ตอนที่ 5
หญิงสาวขับวนหาที่จอดรถอยู่ครู่หนึ่งจึงนํารถเข้าจอดได้ ที่บริเวณงานนั้นมีคนพลุกพล่านผิดจากวันธรรมดา ทำให้ลานจอดรถนั้นเหลือพื้นที่ไม่พอสำหรับผู้มาเที่ยวงาน
แม่เลี้ยงสาวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งเพื่อรับลูกชายลงมา เธออุ้มลูกชายเอาไว้เพื่อป้องกันลูกหาย แต่เจ้าตัวเล็กของเธอกลับดื้อดึงที่จะเดินเอง
“ผมโตแล้วนะฮะคุณแม่ ผมเดินเองได้ฮะ” คําพูดแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยสอนโผล่มาได้อย่างไร กัน?
“เฮ้! เจ้าหนู!” อย่าสงสัยอีกเลย นั่นอย่างไรเล่าคนเสี้ยม
ชานนท์โบกมือไปมาเพื่อให้เป็นจุดสังเกต เขายืนรออยู่ที่ประตูทางเข้างาน เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกมาถึงแล้วจึงวิ่งตรงมาหาทันที
“คุณลุงพี่นนท์” สรรพนามแปลก ๆ ที่เด็กน้อยเรียกปนกันมั่วทำให้คนที่ถูกเรียกว่าลุงอยากจะร้องไห้ดัง ๆ'เออ! ลุงก็ลุงวะ!'
น้องคิมเตรียมจะวิ่งไปหาชายหนุ่ม แต่ถูกรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน เมื่อ หันกลับไปมองก็พบกับสายตาดุ ๆ ของมารดาทำให้เด็กน้อยต้องยอมหยุดแต่โดยดี
“ไปกับแม่ของนายเถอะน่า เดี๋ยวฉันเดินตามไปเอง” ชานนท์รู้ดี
บรรยากาศภายในงานถนนคนเดินนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย มีทั้งชาวจังหวัดและนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสอาการเย็นในยามค่ำคืน สองข้างทางมีร้านรวงหลายประเภทมาจัดจำหน่ายสินค้าในราคาย่อมเยา ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกจิปาถะ
ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้นเอง หญิงสาวร่างเล็กนางหนึ่งกําลังสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทิ้งระยะห่างจากคนที่กําลังตามหลังเธอมา ท่อนแขนเรียวอุ้มเด็กชายวัย 4 ขวบ หน้าตาน่ารัก เอาไว้แนบอก ...!
ณดารินทร์กําลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก คนแปลกหน้าตามเธอมาจริง ๆ! เขาคอยหยอกลูกชายของเธอมาตลอดทางที่เดินเข้างาน โดยหญิงสาวรู้ได้จากการที่เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะคิกคักอยู่เป็นระยะ บางครั้งเขาก็ดึงแขนเล็ก ๆ นั่นไว้เพื่อไม่ให้เธอเดินต่อไปได้ ครั้นพอหันไปมองเขาก็ส่งยิ้มใสซื่อมาทักทายเสมอ ให้ตายเถอะ ‘คนอะไรขี้ตื๊อชะมัดเลย’
“คุณแม่อย่าเดินเร็วนักสิครับ คุณลุงพี่นนท์ตามไม่ทันแล้ว” น้องคิมที่พยายามยืดตัวมองไปทางด้านหลังอยู่นานหันมาบอกมารดา ด้วยความชานนท์นั้นรูปร่างสูงใหญ่ จึงไม่อาจฝ่าฝูงชนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นเธอ และนั่นแหละคือแผนที่ณดารินทร์ได้วางเอาไว้
‘ตามไม่ทันสิดี..ชิส์ อีตาบ้า ขอให้นายหลงทางอยู่ที่นี่ไปคนเดียวก็แล้วกัน’
แม่เลี้ยงคนสวยใช้ของเล่นที่เด็กน้อยอยากได้มาเป็นเครื่องเบี่ยงเบนความสนใจของลูกชาย เด็กก็คือเด็กพอสนใจสิ่งใหม่ก็ลืมของเก่าไปได้อย่างง่ายดาย หากไม่ติดตรงที่ว่า ...
“เฮ้! เจ้าหนู มาอยู่ที่นี่นี่เอง แม่นายเดินไว้ชะมัดเลย ฉันตามแทบไม่ทัน เกือบหลงแน่ะ” เสียงทุ้มที่กวนใจเธอมาตลอดทั้งวันดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่หญิงสาวพาลูกชายมาเลือกซื้อของเล่นที่ร้านตุ๊กตาซึ่งอยู่ในมุมเงียบไร้ผู้คนเข้าออก ...ยังอุตส่าห์ตามมาได้อีกนะ!
“คุณลุงพี่นนท์!!” น้องคิมร้องอย่างดีใจที่ได้เห็นหน้าไอดอลของตัวเองอีกครั้ง หนูน้อยเกือบจะลืมเขาไปแล้วจริง ๆ เมื่อมาพบของเล่นใหม่ แต่ไม่มีทางซะหรอก เขาจะไม่ยอมให้สิ่งที่ทำมาทั้งวันจบลงง่าย ๆ แบบนี้หรอก
“ฉันแวะไปซื้อซาลาเปามาให้นายด้วยนะ” ชานนท์ชูถุงกระดาษที่ใช้ใส่ซาลาเปาอวดเด็กน้อย เขาถามทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กชายมาหมดแล้ว ทั้งอาหารที่ชอบ อาหารที่แพ้ สิ่งที่ทำยามว่าง ตัวการ์ตูนตัวโปรด และอีกสารพัดอย่าง หากจะนับสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับน้องคิมคงต้องใช้เวลาทั้งวันเชียวล่ะ
“ไส้อะไรครับ?” เด็กชายรับถุงมาทันที ไม่สนใจว่ามารดาจะกระแอมไอไปแล้วกี่ครั้ง
ณดารินทร์เข้าใจคําว่า 'หมาหัวเน่า' อย่างถ่องแท้ในวันนี้เอง เพียงไม่นานที่ลูกชายอยู่ใกล้เขา น้องคิมก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เธอจะทำอย่างไรดีถึงจะกันลูกชายออกห่างจากเขาโดยไม่ให้ลูกรู้สึกว่าเธอเป็นปฏิปักษ์
“น้องคิมอยากกินซาลาเปาแล้วทำไมไม่บอกแม่ล่ะครับ ทำแบบนี้แม่น้อยใจนะ” หญิงสาวพยายามใจเย็นอย่างที่สุด ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าลูกชายแล้วค่อย ๆ ดึงถุงกระดาษนั่นออกจากมือน้อยโดยไม่ให้เขารู้ตัว
“เอ่ออ ..” เสียงเล็กลากยาวเพราะไม่มีคําตอบให้มารดา ตอนนี้เขาไม่ได้อยากกินซาลาเปาสักหน่อย เพียงแต่มันคือของโปรดของเขา เมื่อมีคนให้มาจึงอดดีใจไม่ได้เท่านั้นเอง
“ถ้าน้องคิมไม่หิวก็คืนให้คุณลุงนะครับ” ตาหวานเบิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต ณดารินทร์มองอาการของลูกชายออก อย่างน้อยเธอเลี้ยงเขามากับมือตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะพี่สาวเธอจะเดินทางไปไหนต่อไหนกับลุงวันชัยอยู่บ่อย ๆ และตอนนี้เธอทำไมถึงจะไม่รู้ว่าท่าทีของลูกหมายความอย่างไร
เมื่อลูกชายยินยอม หญิงสาวหันขวับไปยังตัวต้นเรื่องทันที มือเล็ก ผลักถุงซาลาเปาแห่งความหวังดีคืนให้ผู้เป็นเจ้าของ
“ฉันขอขอบคุณแทนลูกชายนะคะ แต่คราวหลังฉันจะซื้อให้แกเอง” ณดารินทร์เก๊กเสียงเข้มอย่างไว้ตัว ไม่ยอมเรียกชื่อลูกเพราะไม่อยากให้ทั้งสองสนิทกันมากไปกว่านี้ กลับไปถึงห้องคงต้องทำข้อตกลงกันใหม่เสียแล้วคราวนี้