SOMEBODY14:เมียที่ไม่น่ารัก

1918 Words
[AKIN : SAID] ผมรีบกลับมาที่ห้องเพราะคิดว่าลิซจะกลับเข้ามาแต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ในห้องว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของเธอ ผมร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก โทรหาเธอก็ติดต่อไม่ได้ดูเหมือนเธอจะปิดเครื่องเอาไว้ พอโทรหาตุ๊กตาเธอก็ทำเหมือนไม่อยากคุยกับผม ถ้าจะไปหาเธอที่บ้านก็ไม่กล้าเพราะครอบครัวของเธอไม่ได้ต้อนรับผมสักนิด แม่งเอ้ยเป็นงี้ทุกทีเลยว่ะ ทะเลาะกันทีไรก็หนีหน้าตลอดไม่ยอมหันหน้ามาคุยกันดีๆ เพราะเธอเป็นแบบนี้ไงผมถึงได้เหนื่อยใจ เออ ยอมรับก็ได้ว่าตอนนี้ผมอาจจะไม่เหมือนเดิม อาจจะใส่อารมณ์กับลิซไปบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ใช้ชีวิตด้วยกันป่ะ หรือว่ากูแม่งผิดวะ แม่งเอ้ย ผมคิดตามคำพูดของลิซมันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าผมมันผิดเองที่นึกถึงแต่ตัวเองไม่เคยนึกถึงหัวใจของคนที่รักผมเลย ถ้าลิซไม่รักผมเธอจะไม่ยอมทิ้งครอบครัวเพื่อมาอยู่กับผม เธอคงไม่ทนกับผมที่ไม่มีเวลาให้ เวลานอนเธอก็ไม่เคยได้นอนกอดผมเลยเพราะผมแทบจะนอนเช้าทุกคืน เวลากินข้าวเราก็ไม่ตรงกัน ลิซไม่เคยโวยวายหรือต่อว่าผมสักนิดกับเรื่องแบบนี้ โคตรแม่งเอ้ย กูนี่มันเหี้ยจริงๆ ว่ะ ทำร้ายจิตใจคนที่รักมึงขนาดนี้ได้ยังไงว่าคิณณ์ ผมแม่งโคตรเหี้ย ถ้าเธอจะไปจากผมแล้วไม่ยกโทษให้ผมผมเองก็เข้าใจเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาทนอยู่กับแฟนที่ไม่มีเวลาให้แบบนี้หรอก แต่ที่ลิซยังทนมันเป็นเพราะว่าเธอรักผมไง ทำไมเรื่องแค่นี้กูถึงคิดไม่ได้วะ ผมแม่งไม่ดีเองที่ทำร้ายเธอด้วยคำพูด ผมรู้ว่าลิซกินอาหารพวกนั้นไม่ได้เพราะเธอเคยกินมาแล้วและท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ผมก็ยังดันทุลังที่จะพาลิซมากินจนได้ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะโกรธผม ที่ผมทำแบบนั้นมันเป็นเพราะมีคนบอกให้ผมทำไง “ลองใจพี่ลิซดูสิคะ” คำพูดของจัสมินในตอนนั้นมันทำให้ผมเผลอทำร้ายลิซเข้าไปเต็มๆ จัสมินบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าลิซยังรักผมมั้ยต้องให้ลองใจเธอโดยการพาเธอไปที่ที่เธอไม่ชอบ หรือพาเข้าร้านอาหารที่เธอไม่อยากกิน ถ้าลิซยอมกินเพื่อผมนั่นแสดงเธอรักผมจริงๆ แต่ถ้าเธอไม่กินแปลว่าเธอไม่ได้รักผมจริงเธอก็แค่เก็บผมไว้ใช้งาน แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ เพราะถ้าลิซไม่ได้รักผมเธอคงไม่ทิ้งครอบครัวตัวเองมาหาผมแบบนี้หรอก ผมไม่น่าทำตามที่จัสมินบอกเลย เธอรู้จักกับลิซได้ไม่นาน ผมสิที่รู้จักลิซมาหลายปีผมควรจะเชื่อใจลิซมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอวะ แม่งเอ้ย! คิดได้ตอนนี้ก็อาจจะสายไปแล้ว คนอย่างลิซถ้าได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วเธอจะไม่ถอนคำพูดเด็ดขาด ลิซเป็นคนจริงมากพอที่จะไม่กลับมาหาผม เธอมีดีทุกอย่างฐานะ หน้าตา การศึกษา เลยทำให้ผู้ชายหลายคนรุมตามจีบเธอ และเธอก็มาเล่าให้ผมฟังแทบทุกวัน ทำไมเรื่องแบบนี้ผมถึงคิดไม่ได้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ลิซยอมลดตัวลงมาหา ยอมที่จะลำบากไปกับผม เพราะถ้าเธอไม่ได้รักผมเธอจะไม่ยอมพาตัวเองมาลำบากแบบนี้หรอก ทำไมกูคิดไม่ได้วะ ผมทึ้งหัวตัวเองแรงๆ แล้วเฝ้าแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ถ้าลิซเลิกกับผมเชื่อเหอะว่าชีวิตนี้ผมก็คงหาผู้หญิงที่เหมือนลิซไม่ได้อีกแล้ว ผู้หญิงที่ยอมลำบากเพื่อที่จะอยู่กับผม ผู้หญิงที่ยอมเข้าใจในหน้าที่การงานของแฟนตัวเองโดยไม่โวยวายหรือเรียกร้องอะไร 'หนูรักพี่คิณณ์ได้ หนูก็เลิกรักได้เหมือนกันค่ะ' คำพูดของลิซในวันที่ผมขอเธอเป็นแฟนเมื่อสองปีก่อนวกกลับเข้ามาในหัวผม ถ้าเกิดว่าลิซไม่ยอมกลับมาผมจะทำยังไง วันนี้ผมตั้งใจลางานเพื่อที่จะอยู่กับเธอ อยากไถ่โทษที่ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพังไปหมด ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลิซอยู่ที่ไหน เธอจะหายโกรธผมแล้วหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ “ขอโทษนะลิซ” ผมพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เพื่อตอกย้ำว่าผมมันเป็นคนผิดทั้งหมด ผมน่าจะเชื่อใจคนที่ผมรักมากกว่านี้ ไม่ใช่ไปเชื่อคนอื่นจนลืมนึกถึงจิตใจของเมียตัวเอง กูแม่งโคตรเหี้ย โคตรเลว ที่ทำร้ายคนที่รักตัวเองได้ขนาดนี้ [AKIN : SAID END] “ดื่มมากแล้วนะลิซ” แม็กคือคนที่ฉันโทรบอกให้มาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่ผับแห่งหนึ่ง ฉันเลือกที่จะไม่ไปหาตุ๊กตาเพราะรู้ว่าพี่คิณณ์จะตามหาฉันเจอ และเลือกที่จะไม่กลับบ้านให้พ่อแม่สมน้ำหน้ากับการตัดสินใจของฉัน จะมีก็แต่แม็กนี่ล่ะที่ฉันเชื่อใจได้ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะเมาจนกลับเองไม่ได้ ฉันเครียดก็เลยแก้เครียดด้วยการมาดื่มอย่างที่เห็น ฉันอยากลืมเรื่องเครียดๆ พวกนี้ให้หมด วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของฉันเลยล่ะ ฉันหยิบมือถืออกมาดูว่ากี่ทุ่มแล้วได้เวลาที่ฉันควรจะกลับหรือยังไปต่อปรากฎว่าแบตหมดไปตอนไหนไม่รู้ ฉันเลยหันไปถามแม็กเขาบอกว่าตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว งั้นเหรอ พี่คิณณ์คงออกไปหาผู้หญิงที่คุยไลน์ด้วยแล้วล่ะมั้ง “งั้นเรารบกวนให้แม็กไปส่งเราที่หอหน่อยได้มั้ย” พอรู้ว่าตัวเองกลับเองคงไม่ไหว เพราะดูจากการที่มึนหึวและเดินเซแบบนี้ ไหนจะมองรอบตัวฉันเองมันก็เป็นภาพรางๆ ก็ทำให้รู้เลยว่าตอนนี้ฉันเริ่มเมา แต่ยังดีหน่อยที่ฉันยังคงควบคุมสติตัวเองได้ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม ที่จริงก็อยากจะทำให้ตัวเองเมาจนไม่ได้สติอยู่หรอกแต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดูไม่ดีแน่ๆ “เอางั้นก็ได้แต่คราวหน้าไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ ลิซเป็นผู้หญิงมาเมาแบบนี้มันอันตรายรู้หรือเปล่า” แม็กนี่บ่นจัง ก็แค่ให้มานั่งเป็นเพื่อนเขาไม่ชอบหรือไง สถานที่แบบนี้ส่วนมากแล้วผู้ชายชอบจะตายได้มองผู้หญิงที่เต้นยั่วบนเวทีแถมได้สัมผัสร่างกายของเธออีกด้วย ฉันพยักหน้าแล้วให้แม็กช่วยพยุงไปที่รถอย่างทุลักทุเล “แม็กช่วยพาเราไปส่งที่ห้องด้วยได้มั้ยอ่ะ เราเวียนหัวจะอ้วก” พูดยังไม่ทันขาดคำฉันก็วิ่งลงจากรถไปที่ถังขยะและอ้วกออกมาอย่างหนัก มึนหัวไปหมดเหมือนทุกอย่างรอบตัวมันหมุนได้ ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนกำลังถูกเผาไหม้ นี่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังเล่นงานฉันอยู่สินะ บ้าจริง ฉันกำลังจะล้มหัวฟาดพื้นก็มีมือหนาของแม็กเข้ามาประคองร่างฉันเอาไว้ได้ทัน พอเห็นว่าฉันคงเดินเองไม่ไหวแน่ๆ เขาก็ช้อนตัวฉันขึ้นให้อยู่ในอ้อมแขนของเขาเพื่อที่จะพาฉันไปส่งที่ห้อง ฉันไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะเข้าใจว่าที่เขาอุ้มฉันแบบนี้เป็นเพราะเขาเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะลืมเหมือนเมื่อกี้ “เธอนี่มันจริงๆ เลยนะลิซ ปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้ได้ยังไง” แม็กอุ้มฉันมาถึงหน้าห้องเขาก็เคาะประตูเพราะเขารู้ว่าฉันพักอยู่กับพี่คิณณ์ ไม่นานพี่คิณณ์ก็เดินมาเปิดประตูให้ คนตรงหน้าที่เห็นว่าแม็กอุ้มฉันมาเขาก็ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีก่อนจะแย่งฉันที่อยู่ในอ้อมแขนของแม็กมาพยุงเอาไว้เอง แล้วจะให้ฉันทำยังไงอ่ะก็คนมันเครียดมันหาทางออกไม่ได้ก็ต้องไปดื่มมั้ยล่ะ “ลิซเป็นไร?” “ดื่มไปเยอะน่ะครับเลยเมาอย่างที่เห็น” แม็กส่ายหน้าก่อนจะขอลากลับก่อน พอเราอยู่ด้วยกันสองคนฉันก็ผลักพี่คิณณ์ออกจากตัว เลยทำให้ตัวเองเซล้มไปกองกับพื้น พี่คิณณ์เข้ามาพยุงฉันอีกรอบ จะมาช่วยฉันทำไมไหนบอกว่าเหนื่อยไงที่มีแฟนอย่างฉัน งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันก็ได้ปล่อยให้ฉันนอนที่นี่ไปเลย ฉันเองก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยกับแฟนไม่เอาไหนอย่างฉันเหมือนกัน รู้หรือเปล่าว่าคำพูดของเขามันทำให้ฉันเจ็บมากแค่ไหนอ่ะ พอนึกถึงมันก็อยากร้องไห้ออกมาอีกแล้วเนี่ย “ลิซลุกขึ้นไปนอนดีๆ จะมานอนที่พื้นไม่ได้” พี่คิณณ์พยายามจะอุ้มฉันแต่ฉันก็ดิ้นไม่ยอมให้เขาได้อุ้ม อย่าลืมนะว่าวันนี้เขาพูดจาทำร้ายจิตใจฉันเอาไว้อ่ะ ต่อให้ฉันเมาแต่ฉันก็จำได้ และจำไม่มีวันลืมเลยด้วย เขาบอกว่าฉันมันเห็นแก่ตัว บอกว่าฉันมันนึกถึงแต่ตัวเอง ไหนจะบอกว่าเหนื่อยกับฉันแล้วเหมือนไม่อยากทนกับฉันอีกต่อไปแล้ว งั้นก็ไม่ต้องมาทนไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก “ปล่อยหนู หนูเดินเองด้ายยยยยย” ฉันคว้าโต๊ะที่วางอยู่ข้างๆ แล้วพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะแค่จะชะโงกหัวขึ้นยังทำไม่ได้เลย มันเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลา มึนหัวไปหมดโลกโครงเครงจนอยากจะล้มตัวลงนอนตรงนี้ให้ได้ แค่ขยับหัวนิดหน่อยก็ทำให้เวียนหัวแล้ว “มานี่เดี๋ยวพี่ช่วย” พี่คิณณ์ถอนหายใจก่อนจะมาช่วยพยุงฉันอีกครั้งและครั้งนี้ฉันก็ยอมให้เขาช่วย เพราะฉันแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วอยากจะอ้วกเอาตอนนี้ให้ได้ ยังไม่ทันจะได้ถึงห้องนอนด้วยซ้ำฉันก็อ้วกลดเสื้อพี่คิณณ์เข้าเต็มๆ เลย กลิ่นอ้วกคละคลุ้งทั่วห้อง แล้วนี่ฉันจะโดยว่าอีกมั้ยเนี่ย ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เงยหน้ามองเจ้าของเสื้อเลยฉันก็คอพับเป็นลมไป และไม่รู้ว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD