ตอนที่ 2 คู่ข้าวใหม่ปลามัน

3660 Words
ตอนที่ 2 คู่ข้าวใหม่ปลามัน                 อรุณรุ่งมาเยือน ในห้องหอเทียนมงคลคู่ถูกเผาไหม้จนหมดแล้ว แสงขาวยามเช้ามาเยือน อู๋ชิวอิ่งรู้สึกตัวตื่นไม่นานก็ถูกสามีผู้เร่าร้อนเข้าไปทักทายในกายอีกครั้ง เดิมทีก็ทำกันมาทั้งคืนแล้ว เพิ่งจะได้พักไปไม่นาน แต่เขายังคงมีความต้องการ นางจึงยินยอมพร้อมใจให้           นางพลิกกายขึ้นนั่งคร่อมสะโพกเขาขณะที่ท่อนเนื้อยังแข็งขึงอยู่ภายในที่อุ่นชื้นและเหมือนจะร้าวระบมอยู่น้อยๆ ด้วย นางยันสองมือไว้บนแผ่นอกเขา เริ่มขยับเอวอ่อนพลิ้วสอดประสานเสียเอง เมื่อคืนในครั้งที่สองนางก็ขอทำเองบ้าง เขาถึงกับครางเสียงต่ำไม่หยุด ชมชอบมากและช่วยนางออกแรงประสานไปด้วย           ตอนนี้เขาก็มองนางด้วยตาฉ่ำวาว สองมือประคองสะโพกกลมมน มองเอวอ่อนของภรรยาแล้วยิ่งรู้สึกเสียวกระสันเป็นเท่าตัว “น้องหญิงทำพี่สิ้นลายแล้ว”           “จริงหรือเจ้าคะ ข้าเก่งหรือไม่” เพราะข้าอยากมัดใจท่าน จึงต้องทำเช่นนี้หรอกนะ หาไม่แล้วชีวิตที่สองนี้ก็คงได้มาอย่างเสียเปล่าแล้ว อู๋ชิวอิ่งคิดในใจ แต่ใบหน้าหวานล้ำยังอยู่ในท่าทางที่สามีชมชอบมาก           “เจ้าเก่งมาก” เขาตอบด้วยเสียงแตกพร่า เหมือนจะสั่นอยู่เล็กน้อยด้วย           อู๋ชิวอิ่งยิ้ม ก่อนจะอ้าปากหอบหายใจไปพร้อมกับยกสะโพกกระแทกต้นขาอีกฝ่าย “ท่านพี่ชอบหรือไม่”           “ชอบ ชอบมาก” เขาตอบคล้ายละเมอเพราะนางเร่งขยับสะโพกขึ้นลงรัวเร็วคล้ายลงโทษคล้ายให้รางวัลจนเขาเคลิบเคลิ้มแทบจะสิ้นท่าทีเดียว           เมื่อถึงจังหวะสุดท้าย เขายกสะโพกเสยขึ้นรัวเร็วพร้อมกับนาง จนทั้งสองตัวสั่นงันงกและปลดปล่อยความสุขสมออกมาอีกครั้ง           เวลาผ่านไปเล็กน้อย หญิงสาวซบใบหน้าอยู่กับแผงอกสามี หอบหายใจอยู่ไม่นานก็สงบลง นางยกศีรษะขึ้นมองเขา เห็นเขาจ้องนางอยู่เช่นกัน เห็นสายตานั้นแล้วนางชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็พยายามทำตัวปกติ “เวลาไม่เช้าแล้ว ต้องไปยกน้ำชาอีกนะเจ้าคะ” สายตาของเขาไม่เหมือนในชาติก่อนที่มองนาง เช้าวันแรกหลังแต่งงานเขาปฏิบัติกับนางอย่างมีมารยาทยิ่ง เอาใจใส่ทะนุถนอมนางมาก แต่สายตาตอนนี้ คล้ายลุ่มหลงเจือจำนนอยู่เล็กน้อย           “อือ” เขาตอบรับในลำคอและยันกายขึ้นนั่ง ยังโอบกอดนางไว้โดยกายยังประสานติดแน่นกันอยู่ นางจึงลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังอยู่บนตัวเขา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกระตุกม่านเตียงลงบดบังภายในเตียงที่ยุ่งเหยิงไว้และส่งเสียงเรียกให้พวกสาวใช้เตรียมน้ำอาบ ระหว่างนั้นเขากอดนางเอนหลังพิงหัวเตียง สองมือโอบอุ้มก้นงอนงามลื่นมือไว้ด้วย ใบหน้าเขาผังลงที่ไหล่นวลเนียน จูบแผ่วเบาลงไปหลายครั้งด้วยความหลงใหล           “ยกน้ำชาเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนสักตื่น” เสียงนี้ทุ้มนุ่ม ลมหายใจอุ่นยังเป่ารดไหล่ให้หญิงสาวรู้ลึกขนลุกเป็นระยะ           “ไม่เหมาะเจ้าค่ะ” นางกระชับวงแขนที่กอดเอวเขาไปด้วย ศีรษะยังซบแผงอกอุ่นของเขาไม่ยอมขยับ           เขายิ้ม เลื่อนใบหน้าไปฝังที่ซอกคอนาง “ท่านย่าไม่ว่าหรอก”           อู๋ชิวอิ่งสยิวกายครั้งหนึ่งเพราะเขาขบเบาๆ ที่ต้นคอนาง “ก็ได้ แต่ท่านพี่ต้องนอนเป็นเพื่อนข้านะ”           “ใครจะตัดใจทิ้งเจ้าได้ลง” เขาแกล้งเย้าด้วยการขยำก้นนางสองสามครั้งจนถูกนางตีเขาถึงยอมเลิก           สามีภรรยาหัวเราะต่อกระซิกกันหวานชื่น พวกสาวใช้รีบก้มหน้าก้มตาทำงานของตนจนกระทั่งส่งสามีภรรยาทั้งสองออกจากเรือนไปแล้วจึงมาเก็บเตียงที่ยุ่งเหยิงเหมือนผ่านสงครามมาอย่างหนัก           ในโถงหน้าเปิดประตูหน้าต่างทุกบาน ปัดกวาดและประดับไว้หรูหราสมฐานะ ทั้งสองจูงมือกันเดินเข้าไป มีฮูหยินผู้เฒ่าก็คือท่านย่าของหลิวเต๋อหมิง ท่านลุงและป้าสะใภ้ ท่านแม่ของเขารวมไปถึงบรรดาญาติผู้พี่ผู้น้องรวมทั้งพี่สาวของเขาก็อยู่           ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานชายคนเล็กกับหลานสะใภ้แล้วพูดว่าดีๆ ไม่หยุดปาก ผิดกับซูหวั่นเหนียงหรือซูซื่อ[1]ผู้เป็นแม่สามีที่ทำหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ           อู๋ชิวอิ่งคิดว่าครั้งนี้ก็แทบไม่ต่างจากการแต่งงานครั้งนั้นในเมื่อชาติก่อนของนางเท่าไรนัก ที่ต่างก็คงเป็นตัวนางที่สลัดความขวยเขินออกไปเหลือแค่หญิงสาวที่มีความมั่นใจ อ่อนน้อม เอาใจเก่งคนหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่กับแม่สามีนั้นก็ยังคงเดิม อู๋ชิวอิ่งแย้มยิ้มพองามขณะยกน้ำชาให้อีกฝ่าย แม้ซูซื่อจะยอมรับน้ำชาไม่ให้นางรอนาน แต่อีกฝ่ายพูดน้อยยิ่งกว่าน้อย           “ต่อไปปรนนิบัติสามีให้ดีก็พอ” ว่าแล้วก็พยักหน้าให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างประคองถาดใบหนึ่งที่วางกำไลหยกไว้หนึ่งคู่ แม้เป็นหยกเนื้อดี แต่ดูก็รู้ว่าเป็นการเตรียมของขวัญรับสะใภ้ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถึงขนาดทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับป้าสะใภ้ต้องมองหน้ากันอย่างไม่ถูกต้อง พวกนางรู้ดีว่าซูซื่อเป็นคนยังไง และรู้ดีว่างานแต่งครั้งนี้ซูซื่อไม่เห็นพ้อง เพียงแต่ปฏิเสธมารดาสามีกับพี่ชายสามีไม่ได้ ฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอู๋ชิวอิ่งแล้วก็ให้สงสารนักที่มีแม่สามีจิตใจคับแคบเช่นนี้ เพียงแต่นางไม่พูดออกไปให้เสียบรรยากาศมงคลก็เท่านั้น           หลังออกจากโถงหน้าก็ไปยังเรือนบรรพชน จุดธูปกราบไหว้ตามธรรมเนียมเสร็จก็แยกย้าย หลิวเต๋อหมิงพาภรรยากลับเรือน เรือนหลังนี้เขาพำนักอยู่ตั้งแต่เล็กจนโต เพิ่งจะย้ายออกไปเมื่อสองปีก่อนเพราะต้องไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองที่เสียนหยาง ซูซื่อตามไปด้วยเพราะห่วงบุตรชาย สุดท้ายหลิวเป่าหลิงที่หย่าขาดกับสามีก็ตามไปทีหลัง           สามีภรรยาถอดเสื้อนอกออกแล้วก้าวขึ้นเตียง อู๋ชิวอิ่งซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดของสามี มือหนึ่งของเขาสอดเข้าไปในสาบเสื้อนาง กุมหน้าอกอวบอิ่มเล่นอยู่พักหนึ่ง           ตอนยกน้ำชาอู๋ชิวอิ่งเห็นหน้าแม่สามีแล้ว ก็ยังคงเป็นเหมือนครั้งก่อน ซูซื่อไม่ชอบนาง คิดว่ากำลังวางแผนหายาป้องกันการตั้งครรภ์อยู่เป็นแน่ ครั้งนี้นางจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของอีกฝ่ายแล้ว สำคัญที่สุดที่ต้องทำหลังจากไปถึงเสียนหยางแล้วคือต้องกุมอำนาจการจัดการในจวนท่านเจ้าเมืองของผู้เป็นสามีให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นนางถึงจะสามารถดูแลจัดการเรื่องน้อยใหญ่ที่หลุดรอดสายตาไปในชาติก่อนได้ ในขณะที่อู๋ชิวอิ่งกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องของซูซื่อไปเรื่อยเปื่อย หลิวเต๋อหมิงก็เอ่ยขึ้น           “พรุ่งนี้กลับบ้านเดิม อยู่ให้นานสักหน่อยก็ได้”           “หือ?” นางเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นแค่ปลายคางที่โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลาแล้ว           เขาก้มลงมองนาง ยกมือข้างที่ให้นางหนุนแขนอยู่นั้นลูบต้นแขนของนางเบาๆ “วันถัดไปก็ต้องกลับเสียนหยางแล้ว อีกนานกว่าจะมีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านอีก ข้ากลัวเจ้าจะเหงา”           ก็จริงอย่างที่เขาพูด นางยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณท่านพี่” นางขยับไปจุมพิตตรงมุมปากเขาครั้งหนึ่ง “ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะขอท่านพี่”           “อะไรหรือ?”           “ข้าอยากพาสาวใช้และบ่าวไปเพิ่มอีกหน่อย ก่อนหน้านี้ท่านแม่ก็เลือกไว้ให้ข้าแล้ว แต่ข้าเกรงจะยุ่งยากเลยบอกปัดไป แต่คิดๆ แล้วพาสาวใช้ไปเพิ่มจะดีกว่า อีกอย่างมีพ่อครัวคนหนึ่ง ข้าติดรสมือเขามาก เขาเองก็เต็มใจติดตามข้าอยู่แล้วด้วย”           “ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามใจเจ้าเถอะ สาวใช้บ่าวไพร่หลายคนจะเป็นไรไป เจ้าไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมีคนให้เรียกใช้มากหน่อยจึงจะใช้ได้”           “อือ”           พูดคุยกันเบาๆ สักพักก็พากันหลับไป ตื่นมาอีกครั้งก็เลยเที่ยงไปแล้ว ทั้งสองกินอาหารเที่ยงที่เรือน จากนั้นก็เดินเล่นย่อยอาหารกันอีกหน่อย ช่วงบ่ายก็ยังคงนั่งเล่นกันอยู่ในเรือน ไม่มีใครมาขัดจังหวะหวานชื่นของสามีภรรยาทั้งสิ้น นอกจากหลิวเป่าหลิงที่ส่งผลไม้สดจากที่ดินของนางเองมาให้ทั้งสองลองชิม           คืนนั้นเป็นอีกคืนที่สามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันย่อมต้องอิงแอบแนบชิด เดิมทีหลิวเต๋อหมิงมีอารมณ์ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วแต่ถูกภรรยาตัวน้อยห้ามไว้ ตอนนี้ได้ทำตามใจย่อมตักตวงอย่างเต็มที่ ผ่านห้วงรักเร่าร้อนไปครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งสองมาแช่ถังน้ำชำระเหงื่อ หญิงสาวนั่งอยู่ในอ้อมกอดหลิวเต๋อหมิงด้วยเปลือกตาที่กำลังพริ้มหลับอย่างแสนสบาย ขณะที่ชายหนุ่มนั่งซ้อนหลังกำลังเพลิดเพลินกับการลูบไล้เนื้อนวลเนียนใต้น้ำของภรรยาหมาดๆ           “ผิวกายน้องหญิงนุ่มลื่นยิ่งกว่าผิวเด็ก” ว่าแล้วก็เลื่อนมือลูบต่ำลงไป เบียดแทรกสองขาขาวผ่องไปกุมเนินเนื้ออวบอูมที่ทำให้เขาสุขสมมาหลายครั้งแล้ว ปลายนิ้วถูไถความอ่อนนุ่มของกลีบเนื้อเล็กๆ ใต้น้ำอย่างเพลินใจ จนกระทั่งอู๋ชิวอิ่งคว้าจับข้อมือเขาเอาไว้ นางรีบปีนป่ายออกนอกถังอาบน้ำทันใด เพียงแต่ยังไม่ทันได้คว้าผ้ามาเช็ดตัวก็ได้ยินเสียงซ่าดังมาจากด้านหลัง หลิงเต๋อหมิงลุกขึ้นจากถังอาบน้ำก้าวออกมาจับแขนนางไว้ จากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินพลิกหมุน ในที่สุดคนทั้งสองก็ล้มตัวลงไปนอนเกยทับกันอยู่ที่พื้นข้างถังน้ำ           เสียงหายใจถี่เร็วของชายหนุ่มบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว เขาพยายามตามบดจูบกับริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความเร่าร้อนเริ่มก่อตัวจนหญิงสาวตัวอ่อนยวบไปอีกครั้ง ขณะนั้นเขาก็ถูไถสะโพกลงมาบดเบียดความแข็งขึงอยู่กับเนินเนื้อกระสันของนางอย่างหนักเหมือนจะให้ตัวเองได้ผ่อนคลายความตึงเครียดโดยเร็ว           ไม่นานท่อนเนื้ออวบใหญ่และอุ่นจัดจึงแทรกผ่านเข้าร่องเนื้อคับแคบเข้าไปนอนนิ่งอยู่ภายใน ทั้งสองถึงกับส่งเสียงครางออกมาอย่างพึงใจ           “ท่านพี่จะทำอีกหรือ?” แม้จะถามเช่นนั้นแต่นางกลับเสียงสั่น สองแขนโอบรอบลำคอเขาไว้แน่น           “อีกครั้งเถอะนะ เจ้าน่าหยอกเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะห้ามใจตัวเองไหว” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ตอนนี้เขาเริ่มขยับสะโพกแล้ว มือหนึ่งช้อนอยู่ใต้สะโพกนาง ดันมันขึ้นเพื่อรับแรงกระแทกของเขา           อู๋ชิวอิ่งถึงกับหงายหน้าครวญคราง จนชายหนุ่มยกกายขึ้นแต่ยังขยับสะโพกตอกใส่ร่องเนื้อรัวเร็ว เขาเองก็รู้สึกดีมากจนต้องหงายหน้าครางเสียงต่ำในลำคอ สองมือประคองสะโพกนางให้ยกขึ้นเล็กน้อย นางเองก็พยายามตอบรับจังหวะของเขาด้วยการจิกเท้าและแอ่นสะโพกขึ้น สองมือลูบไล้เนินอกอิ่มเพื่อให้ตัวเองมีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่           พับๆ เสียงนี้ดังรัวเร็วอยู่ในห้องอาบน้ำ เสียงหอบหายใจหนักหน่วงก็ไม่อาจปิดกั้น พวกสาวใช้ที่เข้าเวรยามดึกแม้จะถอยออกไปหลังจากเข้ามาส่งน้ำอาบก็ยังได้ยิน ต่างคนต่างก้มหน้าอยู่เงียบๆ พลางคิดในใจว่าเจ้านายทั้งสองช่างรักใคร่กันดูดดื่มยิ่ง           “น้องหญิง อา เจ้าช่างคับแคบยิ่ง อือ” เขาผ่อนลมหายใจหอบหนักขณะพูด เสียงนี้แม้ไม่ดังแต่ฟังแล้วเย้ายวนเหมือนกำลังลุ่มหลงอย่างหนัก           “ท่านพี่ เร็วอีกเจ้าค่ะ อือ” อู๋ชิวอิ่งไม่ปฏิเสธว่านางเองก็รู้สึกดีมาก แต่งงานคราก่อนนางไม่เคยได้สุขสมมากมายเช่นนี้มาก่อน อาจเพราะนางรู้จักแต่เหนียมอาย จึงคิดว่าเรื่องพวกนี้อย่าได้คิดให้มาก ถึงเวลาสามีเรียกร้อง นางก็แค่ให้เขาทำจนเสร็จสิ้นไม่เอาออกมาคิดมากและพูดให้พร่ำเพรื่อ แต่ตอนนี้เมื่อนางเปิดใจและตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ ทั้งยังยอมช่วยเขากระทำก็หลายครั้ง นางกลับพบความสุขสมที่ทำให้ร่างกายอ่อนระทวยได้อย่างสำราญใจ           “หันหลังหน่อย อา น้องหญิง” เสียงเขาเอ่ยแผ่วเบา ทั้งยังหยุดสะโพก จับนางให้อยู่ในท่าคลานเข่า จากนั้นลูบไล้สะโพกขาวนวลเนียนราวก้อนเต้าหู้ของนางสองสามครั้งและแทรกท่อนเนื้อกลับเข้าไปในช่องทางที่เปียกแฉะมากแล้ว           “อา...” อู๋ชิวอิ่งรู้สึกแตกตื่นแล้ว เมื่อเขาใส่ท่อนเนื้อกลับมาทางด้านหลัง นางถึงกับทนไม่ไหว กระตุกตอดสุขสมนำเขาไปก่อนแล้ว ร่องเนื้ออุ่นภายในบีบรัดท่อนเนื้อแข็งขึงของเขา น้ำขาวใส่ไหลหยดลงพื้นเปียกชื้นใต้ร่าง เขาเองก็รับรู้จึงเสยสะโพกเข้าไปในจังหวะช้าๆ ให้นางได้เสพสมอย่างเต็มที่           “น้องหญิงชมชอบท่วงท่านี้กระมัง” เขาโน้มตัวลงมา สองแขนเท้าลงพื้นคร่อมร่างของนางไว้จนนางดูตัวเล็กกระจ่อยไปทันใด แต่นางไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้น นางกำลังขวยอายแต่ก็แสร้งก้มหน้า แต่ภายในกลางกายกลับยังกระตุกอยู่เลย นางห้ามร่างกายไม่ได้แล้ว จึงยอมรับคำพูดเขาไปโดยปริยาย           หลิวเต๋อหมิงยังขยับสะโพกเบาๆ แต่เขาก็ถูกนางตอดรัดจนแทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน จมูกเขาดอมดมอยู่หลังต้นคอนางยิ่งสร้างความกระสันให้นางขนกายลุกชัน           “อีกสักครั้งนะ” ว่าแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพกโจนจ้วงอย่างหนักทั้งที่อยู่ในท่วงท่าเดิม สะโพกตอกอัดใส่เนื้อนุ่มไม่ไว้ไมตรีแล้ว เสียงกระแทกดังหนักหน่วงเป็นจังหวะรัวเร็ว สองร่างแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ร่างกายที่เปียกเพราะเพิ่งอาบน้ำกำลังแห้งก็กลับมาเปียกชื้นอีกครั้งเพราะเหงื่อไคลจากการออกแรงขยับกายอย่างหนัก ภายในห้องอาบน้ำจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นความกระสันและร้อนอบอ้าวอยู่เล็กน้อย           “น้องหญิง อา น้องหญิง ดีมาก อย่างนั้น ส่ายสะโพกอีกสิ เร็วเข้า” เขาสั่งเสียงเร่งร้อนและแหบพร่า           อู๋ชิวอิ่งถูกสามีกล่อมจนไม่อาจห้ามใจ ช่วยส่ายสะโพกร่อนรับจังหวะกระแทกเดินหน้าของเขาไปด้วย ภายในก็บีบรัดเขาเป็นระยะ เสียงกระแทกดังรัวเร็ว เสียงครางดังอยู่ตลอด           “อือ อา อีกแล้ว ท่านพี่ ข้าจะ ข้า อา...” อู๋ชิวอิ่งหงายหน้าครวญครางเสียงดังคล้ายกรีดร้อง เนื้อตัวสั่นระริกยากจะบังคับ สะโพกถูกกระแทกอย่างหนักจนร่างกายขยับเคลื่อนไปด้านหน้า แต่นางก็จิกนิ้วยันสองแขนเหยียดตรงอย่างไม่หวาดหวั่น           ตับๆ ตับๆ เสียงนี้เร่งเร้าขึ้นอีกแล้ว สะโพกนางถูกบดกระแทกรัวเร็ว จนกระทั่ง เขายืดตัวขึ้น จับสองเอวนางมั่นและกระแทกหนักๆ หลายครั้งพร้อมกับใบหน้าที่แหงนหงาย เขารู้สึกหลังเอวเสียววาบขึ้นมาทันใด จากนั้นจึงปลดปล่อยน้ำกามขาวขุ่นอุ่นจัดใส่ร่องรัก แต่เขากลับไม่หยุดกระแทก น้ำรักเอ่อล้นไหลยืดลงพื้นใต้ร่าง สะโพกกระแทกรัวเร็วอีกหลายครั้ง เสียงดังสนั่นจนพวกสาวใช้เกรงกลัวจริงๆ ว่านายหญิงจะรับไหวหรือไม่           “ท่านพี่ ข้าไม่ไหวแล้ว อา” อู๋ชิวอิ่งถูกเขากระแทกใส่จนสองแขนอ่อนยวบ มีก็แต่สะโพกที่ยังกระดกสูงด้วยสองมือของเขาที่ยังกุมเอวนางไม่ปล่อย ร่องเนื้อร้อนผ่าวและรู้สึกเสียวกระสันอย่างรุนแรง นางตัวเกร็งจนเริ่มสั่น น้ำตาซึมไหล เหงื่อออกเต็มร่างแล้ว           “อีกหน่อย ใกล้แล้วๆ อูย อา” เสียงเขาผสานไปพร้อมกับเสียงคราง อัดสะโพกไม่หยุดยั้ง อีกหลายครั้งหนักหน่วงยิ่งกว่าเก่า จนกระทั่งเขาหยุดกระแทกไปพร้อมกับที่อู๋ชิวอิ่งกรีดร้องเสียงยาวออกมา เขาถึงได้ปลดปล่อยน้ำกามออกมาทั้งหมดผสมไปกับน้ำรักของนางที่มาพร้อมกับน้ำใสไหลรินน้อยๆ จนต้นขาด้านในของนางเปียกลื่น           “แบบนั้น อา โอว” เขาทิ้งกายลงนอนตะแคงทั้งที่ท่อนแข็งขึงยังอยู่ในกายนางและยังอยู่ในห้วงเวลาสุขสม ภายในร่องรักยังตอดรัดไม่หยุด นางก็กายสั่นระริกหลับตาครางเสียงแผ่วหวาน           สองแขนเขากอดนางแน่น ใบหน้าฝังลงยังซอกคอเปียกชื้นของนาง สะโพกบดวนเบาๆ นางก็นอนตะแคงให้เขากอดไปด้วยความเหนื่อยหอบและอ่อนยวบไร้แรงไปทั้งร่าง พื้นใต้ร่างเลอะเทอะอย่างหนักเพราะบทรักที่ถึงอกถึงใจจนไม่อาจความคุมได้           เสียงหอบหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่หลิวเต๋อหมิงยังขบเม้มริมฝีปากไปทั่วทั้งต้นคอและลาดไหล่ของนาง บางครั้งยังแลบลิ้นออกมาเลียและดูดดึงจนทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำบนผิวขาวผ่อง รอยเหล่านั้นเห็นได้ชัดเจนยิ่ง           “ดีหรือไม่?” เขากระซิบชิดใบหูนาง           “เลอะเทอะหมดแล้ว” นางปรือตาขึ้น ทั้งยังอับอายมากที่นางถึงกับปลดปล่อยน้ำหลากออกมาอย่างไม่อาจควบคุม           “ใครจะตำหนิเจ้าได้เล่า แบบนี้สิที่สามีชอบ น้องหญิงไม่ต้องหวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น” เขาเองก็ชอบเหมือนกันที่เขาทำให้นางเสียการควบคุม นั่นแสดงว่าเขาทำให้นางพอใจและชมชอบในบทรักเร่าร้อนของตน ภรรยาเช่นนี้เขาชอบมาก นางกับเขาเข้ากันได้ดียิ่ง           เขาถึงกับรู้สึกว่าเขาคงต้องตายอยู่ใต้โบตั๋นดอกงามอย่างนางเสียแล้ว ยิ่งคิดยิ่งกระชับสองแขนกอดร่างนุ่มนิ่มไว้ ริมฝีปากอ้างับติ่งหูเล็กๆ ดูดเม้มแผ่วเบาอย่างรักใคร่           นอนนิ่งๆ กันอยู่พักใหญ่เขาก็ขยับท่อนเนื้อที่สงบลงไปแล้วออกจากกายนาง ความเหนียวเหนอะหนะยังคงอยู่ในกายนาง เขาเลยอุ้มร่างอ่อนแรงของนางขึ้น ก้าวกลับลงไปในถังอาบน้ำอีกครั้งและจัดมวยผมที่คลายตัวของนางให้เข้าที่ ค่อยๆ ลูบไล้เนื้อเย็นลื่นมือกับสบู่หอมจนเกิดฟอง จากนั้นล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็อุ้มนางขึ้นมา ตลอดเวลาที่อยู่ในถังอาบน้ำอู๋ชิวอิ่งนั่งนิ่งให้เขาอาบน้ำให้ ไม่ใช่ว่านางขี้เกียจ แต่นางไม่มีแรงขยับกายแล้ว เขาเองก็รับรู้เพราะวันนี้นางถูกเขาเคี่ยวกรำมาอย่างหนักแล้วจริงๆ           หลังจากเช็ดเนื้อตัวเสร็จเขาอุ้มนางไปสอดร่างใต้ผ้าห่มด้วยกันก่อนส่งเสียงเรียกให้พวกสาวใช้เข้ามาเก็บทำความสะอาดในห้องอาบน้ำ           อู๋ชิวอิ่งยิ่งอายเข้าไปใหญ่ บนพื้นในห้องน้ำนั้นเลอะเทอะมาก แค่ดูก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางมุดใบหน้าเข้าไปในผ้าห่มนวมสีแดงสด แต่กลับถูกสามีผู้เร่าร้อนดึงผ้าห่มลง จับนางหันหน้ามานอนซบอกเขา ก้มลงมองสองข้างแก้มแดงปลั่งแล้วก็อมยิ้ม           “น้องหญิงเร่าร้อนจนสามีคิดไม่ถึง”           นางยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ยังตอบคำเขาไป “ท่านพี่เองก็เช่นกัน”           “อือ แค่กับน้องหญิงคนเดียวเท่านั้น”           อู๋ชิวอิ่งไม่ตอบ กลับคิดไปถึงการแต่งงานครั้งก่อน ‘ชาติก่อนไม่ใช่กับข้าคนเดียวสักหน่อย’ เขาทำเรื่องเร่าร้อนกับสตรีไปไม่รู้ตั้งกี่คน หวังว่าครั้งนี้นางจะเปลี่ยนชะตาภรรยาผู้รันทดในครั้งก่อนได้ ชีวิตในชาติที่สองของนางนี้สมควรต้องมีแค่หนึ่งสามีหนึ่งภรรยาอย่างที่นางตั้งใจเอาไว้เท่านั้น           “มีภรรยาเช่นนี้สามียอมตายใต้ชายกระโปรงแล้ว” เขาเริ่มบดเบียดต้นขากับท้องน้อยเปลือยเปล่าของนางอีกครั้ง เจ้าท่อนเนื้อผู้รักดีของเขาก็เริ่มขยับตัวจนกลับมาผงาดง้ำ           “ท่าน!” อู๋ชิวอิ่งยังไม่ทันได้พูด เขากลับจับต้นขานางแยกออก แทรกกายกลับเข้าไปในร่องรักด้วยความรวดเร็วทั้งที่ยังคงนอนหันหน้าเข้าหากัน           ‘ไม่ไหวแล้ว นางจะตายอยู่แล้ว เขายังจะ...’ อู๋ชิวอิ่งโอดครวญอยู่ในใจและนางก็ร้องไห้จริงๆ แล้ว เพียงแต่สามีผู้เล่าร้องหาได้ปล่อยนางไปไม่ ยิ่งเห็นนางสะอื้นไห้ เขายิ่งชอบใจ กลั่นแกล้งนางต่อไปอีกครึ่งคืนก็ยังไม่พอใจ จวบจวนนางหมดสติไปจริงๆ เขาเลยหยุดอย่างอิ่มเอมและกอดนางหลับฝันดีตลอดทั้งคืน   ------------------------------------------------- [1] ซื่อ เป็นธรรมเนียมการเรียกขานหญิงที่แต่งงานแล้วของจีน จะเติมคำว่า “ซื่อ” ที่แปลว่าแซ่ ใช้ต่อท้ายแซ่เดิมของหญิงคนนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD