มีช่วงหนึ่งเป็นจังหวะที่เธอเดินตามหลังคู่กับขุนศึก จ้าวจันทร์เลยหันไปยิ้มให้เขาแล้วเอ่ย
“คินกินลูกอมมั้ยคะ เค้ามีฮอลล์นะ” พูดจบก็แบมือที่มีลูกอมฮอลล์สีฟ้าวางอยู่ให้พร้อมรอยยิ้ม
ขุนศึกหรี่ตามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบลูกอมบนมือน้อยแล้วเอ่ยตอบ
“ขอบใจนะ...จั่นเจา”
จั่นเจาเหรอ?
จ้าวจันทร์ได้แต่ทวนชื่อใหม่ที่ได้มาอยู่ในใจ
“โอ๊ย กูปวดหลัง”
จักรดุลย์เป็นคนแรกที่โอดครวญหลังจากอาจารย์สอนเสร็จและเดินออกนอกประตูไปแล้ว เสร็จสิ้นการเรียนในคาบบ่ายที่แสนง่วง
“เบสต์...” จักรดุลย์หันไปเรียกเพื่อนสนิทที่กำลังเก็บสัมภาระลงในกระเป๋า แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเขาก็เอ่ยเรียกซ้ำ
“เบสต์...” เสียงเข้มขึ้นมาหนึ่งระดับ
“อะไร เก็บของอยู่”
“ปวดหลัง”
“ปวดหลังก็นั่งก่อน”
“ปวดหลัง!”
จักรดุลย์เอ่ยเสียงเข้ม หน้าตาก็บึ้งตึงขึ้นทันควันเหมือนเด็กนิสัยไม่ดี
ฝนทิพย์หันมามองหน้าบูด ก่อนจะยัดหนังสือเล่มสุดท้ายลงในกระเป๋าแล้วขยับมาใกล้คนเอาแต่ใจ จากนั้นก็ตำหนิแล้วออกคำสั่ง
“ทำไมนายชอบเอาแต่ใจจังวะเวย์”
“......”
“นั่งตัวตรงดีๆ”
ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงก็เผยรอยยิ้มสดใสโดยไว จากนั้นก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขเมื่อมือน้อยบีบนวดไหล่และไล่ทุบไปตามแผ่นหลังอย่างได้จังหวะ ราวๆ ห้านาทีที่ฝนทิพย์นวดๆ ทุบๆ ให้ ก่อนจะหยุดเมื่อรู้สึกเมื่อยมือแล้วเหมือนกัน หันไปมองเพื่อนๆ คนอื่นก็เห็นว่าขุนศึกกับอธิปัตย์กำลังนั่งคุยกัน ส่วนจ้าวจันทร์นั้นนั่งจ้องเธอกับจักรดุลย์ตาแป๋ว
“มองไรจ้าว” จักรดุลย์ถามอย่างสงสัย
“เปล่าจ้า” จ้าวจันทร์ยิ้มอายๆ แล้วก้มหน้าหลบ
“ไปยัง” อธิปัตย์หันมาถามแก๊งสามช่าสามคน เมื่อเขาและขุนศึกนั่งคุยกันจนหมดเรื่องพูดแล้วสามคนนี้ก็ยังไม่ลุกเสียที
“ไปๆ อคินไปด้วยไหมเนี่ย”
ฝนทิพย์ถามยิ้มๆ ด้วยว่าวันนี้เธอและจักรดุลย์จะไปกินข้าวเย็นที่คอนโดของอธิปัตย์ซึ่งอีกฝ่ายเพิ่งย้ายข้าวของมาจากกาญจนบุรีเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ยังจัดไม่เสร็จเรียบร้อยดี เลยว่าจะไปชมคอนโดใหม่เสียหน่อย ซึ่งเรื่องนี้สามเพื่อนซี้พูดคุยกันไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้ว
“ไม่ไป”
ขุนศึกส่ายหน้า ไม่ใช่ว่ามีปัญหาอะไร แต่เขาไม่สะดวกเลยไม่อยากไปไหน วันนี้อยากกลับบ้านไปนอน
“โอเค”
“ไปเที่ยวไหนกันคะ” จ้าวจันทร์ถามขึ้นขณะลุกขึ้นยืนตามเพื่อนๆ ทั้งสี่เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
“ไปดูห้องไอ้พอร์ช เลยว่าจะไปกินข้าวเย็นที่นั่น ชวนอคินแล้วอคินไม่ยอมไป ตัวไปด้วยกันมั้ย สะดวกเปล่า”
“ไม่เป็นไรจ้า” จ้าวจันทร์ส่ายหน้าพัลวัน
จากนั้นสามหนุ่มและสองสาวก็พากันเดินออกจากห้องเรียน ก่อนจะแยกย้ายฝนทิพย์ก็เป็นฝ่ายเรียกรั้งทุกคนไว้ก่อน
“ทุกคน เราไปนั่งตรงม้าหินอ่อนกันสักแป๊บเถอะ”
แม้ว่าอีกสี่คนที่เหลือจะไม่เข้าใจว่าสาวซ่าจะทำอะไร แต่ก็ยอมเดินตามไปนั่งกันโดยดี
“เราทำไลน์กลุ่มกันไว้มั้ย มีอะไรจะได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ”
เมื่อทุกคนเออออ ฝนทิพย์เลยจัดการสร้างไลน์กลุ่มชื่อว่า ห้าแสบ แล้วเพิ่มทุกคนเข้าไป เธอและสองหนุ่มพอร์ชกับเวย์มีไลน์กันอยู่แล้ว ตอนนี้มีเพื่อนใหม่เลยเพิ่มไลน์ของขุนศึกและจ้าวจันทร์ลงไปด้วย
และดูเหมือนรูปโพรไฟล์ในไลน์ของขุนศึกจะหล่อเกินหน้าเกินตา ฝนทิพย์เลยกระเซ้า
“หล่อทะลุไลน์เลยนะ”
ว่าจบก็ส่งค้อนให้อย่างหมั่นไส้ ส่วนคนถูกหมั่นไส้ก็ได้แต่ยักคิ้วให้เหมือนประมาณว่า ก็แน่สิ อะไรประมาณนั้น
ฝ่ายจ้าวจันทร์ก็ไล่ดูรูปสมาชิกในไลน์ของแต่ละคน ก่อนจะมาสะดุดที่ชื่อไลน์ของขุนศึกที่สะกิดใจเธออย่างยิ่ง ก็เพิ่งเรียนด้วยกันวันสองวันเองนี่นะ ยังไม่รู้ชื่อจริงกันครบทุกคนเลย
“ขุนศึกเหรอ…ทำไมชื่อเท่จัง”
“เท่ตรงไหน เชยจะตาย ชื่อโหล”
“ไม่โหลหรอก จ้าวไม่เคยเห็นใครชื่อนี้เลย” จ้าวจันทร์พูดพร้อมส่ายหน้า
“เออ กูก็ไม่เคย…เคยได้ยินแต่ชื่อขุนพล” จักรดุลย์เสริม
“ขุนพลพ่อกูครับไอ้สัตว์!”
จบคำของขุนศึกทั้งโต๊ะก็หัวเราะกันลั่น เพิ่งรู้ชื่อพ่อของเพื่อนก็วันนี้เอง ไม่ได้ตั้งใจล้อชื่อพ่อเพื่อนเลยเด้อ!
“โทษๆ ไม่รู้นี่หว่า” จักรดุลย์โบกไม้โบกมือพัลวันพร้อมกับกลั้นหัวเราะเต็มที่
ขุนศึกได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เขาเข้าใจเจตนาของเพื่อนดีว่าไม่ได้ตั้งใจหมิ่นชื่อพ่อล้อชื่อแม่อะไรแบบนั้น ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
“งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยนะ จ้าวกลับไง”
ฝนทิพย์หันไปถามเพื่อนสาวที่ตัวจิ๋วที่สุดในกลุ่ม วันนี้เธอกับจักรดุลย์จะไปพร้อมกับอธิปัตย์ ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าขากลับจากกินข้าวเสร็จจะแวะไปส่งถึงบ้าน
“รถเมล์จ้า”
“กลับดีๆ นะ”
จ้าวจันทร์พยักหน้าและยิ้มให้กับความห่วงใยของเพื่อน และเมื่อทั้งสามคนเดินห่างออกไปแล้วก็เหลือแค่เธอกับขุนศึกแหละ
“เอ่อ...”
“ไปขึ้นรถเมล์ตรงไหน”
ขุนศึกถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธออ้ำอึ้ง ก็เพิ่งจะได้คุยกันจริงจังวันนี้ล่ะมั้งเนี่ย
“ข้างหน้า ม. ค่ะ”
จ้าวจันทร์ตอบเขาเสียงเบา อันที่จริงเธอสามารถขึ้นรถไฟฟ้ากลับได้ แต่รถเมล์ก็สะดวกสบายสายเดียวถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์เลย
“งั้นเดี๋ยวไปส่งหน้าป้ายรถเมล์”
พูดจบขุนศึกก็เดินนำออกไป จ้าวจันทร์ที่ทักท้วงไม่ทันก็ได้แต่อ้าปากค้างเพราะนึกไม่ถึง แต่เมื่อเขาหันกลับมามองพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าทำไมเธอไม่เดินตามมา จ้าวจันทร์ก็รีบก้าวขาเพื่อเดินตามไปให้ทันเขาทันที...