวาร้องออกมา เมื่อครูสปล่อยแขนเธอพร้อมกับผลักจนเธอเสียหลักกระแทกกับเก้าอี้เล็กน้อย และเขาก็เดินจากไป แต่ทันทีที่เขาพ้นประตูห้องอาหารที่เปิดไว้ ก็มีผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาและยืนเฉยๆ หน้าประตูทางเข้า สายตาจ้องมาที่เธอ แสดงให้เธอรู้ว่าเขามาเฝ้าเธออยู่ “ตกลง...เป็นนักร้องหรือมาเฟีย กันแน่!!!!” เอวาเปรยเบาๆ พร้อมกับมืออีกข้างมาลูบแขนตัวเองข้างที่กระดูกเกือบหัก น่าเสียดายที่มันไม่หักแต่คงมีรอยช้ำเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้แน่ เพราะผิวต้นแขนเธอตอนนี้แดงเป็นร่องรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน...ในเวลาต่อมา เอวาถูกควบคุมให้เดินกลับห้องพักหลังจากที่เธออิ่มหน่ำกับอาหารตรงหน้าแล้ว
“นายจะไปไหนครับ?” เปาโล ถามครูสทันที ที่เขาบอกให้เอารถออกในวันรุ่งขึ้นช่วงเวลาสายๆ
“ไปบ้านพ่อกับแม่เอวา” ครูสเอ่ยสั้นๆ ในเวลาต่อมารถที่ขับโดยเปาโล มาเทียบข้างทางจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ครูสลงมาจากรถและเดินไปตามทางเดินเล็กสั้นๆ “ก็อก ก็อก” ครูสเคาะประตู และเขารอไม่นานประตูก็ถูกเปิด “สวัสดีครับ...คุณดาร์เลเน่” ครูสทักทายชายสูงอายุที่เขารู้ดีว่าเป็นพ่อของเอวา
“คุณ มาพบใคร”
“ผมขออนุญาตแนะนำตัวนะครับ ครูส กัส แอชเชอร์ ผมเป็นพ่อของเดม่อน” ประโยคของครูส เรียกความสนใจของมิสเตอร์ดาร์เลเน่ได้ทันที
“เชิญคุณ...เข้าข้างในก่อน” ดรูว์ อนุญาตครูสเข้ามาในบ้าน
“ขอบคุณครับ” ครูสกล่าวขอบคุณอย่างเป็นมิตร
ดรูว์ ดาร์เลเน่ มองผู้ชายตรงหน้า ดูจะคุ้นๆอยู่บ้าง แต่การแต่งตัวและท่าทางของครูส ดูน่าไว้วางใจ ดรูว์เชิญให้ครูสนั่ง
“คุณรอสักครู่...” ดรูว์เอ่ย และกลับมาที่ครูสอีกครั้ง พร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับแขก และหญิงสูงวัยอีกคน แม่ของเอวา
“นี่ เจส ดาร์เลเน่ แม่ของเอวา...”
“สวัสดีครับ และยินดีมากครับที่ได้พบพวกคุณทั้งสอง”
“เมื่อกี้คุณบอกว่า คุณเป็นพ่อของเดม่อน อย่างนั้นเหรอ?”
“ครับ”
“เอ่อ!…ขอโทษนะ ตอนนี้เราสองคนไม่เข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเราสองคนไม่รู้มาก่อนว่าใครคือพ่อของเดม่อน” ดรูว์บอกกับครูส และนั้นทำให้ครูสคิ้วขมวดอย่างสงสัย
“คุณทั้งสอง กำลังจะบอกผมว่า เอวาไม่เคยบอกใครเลยเหรอครับ”
“ใช่!…เอวาเป็นเด็กดี เรียบร้อย แต่วันหนึ่งเธอก็เข้ามาบอกเราสองคนว่า เธอท้อง....” ดรูว์ เล่าเหตุการณ์ย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน
“อ้าว!...เอวามีอะไรเหรอลูก” ดรูว์เอ่ยกับเอวา ที่เดินเข้ามาหา
“พ่อ แม่ คือ หนูท้องค่ะ” ประโยคสั้นๆ ของเอวา ทำให้ดรูว์และเจส ที่นั่งอยู่ด้วยกันหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ
“เอวา!...แม่ไม่เข้าใจ” เจสที่เลี้ยงเอวาด้วยเหตุและผล และเอวาก็เรียบร้อยเกินกว่าที่เธอจะคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้
“หนูขอโทษนะคะ ที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง แต่หนูอยากเก็บลูกหนูไว้ หนูจึงตัดสินใจมาบอกพ่อกับแม่” เอวาพูดพร้อมน้ำตาไหลออกมา แต่เธอไม่คร่ำครวญ เพราะเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกของเธอ เอวาวัยสิบเจ็ดที่เธอตัดสินใจแล้ว
“เอวา...” ดรูว์เดินไปกอดบุตรสาวไว้ เขาผิดหวังอย่างที่เธอบอก แต่เขามีเอวาเป็นลูกเพียงคนเดียว ครอบครัวเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่เขารักเอวามากเกินกว่าจะทำให้เธอเสียใจไปกว่าที่เธอเป็นอยู่ เพราะเขาเป็นพ่อย่อมเข้าใจลูกสาวเขาที่กำลังจะเป็นแม่ เจสที่ยังช็อคกับสถานการณ์ตรงหน้า เธอนั่งนิ่งๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมา เธอทำเพียงมองพ่อลูกที่โอบกอดกัน และดรูว์ก็พยุงให้เอวาเดินมานั่งคุยกัน... แต่...
“ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เราสองคนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเดม่อน...จนกระทั่งคุณมาบอก เราสองคน...ขอถามนะ ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าเดม่อนเป็นลูกชายของคุณ”
“เรื่องนี้ ถ้าผมเป็นฝ่ายพูด คุณทั้งสองอาจจะไม่เชื่อให้เอวา มายืนยันจะดีกว่า” ดรูว์กับเจส หันมามองหน้ากันทันที
“เอวากับเดม่อนหายตัวไป...” ดรูว์เป็นฝ่ายบอก
“หมายความว่าอะไรครับ” ครูสแสดงถึงความตกใจ
“เอวาหายไปในวันแต่งงานของเธอกับโดโนแวน”
“หายไป...ถ้าเธอหายไป ทำไมคุณถึงไม่แจ้งความละครับ แล้วเธอหายไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเหรอยังครับ” ครูสตีบทแตก
“โดโนแวน ขอเป็นธุระเรื่องนี้เองครับ แต่ตำรวจสันนิษฐานว่าเอวาหนีไปเองพร้อมเดม่อน” ดรูว์บอกครูสตามที่โดโนแวนแจ้งมา
“ผมไม่เข้าใจ”
“เดม่อนก็หายไปเช่นกัน ในวันเดียวกันนั้น ตอนนี้พวกเราก็หวังว่าเอวาจะหนีไปจริงๆ และเธอคงจะติดต่อกลับมา”
“พวกคุณเชื่อจริงๆเหรอครับว่าเธอหนีไป” ครูส ย้ำถาม
“เอวา รักเดม่อนมาก เพราะเดม่อนก็หายไป มันทำให้พวกเราคิดว่าเธออาจจะหนีไปจริงๆ”
“ถ้าสมมุติว่าเธอหนีไปจริงๆ ทำไมเธอต้องหนีด้วยครับ”
“เรื่องนี้ ทำให้เราสองคนไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“เมื่อกี้คุณบอกว่าเธอหนีไปในวันแต่งงาน...นี้จะเป็นสาเหตุเหรอเปล่า”
“คุณกำลังคิดว่าเธออาจจะถูกบังคับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เอวากับโดโนแวนคบหากันมาหลายปีแล้วเอวาตัดสินใจและเต็มใจแต่งงานกับโดโนแวน...เอ่อ! คุณไม่เป็นอะไรนะครับที่ผมต้องบอกไปตามความจริง”
“เอ่อ!...ผมไม่เป็นอะไรครับ แล้วเพื่อนๆ ของเธอล่ะครับ...จะไม่มีใครทราบเลยเหรอครับว่าสองคนนั้นไปที่ไหน” ครูสถามอย่างไม่มีพิรุธ ทั้งๆที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าความจริงของเรื่องนี้คืออะไร สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้คือ เดม่อน อยู่ที่ไหน