"มันมีประโยชน์อะไร ตรงไหนเนี่ย"
สตีฟที่รู้แกวแต่บอกยิ้ม ๆ ไปว่า "อย่าเสียเวลาเลยน่า ถือเสียว่าคุณแวะมาพักร้อนกับเราที่นี่ ตัดการสื่อสารไปก่อนไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย"
“อยู่สงบ ๆ แล้วก็อย่าคิดหนีจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด”
ธาราทิพย์เบ้ปากเมื่อได้ยิน อย่างกับว่าเธอเป็นพวกหัวอ่อนเชื่อคนง่ายอย่างนั้นแหละ เรื่องอะไรจะยอมมาถูกขังรวมอยู่กับพวกซิกซ์แพ็กแน่น ๆ ที่ในกลางป่าแบบนี้ เจริญตามันก็ใช่อยู่หรอก แต่ชีวิตของเธอไม่เจริญแน่ถ้าต้องมาอยู่แบบนี้
จนสายของวันต่อมา ธาราทิพย์ออกจากห้องมานั่งกินข้าวคนเดียวแล้วเดินลงจากบ้านไป ไม่เห็นใครเลยสักคน น่าจะลองเดินออกจากบ้านเผื่อข้างหน้านี้จะมีถนน ต้องมีรถวิ่งไปมาอยู่แน่ ๆ หรือไม่ก็อาจมีท่าเรือด้วยก็ได้ และนั่นแหละคือหนทางกลับบ้านของเธอ ยังก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงทักก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอเสียก่อน
“บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าหนี ผมจะจับล่ามโซ่" ร็อกบอกพร้อมกับจับข้อมือของเธอเอาไว้จนแน่น “คุณอยู่อย่างสงบ ๆ ไม่ได้เลยหรือยังไง” บอกจบเขาดึงมือเธอไปยังทางกลับเข้าบ้าน
“ก็ไม่ได้น่ะสิ ฉันจะกลับฉัน ข้าวของเครื่องใช้ที่นี่ก็ไม่มีสักอย่างฉันจะใช้ชีวิตได้ยังไง”
“จะเอาอะไรบอกมา เดี๋ยวผมให้คนออกไปหามาให้”
“ครีมบำรุง เช้า กลางวัน เย็น วิตามินกันผิวฝ่อ คอลลาเจน อาหารเสริมบำรุงผิว ไหนจะแชมพู เจลอาบน้ำ น้ำหอม แป้ง โรลออนแล้วก็ยังมี...” เธอยังแจงไม่ครบเลย ร็อกขัดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
“เยอะจริง ๆ”
ธาราทิพย์หรี่ตามองเขาคงไม่ได้หมายถึงเยอะที่แปลว่าเธอเรื่องมากหรอกใช่ไหม ก่อนบึนปากแล้วบอกออกไปว่า “นี่ยังไม่หมดนะ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มากักขังฉันไว้แบบนี้เลยนะ ไม่มีสิทธิ์!”
“เรื่องมาก พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นี่เอง ตอนเด็ก ๆ ญาติคุณถึงได้ส่งไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า”
“เดี๋ยวนะ!” ธาราทิพย์กระชากเสียงถามพร้อมกระชากมือออกจากเขาแต่ก็ไม่หลุดออกง่าย ๆ “เมื่อกี๊ว่ายังไงไหนลองพูดใหม่อีกทีสิ”
ร็อกมองสายตาเดือดดาลโกรธจัดนั้นแล้วก็นึกว่าตัวเองทำไมถึงได้ปากไวพูดออกไปแบบนั้น คงเพราะเรื่องเล่าของหญิงสาวที่เขาได้รับรู้มานี่เองที่ทำให้เขาหลุดปากพูดเรื่องของเธอออกมา
“ก็อย่างที่ได้ยิน” เขาพูดแล้วดึงเอาเธอกลับเข้าบ้านจนสำเร็จ ธาราทิพย์ไม่ยอมจบง่าย ๆ ถามจี้ออกไปอีกประโยค
“ใครบอกคุณเรื่องนี้ ยายส้มใช่ไหม”
เขาเดินหนีแต่ธาราทิพย์ไม่ยอมให้เขาเดินจากไปง่าย ๆ
“พูดจาหมา ๆ แบบนี้ได้ยังไงวะไอ้ฝรั่ง” ธาราทิพย์เดือดจัดจนผรุสวาทวาจาออกมาแบบไร้การควบคุม “ทำไมหรือ ฉันมาจากบ้านเด็กกำพร้าแล้วยังไง หนักหัวคุณมากใช่ไหม ไอ้สวะสังคม” ว่าแล้วก็จัดแจงจะตีเข่าใส่ แต่ร็อกทำเพียงขยับออกหนี แล้วยกแขนบัง แล้วก็พบว่าหญิงสาวท่าทีโมโหง่ายตรงหน้าเขาไม่ได้มีดีเพียงแค่หุ่นที่เย้ายวนเพียงเท่านั้น แต่ยังพอมีทักษะทางมวยไทยอีกด้วย
ร็อกเลยเริ่มสนุกเพราะเขารักศิลปะการต่อสู้มวยไทยเป็นทุนอยู่แล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ได้ตอบโต้เธอ จึงทำเพียงยกมือ ยกแขนป้องกันใบหน้าไปมาจนพบช่องโหว่ของเธอก็จัดแจงรวบเอาร่างของเธอเข้าไปกอด เขาซ้อนตัวที่ด้านหลังจับมือขับแขนของเธอไขว้จนเป็นกากบาท
ธาราทิพย์ดิ้นหนีจนรู้สึกได้ว่าสะโพกของเธอไปเบียดเสียดสีเข้ากับท่อนเนื้อของเขาจากที่นุ่ม ๆ เด้ง ๆ เธอดิ้นรนหนี เพราะแค่เดี๋ยวเดียวที่โดนมัน ท่อนนั้นก็แข็งเป็นลำราวกับท่อนเหล็กไปแล้ว ทั้งยังร้อนผ่าวทะลุผ่านผ้าของเธอออกมาอีกด้วย
“ไอ้คนหื่น ปล่อยฉันสิวะ” ธาราทิพย์สบถก่อนสบประมาทด้วยเรื่องที่เธอเคยได้ยินมาพ่นใส่หน้าเขา “นายมันก็เหมือนแม่ของนายนั่นแหละ มักมากในกาม”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อรนุชเคยเล่าตอนเมาให้พวกเธอฟังว่าพี่ชายลูกครึ่งนั้นมีแม่เป็นหญิงขายบริการ
ร็อกได้ยินก็ออกแรงรัดแน่นขึ้น “ว่าไงนะ” แล้วพลิกร่างให้หันมาประจันหน้ากัน
“นายน่ะลูกจากพ่อคนไหนหรือ จำพ่อตัวเองได้ไหม ถ้านั่นยังไม่ใจร้ายพอ ฉันยังได้ยินมาว่าแม่ของนายน่ะก็ไม่ได้อยากได้นายเท่าไรเลยนี่ เคยจะไปเอานายออกด้วย เรื่องนี้เคยมีใครบอกนายไหม”
ร็อกไม่เคยพลั้งเผลอกายใจแบบนี้มาก่อน
ไม่เคยมีใครพูดจี้แทงหัวใจของเขาด้วยเรื่องนี้
เพราะมันเป็นปมที่ติดตัวของเขามาโดยตลอด
นาทีที่ได้ยินตอนแรกนั้น ร็อกยอมรับว่าโกรธจัด โมโหมาก ๆ แล้วก็ไม่เคยเห็นด้วยเลยกับการทำกับผู้หญิงสักคนแบบนี้ แต่แล้วเขาก็ทำมันลงไปอย่างที่ความต้องการภายในเรียกร้องให้เขาทำ
ร็อกดึงเอาร่างเย้ายวนของคนตรงหน้าเข้ามาหา อกของเธอกระแทกกับอกของเขาเต็มแรง แล้วเขาก็ก้มลงปิดริมฝีปากที่พูดออกมาแต่ละคำเสียดแทงหัวใจของเขาราวกับเอามีดทื่อ ๆ มาทิ่มกรีดลงที่ตรงเนื้อหน้าอกด้านซ้ายของเขา ร็อกจูบหยาบคาย เอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยจูบใครมาก่อนแบบนี้เลยในชีวิตของเขา