ตอนที่ 1 เฟรชชี่ (3)

1264 Words
“นี่! จะมากไปแล้วนะ คิดว่าตัวเองเจ๋งมากหรือไง ฉันจะนั่งตรงนี้ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งที่” “พอเถอะน่าไอ้เบสต์” ฝนทิพย์หันขวับไปมองทันทีอีกครั้งจนคอแทบเคล็ด เมื่อไอ้พอร์ชหนึ่งในเพื่อนสนิทรองจากไอ้เวย์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “อะไรนะ” “ไปนั่งข้างไอ้เวย์ก่อนไป” “อะไรวะพวกมึง” “เวย์มึงจัดการดิ” อธิปัตย์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เริ่มออกอาการหงุดหงิด จักรดุลย์เห็นดังนั้นเลยหาทางยุติการโต้เถียง “เบสต์มานั่งนี่ มาๆ” ว่าพร้อมกับหยิบสมุดหนังสือของเพื่อนสาวแล้วดึงแขนให้ลุกออกมานั่งทางด้านขวาของเขาเอง และเมื่อเก้าอี้ตรงกลางว่างลง ขุนศึกก็ยักคิ้วให้เธออย่างคนเหนือกว่าแล้วนั่งลงแทนที่ “ขอบใจ” ขุนศึกหันไปพูดกับอธิปัตย์พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ขอบใจที่ช่วยเรื่องเมื่อคืน” “ไปเที่ยวรอบหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะ” “ไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่” เขาไม่ระวังเลยเกือบเจ็บตัวเพราะมีเรื่องทะเลาะกับโต๊ะข้างๆ เมื่อคืนที่ไปเที่ยวผับ โชคดีที่ได้ขุนศึกช่วยไว้ จักรดุลย์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินบทสนทนาสั้นๆ ของทั้งสองคน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่สนใจแม้จะรู้สึกว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรแปลกๆ ก็ตาม และครั้นหันมาเห็นคนนั่งข้างๆ ที่กำลังจ้องเขาเขม็งก็ต้องสะดุ้ง “อะไร” “ทำไมมันสองคนดูสนิทกัน” “ไม่รู้” “ต้องมีอะไรที่ฉันไม่รู้แน่ๆ” “อย่าไปสนใจเลยน่า เรียนๆ” พอจักรดุลย์พูดจบอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี แต่ไม่ทันที่อาจารย์จะเริ่มสอน ก็มีนักศึกษาอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องพอดีเช่นกัน คนที่มาใหม่พยายามระงับอาการหอบแฮ่กๆ ของตัวเอง ก่อนจะทำความเคารพอาจารย์และรับปากเสียงเบาเมื่อได้ยินท่านบอกว่าให้รีบหาที่นั่ง ที่ว่างตรงข้างหน้าเหมือนจะเต็มหมดแล้ว อันที่ไม่มีคนนั่งก็ถูกใช้เป็นที่วางกระเป๋าและสัมภาระจนเธอไม่กล้าเดินไปขอนั่ง ครั้นเหลือบมองไปทั่วๆ ก็เจอที่ว่างอีกที่หนึ่ง เลยรีบเดินไปหมายจะนั่ง แต่เมื่อเดินมาถึงก็เห็นกระเป๋าเป้ใบเล็กวางอยู่ทำเอาหน้าจ๋อยด้วยไม่กล้าเอ่ยปากถาม อีกทั้งคนที่นั่งข้างเก้าอี้ตัวนั้นแม้จะหน้าตาสวยเฉี่ยวแต่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดชอบกล “ไอ้เบสต์” “อะไร” “เอากระเป๋าออก” จักรดุลย์ว่าพลางบุ้ยปากให้มองไปทางคนมาใหม่ที่มายืนทำตาปริบๆ เพราะไม่มีที่นั่ง “อ้อ นั่งเลยๆ” พอฝนทิพย์พูดจบคนมาใหม่ก็พยักหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะรีบนั่งลงแล้วหยิบปากกาพร้อมสมุดจดขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที โชคร้ายที่คนมาใหม่ไม่มีหนังสือติดมาด้วยเลย ก็เพราะเธอเพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรก เลยไม่ทันได้เตรียมอะไรให้ครบถ้วน เมื่อวานก็วุ่นวายกับการจัดข้าวของในห้องพักทั้งวัน “ดูนี่ก็ได้” คนที่เธอคิดว่าน่าจะกำลังหงุดหงิดอยู่ยื่นหนังสือมาวางให้ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างใจดี เธอเลยรีบตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” และครั้นเห็นว่าเมื่อให้เธอมาดูแล้ว อีกฝ่ายต้องขยับเอียงไปดูกับผู้ชายที่นั่งข้างๆ แทน ก็เลยขยับหนังสือมาคืนให้เพราะเกรงใจ “ไม่เป็นไร ตัวเองดูเลย เดี๋ยวเค้าดูกับเวย์” พูดจบก็หันไปพยักพเยิดกับคนที่ชื่อเวย์ เธอก็เลยยิ้มให้เขาไปด้วย จากนั้นบทสนทนาก็หยุดลง จนกระทั่งเรียนเสร็จวิชาดังกล่าว หญิงสาวจึงยื่นหนังสือคืนให้เพื่อนใหม่ที่มีน้ำใจ “คืนจ้า ขอบคุณมากนะคะ” “ไม่เป็นไร เค้าชื่อเบสต์นะ นี่เวย์” “เค้าชื่อจ้าวจันทร์ เรียกจ้าวก็ได้” “โอเค” “ตัวกับเวย์เป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอ” จ้าวจันทร์เอ่ยถามตามตรง เมื่อรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนน่าจะคุ้นเคยกันมาก่อนมากกว่าเพิ่งมาทำความรู้จักกันที่นี่ “ใช่ เค้า เวย์ แล้วก็มีพอร์ช คนนั้นน่ะ” ว่าจบก็ชี้มือไปทางอธิปัตย์ที่กำลังยืนคุยกับขุนศึก และเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอชี้มือชี้ไม้ไปหาก็เลยพาขุนศึกเดินมาใกล้ แล้วเอ่ยชวน “ไปยัง หิวแล้ว” “นี่พอร์ช แล้วก็อคิน” ฝนทิพย์จำต้องแนะนำขุนศึกไปด้วย เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลายเป็นเพื่อนรักของอธิปัตย์ไปซะแล้ว ก็มันสองคนยืนคุยกันกะหนุงกะหนิงซะจนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้ “นี่จ้าวนะทุกคน จ้าวจันทร์” “สวัสดีค่ะ” จ้าวจันทร์หันไปมองและยิ้มให้กับทุกคน แต่ดูเหมือนจะมีแค่คนชื่อเวย์ที่ยิ้มกว้างส่งกลับมาให้เธอ ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนนั้นแค่ยิ้มมุมปากนิดหน่อย “ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย” ฝนทิพย์ถามเพื่อนใหม่อย่างมีน้ำใจ “ไม่เป็นไรจ้า จ้าวยังไม่หิว” “แล้วตัวจะไปกับใคร ไปกับพวกเราก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรจริงๆ จ้า” เมื่อจ้าวจันทร์ยืนยันอย่างนั้น ฝนทิพย์จึงพยักหน้าแล้วก็พาทั้งสามหนุ่มเดินออกไปจากห้องเรียน ครั้นเดินออกมาจากอาคารเรียนได้สักครึ่งทางก่อนจะถึงโรงอาหาร ขุนศึกที่เดินรั้งท้ายอยู่ก็เรียกเธอเบาๆ “เบสต์” ฝนทิพย์ชะงักแล้วหันไปมอง จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันตามอธิปัตย์และจักรดุลย์ไป “มีไร” “เธออาจจะไม่ค่อยชอบฉันนะ แต่ฉันว่าเธอ...เจ๋งดี” “นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่ชอบนาย” “สัญชาตญาณมั้ง” “งั้นสัญชาตญาณนายน่าจะบอกว่าฉันนิสัยไม่ดีมากกว่า” “ทีแรกฉันก็คิดว่างั้น” ขุนศึกพูดจบก็หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของคู่สนทนา “นายนี่มันแดกดันได้เจ็บแสบจริงๆ” “แต่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว” “เปลี่ยนว่า?” “เธอน่ารักดี...ถ้าเธอโอเค เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้” ตอนเขาเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เพื่อนสาวส่วนใหญ่ก็จะห้าวๆ เท่ๆ ไม่กลัวใครแบบไอ้เบสต์นี่ล่ะ เห็นเธอแล้วเขารู้สึกคิดถึงเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่โน่นขึ้นมาทันที “ก็ถ้านายไม่ติดเรื่องมีเพื่อนเป็นสาวซ่า ก็ไม่น่ามีปัญหา” พูดจบสาวซ่าก็ยักไหล่อย่างกวนๆ ขุนศึกหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ” “อะไรล่ะ” “ขอแนะนำว่าอย่าเอาแต่ใจมากเกินไป” “ขอปฏิเสธคำแนะนำนั้น แม้ว่ามันจะมาจากเพื่อนใหม่ที่คูลแอนด์แฮนซั่มก็เถอะ” “ก็เหมาะกับสาวซ่าอย่างเธอดี” “ใช่มั้ยล่ะ” พูดจบก็หัวเราะประสานเสียงกัน ทำเอาสองหนุ่มที่เดินนำหน้าไปต้องหันกลับมาหรี่ตามอง ก่อนจะเลิกสนใจเมื่อถึงโรงอาหารแล้ว และก่อนจะเดินไปซื้ออาหารกลางวันของตน ขุนศึกก็เอ่ยกับฝนทิพย์น้ำเสียงจริงจัง “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ” “ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนอย่างเป็นทางการ” คำตอบรับนั้นถือว่าเป็นการเจรจาสงบศึกระหว่างเราได้หรือเปล่านะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD