9

3095 Words
เช้าวันต่อมา...เวลา 9:05 น. หลังจากให้ ‘โอม’ ลูกน้องคนสนิทของสิงขรแอบมาสังเกตการณ์ให้เมื่อชั่วโมงก่อน ภาคินก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถตรงมาที่รีสอร์ตพรรณนารา เพื่อจะดักรอรับวรันยาไปเที่ยวในเมืองกับตน “สวัสดีครับอาสิน” ภาคินลงจากรถแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน “อ้าว! มาเมื่อไหร่เนี่ยคิน” สินชัยรับไหว้แล้วมองหนุ่มตรงหน้าที่ไม่ได้เจอมานานอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ “ผมกับนัยมาถึงเมื่อวานตอนค่ำๆ ครับ” ภาคินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่อย่างคุ้นเคย “เราดูผอมลงไปนิดหนึ่งนะ” สินชัยจ้องมองหนุ่มตรงหน้าอย่างสังเกตความเปลี่ยนแปลง “ผมโดนพี่รัญใช้งานหนักน่ะครับ” ภาคินตอบทีเล่นทีจริง “หึๆ ขานั้นนี่ถ้าเป็นเรื่องงานเมื่อไหร่ เนี้ยบตลอด” สินชัยหัวเราะเบาๆ อย่างเห็นภาพตาม “ใช่ครับ เอ่อ...ว่าแต่น้องไวน์ตื่นหรือยัง พอดีว่าผมจะพาน้องไปซื้อของ ในเมืองน่ะครับอา” ภาคินถามพลางส่งสายตามองหาสาวเจ้า “อ้าว! นี่น้องไวน์นัดกับคินเอาไว้เหรอ เมื่อกี้เห็นบอกว่าจะไปบ้านของคาร่า อาก็กำลังจะกดโทรบอกให้นารีขับรถไปส่ง” สินชัยเลิกคิ้วถามด้วย สีหน้าแปลกใจ “อืม...สงสัยน้องไวน์คงลืมมั้งครับ” ภาคินรีบออกตัว “นั่นสิ! เดี๋ยวอาเรียกให้นะ” สินชัยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในบ้านแล้วเอ่ยเรียกบุตรสาว “น้องไวน์ เสร็จหรือยังลูก” “ค่ะคุณพ่อ” คนที่แต่งตัวเสร็จพอดีขานรับ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าถือใบเล็ก แล้วรีบวิ่งลงบันไดมาที่ชั้นล่าง แต่พอเห็นว่าใครยืนยิ้มแป้นอยู่ก็ถึงกับ ถอนหายใจอย่างรู้สึกเซ็งๆ “ไง” ภาคินทักทายสาวเจ้าที่ทำหน้าบึ้ง “เรานัดกับพี่คินเอาไว้เหรอลูก” สินชัยหันไปถามบุตรสาวอย่างสงสัย วรันยาถึงกับไปไม่ถูก ไม่รู้ว่าจอมทะลึ่งมาโกหกอะไรบิดาของเธอแต่เช้า “เอ่อ...ไวน์ไม่ได้...” “ก็เมื่อคืนน้องไวน์บอกจะไปซื้อของใช้ส่วนตัว จำไม่ได้หรือไง?” ภาคิน ชิงตอบ “เมื่อคืน...” สินชัยมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างขอคำตอบ “คือผมกับนัยไปงานวันเกิดคาร่าครับ ขากลับก็เลยขับรถมากับน้องไวน์” ภาคินขยายความ “อ๋อ! อาก็นึกว่าทางนู้นมาส่ง ที่แท้ก็มากับคินนี่เอง” สินชัยพยักหน้ารับเบาๆ อย่างเข้าใจเหตุการณ์ “ครับ” ภาคินหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสาวเจ้าแอบกลอกตาใส่ตน “แล้วนัยล่ะ?” สินชัยถามหาแฝดอีกคนที่ปกติมักจะมาด้วย “ไปทำธุระครับ เย็นๆ คงจะแวะมาหาอา” “โอเค! อย่ากลับกันค่ำนักนะ” สินชัยบอกยิ้มๆ “ครับอา” ภาคินขานรับ “เอ่อ...ไวน์ไปก่อนนะคะพ่อ” วรันยาบอกบิดา “จ้ะลูก” สินชัยส่งยิ้มให้บุตรสาว ก่อนจะหันไปกำชับชายหนุ่มอีกครั้ง “ขับรถดีๆ นะคิน” “ครับ” ภาคินก้มหัวนิดๆ ก่อนจะเปิดประตูให้สาวเจ้าเข้าไปนั่งแล้วปิดให้ จากนั้นก็กลับมานั่งประจำที่คนขับ แล้วค่อยๆ ขับออกไปช้าๆ เพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นกังวล “ไวน์นัดกับคาร่าเอาไว้” วรันยาหันไปบอก “เดี๋ยวพี่จะโทรให้ไอ้นัยไปรับคาร่า” ภาคินผลักภาระไปให้แฝดผู้น้อง “พี่คินก็ไปรับหน่อยสิคะ” วรันยาเอ่ยอ้อนเสียงหวาน “พี่ไม่ใช่คู่หมั้นของคาร่านะไวน์” “บ้า! แค่ให้ไปรับมาด้วยกันเท่านั้น” “ไม่เอา! พี่อยากใช้เวลากับเราแค่สองคน” “แต่ไวน์อยากไปซื้อของกับเพื่อน” “ไปซื้อกับพี่ก็ได้” “ไวน์จะไปซื้อชุดชั้นใน พี่คินจะไปช่วยไวน์เลือกงั้นเหรอคะ” “ได้สิ! พี่จะช่วยเลือกให้เองว่าชอบให้เราใส่แบบไหน” คนหน้ามึนบอกพลางส่งสายตาแวววาว “ไม่อายคนอื่นมองหรือไง อีกอย่างไวน์จะใส่แบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับพี่คิน” วรันยาถอนหายใจกับความคิดของอีกฝ่าย “ถ้ากลัวคนมอง ก็ให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องลองชุดสิ จะได้ไม่มีใครเห็น” “ไม่มีทาง!” วรันยาถลึงตาใส่คนลามก “หึๆ พี่ไม่อายหรอกครับ สัญญาจะนั่งรอเงียบๆ เลย” ภาคินให้คำมั่น “เฮ้อ...นี่ตกลงจะไม่ไปรับคาร่าจริงๆ ใช่ไหมคะ” “จริง!” ภาคินตอบก่อนจะล้วงมือถือมากดต่อสายหาแฝดผู้น้องพร้อมกับกดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้สาวข้างๆ ฟังการสนทนาด้วย ตู๊ด...ตู๊ด... [อื้อ...ว่าไง] ปลายสายขานรับเสียงงัวเงียคล้ายคนที่ยังไม่ตื่น [แกช่วยไปรับคาร่าไปซื้อของหน่อยสิ พอดีฉันออกมากับน้องไวน์แล้ว] ภาคินรีบบอก [อะไรนะ?] ปลายสายถามเสียงดังอย่างตกใจ [ตื่นนอนแล้วก็รีบไสหัวไปรับคาร่าไปซื้อของโอเค้!] [โอเคพร่องมึงสิ กู...] [บาย!] ภาคินรีบกดวางสาย แล้วหันไปบอกแม่ตุ๊กตาหน้ารถที่กำลังมองมายังตน “เรียบร้อยแล้วครับ” “เรียบร้อยอะไร พี่นัยยังไม่ตื่นนอนเลย” วรันยามองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าอีกฝ่ายจะมึนได้โล่ขนาดนี้ “มันตื่นแล้วเชื่อสิ! อ้อ! ไลน์ไปบอกคาร่าด้วยนะว่าไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ไอ้นัยจะเข้าไปรับ” คนที่รู้จักแฝดผู้น้องดีกว่าใครยืนยันเสียงหนักแน่น “แต่ว่า...” “ขอร้องล่ะ! ทำตามที่พี่บอกเถอะน้องไวน์” “เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ” วรันยากลอกตาก่อนจะล้วงมือถือมากดพิมพ์แชตไปบอกเพื่อนสาวอย่างรู้สึกไม่สบายใจ “เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” ภาคินเปลี่ยนเรื่องคุย “ไวน์ไลน์ไปบอกเรียบร้อยแล้วค่ะ” วรันยาบอกเสร็จก็ก้มลงมองข้อความแชตของเพื่อนสาวที่เด้งขึ้นมาในมือถือ ก็แทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง {เราเข้าใจ พี่คินคงอยากจะใช้เวลาอยู่กับไวน์ ?? ??} “เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับเลย เอาแต่นึกถึงน้องไวน์” ภาคินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เห็นสาวเจ้าเงียบไป “มองทางด้วยค่ะ แล้วก็เลิกพูดจาเลี่ยนๆ ซะที จะอ้วก” คนที่กำลังโมโหเพราะถูกเพื่อนล้อ หันไปเหวี่ยงใส่ตัวต้นเหตุทันใด “อะไรกัน แค่โดนพี่จูบไปเมื่อคืนก็ตั้งท้องแล้วเหรอ?” ภาคินหยอกเย้าอย่างนึกสนุก “โอ๊ย! จะทนไม่ไหวแล้วนะ” วรันยาบอกอย่างเหลืออดที่อีกฝ่ายเอาแต่พูดจาเพ้อเจ้อไม่หยุด “นั่นสิ! พี่ก็อึดอัดมาทั้งคืน เราแวะที่ไหนดี” คนหน้ามึนถามพลางส่งสายมองสถานที่ที่เป็นส่วนตัว “บ้า!” วรันยากรีดร้องพร้อมกับรัวกำปั้นใส่คนลามก ตุบ! ตุบ! ผัวะ! “! พี่ขับรถอยู่นะน้องไวน์” คนที่ถูกสาวทุบตีอย่างบ้าคลั่งรีบบอก เพราะกลัวรถจะเสียหลัก “หุบปาก! แล้วก็ขับรถไป” วรันยาชี้นิ้วสั่งอย่างโมโห “คะ...ครับ” คนที่น่วมไปทั้งเนื้อทั้งตัวขานรับเสียงอ่อน ‘ให้ตายสิ! ตัวเล็กนิดเดียวแต่แรงเยอะเป็นบ้า!’ ครึ่งชั่วโมงต่อมา... “นี่เรามาวัดกันทำไมคะ?” วรันยาเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดข้างในวัด “ก็มาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ” ภาคินบอกก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้สาวเจ้า “ขอพร?” วรันยาเอ่ยทวนคำอย่างมึนงง ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะมีความเชื่อแบบเดียวกับชาวพุทธ อ๊ะ! หรือว่าย้ายมานับถือศาสนาพุทธแล้ว? “ใช่!” ภาคินพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปยังจุดที่มีแม่ค้าขายพวงมาลัย แล้วล้วงธนบัติสีแดงในกระเป๋าตังส่งให้อีกฝ่าย “ผมเอาสองพวงครับ” “นี่เจ้า” แม่ค้าวัยสี่สิบยิ้มรับหน้าบาน เมื่อได้ยินเสียงหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อพูดไทยชัดแจ๋ว จึงหยิบพวงมาลัยพร้อมกับเงินทอนส่งให้ “ขอบคุณครับ ไม่ต้องทอน” ภาคินรับมาแค่พวงมาลัยมาส่งให้สาวที่เดินตามมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณเจ้า” แม่ค้าวัยสี่สิบยิ้มจนแก้มแทบปริหลังได้ทิปจากหนุ่มหล่อใจดี “ไม่เป็นไรครับ” ภาคินหันไปตอบก่อนจะเดินไปหยิบธูปมาจุดเผื่อสาวข้างกายที่ตอนนี้ใบหน้ากำลังแดงปลั่ง “ขอบคุณค่ะ” วรันยารับธูปจากอีกฝ่ายมาถือ เตรียมจะก้มลงกราบพระพุทธรูปองค์ใหญ่เพื่อขอพร แต่ทว่า...เสียงของจอมทะลึ่งก็ดังจนเรียกสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้น ให้พากันหันมามอง “สาธุ...ขอให้น้องไวน์เรียนจบไวๆ แล้วก็อย่าได้ไปเหลียวมองผู้ชายคนไหนนอกจากผมด้วยเทอญ สาธุ” คนที่เพิ่งจะเคยขอพรเป็นครั้งแรกยกมือไหว้เสร็จก็รีบปักธูปลงในกระถางใบใหญ่ จากนั้นก็ก้มลงกราบสามครั้งเหมือนกับที่เคยเห็น ผู้เป็นยายทำบ่อยๆ เสียงซุบซิบและเสียงหัวเราะของผู้คนที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาวรันยาที่ถือดอกไม้ธูปเทียนค้างอยู่ แทบจะไปต่อไม่ถูก “เอ้า! รีบขอพรสิครับ แดดเริ่มแรงแล้วนะ” ภาคินเอ่ยเร่งเมื่อเห็นสาวเจ้า เอาแต่มองหน้าตน “คนบ้า!” วรันยามองค้อนก่อนจะยกมือขึ้นไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ จากนั้นก็รีบปักธูปลงในกระถาง แล้วรีบเดินกลับไปที่รถอย่างรู้สึกอับอาย ไม่คิดว่าจอมทะลึ่งจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนมากราบไหว้เป็นร้อยๆ “น้องไวน์รอพี่ด้วยสิ” ภาคินรีบตามสาวเจ้าไปติดๆ โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างที่กำลังพากันจ้องมองมาที่ตนอย่างสนใจ “ทำไมต้องทำอะไรบ้าๆ ต่อหน้าคนอื่นด้วย” วรันยาหันไปต่อว่าทันทีที่เดินมาถึงที่จอดรถ “! พี่แค่ขอพรเท่านั้นครับ” ภาคินบอกก่อนจะกดปลดล็อก รถสปอร์ตสุดหรูให้แม่ตุ๊กตาบลายธ์ “ก็แล้วทำไมไม่ขอในใจล่ะ” วรันยาพยายามข่มใจไม่ให้กระโจนเข้าไปตะกุยหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่าย “อ้าว! ก็น้องไวน์ไม่เห็นเหรอว่ามีคนมาขอพรเป็นร้อย ถ้าเราไม่พูดดังๆ แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะได้ยินคำขอของเราไหม?” คนมีเหตุมีผลบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “เฮ้อ...รีบๆ ไปจากที่นี่เถอะค่ะ” วรันยาถอนหายใจ แล้วรีบเข้าไปนั่งในรถอย่างตัดรำคาญ ภาคินรีบตามเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ แล้วขับรถตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่อย่างรู้สึกมึนงง ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงทำให้สาวเจ้าโกรธได้ขนาดนี้ ห้างสรรพสินค้า THE Rofwell “น้องไวน์หิวไหม?” ภาคินเอ่ยถามหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างหรูของ โดมินิก ซาเก้ ร็อฟเวลล์ เพื่อนร่วมรุ่นของบิดาตน “ไม่หิวค่ะ อยากซื้อของแล้วกลับบ้านเลย” วรันยาบอกก่อนจะออกเดินนำไปยังร้านชุดชั้นในแบรนด์ดังที่คุณกังศมาพามาซื้อเป็นประจำ “ไม่เอา! ดูหนังด้วยกันสักเรื่องก่อนสิ” ภาคินอ้อนต่อ “ไม่ค่ะ ไวน์จะดูชุดที่ร้านนี้ พี่คินจะไปไหนก็ไปเถอะ เสร็จแล้วไวน์จะโทรหา” วรันยาบอกอย่างไม่สนใจ “พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่จะนั่งรอน้องไวน์อยู่ที่ร้านนี่แหละครับ” ภาคินบอกด้วยสีหน้าตึงๆ หลังจากที่โดนสาวเจ้าเอ่ยปากไล่ “งั้นก็ตามใจค่ะ” วรันยาบอกก่อนจะเดินเข้าไปในร้านชุดชั้นใน “สวัสดีค่ะคุณไวน์ วันนี้มีคอลเลคชั่นมาใหม่ด้วยนะคะ” พนักงานสาวรีบเข้ามาต้อนรับลูกค้าประจำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลา เดินตามเข้ามาติดๆ “เอ่อ...แล้วคุณผู้ชายคนนี้...” “ผมเป็นแฟนน้องไวน์ครับ” ภาคินแนะนำตัว “ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นหลานชายของคุณกังศมา” วรันยาเอ่ยแก้ พร้อมกับหันไปมองจอมทะลึ่งด้วยสายตาขวางๆ ที่บังอาจยัดเยียดคำว่าแฟนให้เธอ “แหม...เป็นคนรู้จักกันนี่เอง” พนักงานสาวแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนเบาๆ ทั้งที่ลึกๆ ก็แอบเชื่อคำพูดฝ่ายชายมากกว่า “ใช่ค่ะ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว พี่คินก็เลยชอบแกล้งบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน” วรันยาแก้ตัวอีกครั้ง “บ้า! พี่ไม่ได้พูดเล่นนะน้องไวน์” ภาคินหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใดที่ได้ฟังคำตอบของสาวเจ้า “พี่คิน! ถ้าขืนยังพูดมากอีกล่ะก็ กลับไปไวน์จะฟ้องคุณมาร์” วรันยาหันไปกระซิบคาดโทษ “น้องไวน์ก็รู้ว่าพี่ไม่เคยกลัวคำขู่” ภาคินกัดฟันกระซิบตอบอย่างรู้สึกหงุดหงิด “เอ่อ...ช่วยพาไวน์ไปดูชุดหน่อยค่ะ” วรันยาหันบอกพนักงาน “ค่ะ” พนักงานสาวพยักหน้ารับก่อนจะพาลูกค้าประจำไปยังห้องลองชุดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วบอกให้เพื่อนร่วมงานเอาน้ำไปต้อนรับหนุ่มหล่ออย่างรู้สึกตื่นเต้น “เอ่อ...น้ำค่ะ” พนักงานสาวอีกคนส่งน้ำดื่มให้หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อที่คุ้นหน้าคุ้นตาผ่านข่าวซุบซิบคนดังอย่างรู้สึกตื่นเต้น “ขอบคุณครับ” ภาคินยื่นมือไปรับแก้วน้ำมาจิบ แล้วนั่งลงที่โซฟาหนังสุดหรู “สนใจชุดไหนบอกได้นะคะ” พนักงานสาวชวนคุย เพราะยังอยากจะมองหน้าหล่อๆ ต่ออีกนิด “ครับ ว่าแต่คุณพอจะทราบสัดส่วนของน้องไวน์ไหม?” ภาคินเลิกคิ้วถามอย่างสนใจ “ทราบค่ะ หน้าอก 34 เอว 21 สะโพก 32” “งั้นก็ตามผมมาเลยครับ” ภาคินวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วลุกเดินไปดูชุดชั้นในคอลเลคชันต่างๆ ที่อยู่บนหุ่นโชว์ “ได้ค่ะ” พนักงานสาวขานรับหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบเดินตามทายาทคนดัง ไปติดๆ ชั่วโมงต่อมา...วรันยาเดินออกมาจากห้องลองชุดวีไอพี ที่เธอไม่ต้องออกไปยืนเลือกที่ด้านนอก แต่จะมีพนักงานเอาชุดต่างๆ มานำเสนอและให้เธอลองใส่ “เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอบอกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาดูมือถือ “โอเคครับ” ภาคินลุกขึ้นแล้วส่งบัตรไม่จำกัดวงเงินของตนให้กับพนักงาน “ขอบคุณค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานรับบัตรเครดิตแล้วเดินกลับไปที่หน้าเคาน์เตอร์ “พี่คิน! ไวน์จะจ่ายเอง” วรันยาบอกอย่างตกใจ เพราะเธอไม่เห็นพนักงานที่เดินมาด้านหลัง เห็นอีกทีคือตอนที่ภาคินส่งบัตรเครดิตไปให้ “บ้า! มากับพี่ พี่ดูแลเองครับ” ภาคินบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณนะคะ” วรันยาถอนหายใจ แล้วยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ เธอไม่อยากจะมาทะเลาะกับเขาตรงนี้ เพราะคนเยอะเกินไป อีกอย่างใครๆ ก็รู้จัก ภาคิน ซานเตียนโน่ เธอจึงไม่อยากจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่บิดาชอบนั่งอ่านขณะจิบกาแฟในตอนเช้า “เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” พนักงานส่งบัตรเครดิตคืน “ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนมารับของที่นี่” ภาคินยิ้มก่อนจะเก็บบัตรเครดิตเสียบลงในช่องกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงส่งให้กับพนักงาน “ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” พนักสาวพยักหน้ารับเบาๆ “ทำไมมันดูเยอะจังคะ?” วรันยาหันไปมองถุงกระดาษที่พนักงานสองคนหิ้วรวมกันเกือบสามสิบถุงอย่างมึนงง เพราะเธอไม่น่าจะซื้อเยอะขนาดนี้ “ไม่เห็นจะเยอะเลย พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เริ่มหิวขึ้นมานิดๆ แล้วสิ” ภาคินตัดบทพร้อมกับดึงแขนของสาวเจ้าให้ออกเดินไปด้วยกัน “อืม..น้องไวน์อยากกินอะไรครับ” “อะไรก็ได้ค่ะ” วรันยาบอกอย่างไม่หายมึน ขณะเดียวกันก็เริ่มสังเกตเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมา หันมามองที่เธอและเขาอย่างสนใจ “อาหารญี่ปุ่นหรืออิตาเลียนดี?” ภาคินถามอย่างเอาใจ “อาหารไทยค่ะ” วรันยารีบบอก “ได้! พี่ให้น้องไวน์เลือกร้านเลยครับ” “งั้นก็ตามมาทางนี้ค่ะ” วรันยาออกเดินนำไปยังร้านที่มากินเป็นประจำ กับเพื่อนๆ “ครับ” ภาคินรีบเดินตามไปโอบไหล่ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แม้จะถูกสาวเจ้าปัดมือออกอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ตีมึนทำเป็นไม่สนใจ สิบนาทีต่อมา...ศูนย์อาหาร “โอ้! นี่ล้อพี่เล่นใช่ไหมเนี่ย” ภาคินขมวดคิ้วจ้องมองผู้คนนับร้อย ที่นั่งรับประทานอาหารตามโต๊ะต่างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าร้านประจำที่สาวเจ้าบอก คือศูนย์อาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ “ล้อเล่นที่ไหนกัน รีบไปเถอะค่ะไวน์หิวแล้ว” วรันยาบอกก่อนจะเดินไปซื้อคูปองที่เคาน์เตอร์ ภาคินรีบตามไปจะจ่ายเงิน แต่ก็ช้ากว่าแม่ตุ๊กตาบลายธ์ จึงได้แต่รับคูปองที่เธอส่งมาให้ แล้วเดินตามไปยังร้านอาหารมากมายที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ “เส้นเล็กก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น 1 ค่ะ” วรันยาบอกพร้อมกับส่งคูปองให้กับแม่ค้า “ผมเอาด้วยครับ” ภาคินสั่งและยื่นคูปองตาม “ได้ค่ะ” แม่ค้าสาวรับคูปอง พร้อมกับลงมือทำก๋วยเตี๋ยวให้หนุ่มหล่อและสาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มทันใด “เรานั่งโต๊ะตรงนั้นไหมคะ” วรันยาชี้ไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ “ครับ” ภาคินพยักหน้ารับมึนๆ ยังทำใจไม่ได้กับคำว่าร้านประจำของสาวเจ้า “โอเค! งั้นพี่คินรอก๋วยเตี๋ยวนะคะ เดี๋ยวไวน์จะไปซื้อน้ำ” วรันยาบอกเสร็จก็รีบเดินตรงไปยังร้านที่ขายเครื่องดื่ม ทิ้งให้คนที่ทำตัวไม่ถูกได้แต่มองตามตาปริบๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD