ฉันนั่งอยู่ที่ร้านส้มตำร้านหนึ่งที่พี่คิณณ์พาฉันมากิน แต่เขาไม่ได้บอกฉันว่าชวนจัสมินมาด้วย เลยทำให้เธอมานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเรา
ถ้าบอกว่าลางานเพื่อที่จะมาอยู่กับฉันฉันว่าไม่ใช่แล้วล่ะ การที่เขาอยู่กับฉันเราจะต้องอยู่ด้วยกันสองคน ไม่ใช่มีคนอื่นมาอยู่ด้วยแบบนี้
ฉันไม่ได้มีปัญหาหรอกนะที่จัสมินมาด้วยแต่เขาก็น่าจะบอกฉันสักนิดนะว่าเธอจะมา เพราะการที่มีคนอื่นอยู่ด้วยมันก็ไม่ได้เรียกว่ามีแค่เราหรือเปล่า
ฉันไม่ชอบใจที่พี่คิณณ์ทำแบบนี้โดยไม่บอกให้ฉันรู้ก่อนว่ารุ่นน้องของฉันจะมาด้วย อีกอย่างฉันเคยบอกเขาไปแล้วว่าฉันไม่ชอบกินอาหารแบบนี้มันทำให้ฉันท้องเสีย แต่เขาก็ยังจะพาฉันมากิน
ไม่รู้ว่าเขาลืมแล้วหรือคิดที่จะแกล้งฉันกันแน่ ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคุณหนูกินอาหารพวกนี้ไม่ได้นะ ฉันเคยมากินแล้วและมันก็ทำให้ท้องเสียจนต้องเข้าโรงบาลเขาเองก็รู้เรื่องนี้ดีกว่าคนอื่นนะ
“เอาตำปูปลาร้า ไก่ย่างหนึ่งตัว ข้าวเหนียว ลาบเลือด ต้มแซ่บ มีใครเอาอะไรอีกป่ะ?”
พี่คิณณ์หันมาถามฉันและจัสมินที่นั่งเงียบกันอยู่ จะให้ฉันสั่งอะไรล่ะในเมื่อฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบกินอาหารแบบนี้
รู้แหละว่าเขาชอบกินแต่คือเข้าใจมั้ยว่าฉันกินไม่ได้ ถ้ากินแล้วฉันก็ต้องท้องเสียอีก ฉันไม่ได้พูดอะไรได้แต่นั่งเงียบ
“ขอขนมจีนเพิ่มด้วยค่ะ แล้วพี่ลิซเอาอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”
“ไม่อ่ะ พี่ไม่ชอบกินอะไรแบบนี้”
พี่คิณณ์หันไปสั่งอาหารก่อนที่พนักงานจะเดินออกไป เขาหันมามองหน้าฉันเหมือนไม่พอใจที่ฉันตั้งใจพูดเพื่อให้พนักงานของร้านได้ยิน
ฉันก็แค่พูดไปตามที่ตัวเองคิดเท่านั้น ฉันไม่ชอบกินจะบังคับให้ฉันกินได้ยังไง ปากบอกว่าใส่ใจเรื่องของฉันแล้วเรื่องที่กินไม่ได้เขายังไม่คิดจะจำเลย
เขาไม่คิดหรือไงว่าถ้าฉันกินแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ฉันไม่ได้มีปัญหาเรื่องการกินหรอกนะ
อีกอย่างฉันก็เป็นคนที่กินอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว แต่ที่ไม่กินเพราะอะไรเขาก็น่าจะรู้ดีนะ
“หนูบอกพี่คิณณ์แล้วใช่มั้ยคะว่าหนูไม่ชอบกินอาหารแบบนี้แต่พี่คิณณ์ยังจะพาหนูมา ทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
ฉันที่เห็นว่าพี่คิณณ์มองฉันอย่างตำหนิฉันก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาคิดอะไรของเขาอยู่ถึงได้พาฉันมาที่แบบนี้
ถ้าเขาอยากกินเขาก็ควรมากับคนที่ชอบกินเหมือนเขามั้ย ทั้งที่บอกกับฉันเองว่าวันนี้คือวันของฉันเขาก็ควรจะหาร้านที่ฉันสามารถกินได้สิ อาหารตามสั่งก็ได้ฉันกินได้หมดเลย
“ก่อนที่ลิซจะตกลงคบกับพี่ ลิซบอกไม่ใช่ไงว่าจะไม่ขัดหากว่าพี่ชอบอะไร”
พี่คิณณ์ก็สวนกลับมาเหมือนกัน มันก็ใช่ที่ฉันบอกอย่างนั้นว่าจะไม่ขัดและคัดค้านหากว่านั่นคือสิ่งที่เขาชอบ นี่ฉันก็ไม่ได้ขัดเขานะฉันแค่ไม่ชอบกินอาหารแบบนี้
ถ้าเขาพาฉันมาเขาก็น่าจะรู้ว่ายังไงแล้วฉันก็ไม่กิน ทุกครั้งเขาก็ไม่เคยมีปัญหาเลยไม่ใช่เหรอแล้วทำไมครั้งนี้ถึงโทษว่าเป็นความผิดของฉันล่ะ
เขารู้มาตลอดว่าฉันกินไม่ได้แต่ก็ยังเลือกมาร้านที่ฉันกินไม่ได้หมายความว่ายังไง ก็ไม่ได้อยากจะงี่เง่าหรอกนะแต่บางทีมันก็เกินไป
“พี่คิณณ์จะบอกว่ามันเป็นความผิดของหนูที่กินอาหารพวกนี้ไม่ได้ใช่มั้ยคะ?” ฉันทุบโต๊ะและต่อว่าคนตรงหน้าเสียงดังทำให้โต๊ะข้างๆ หันมามอง
ฉันพยายามใจเย็นแล้วนะแต่สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้มันเหมือนว่าฉันเป็นคนผิด ที่ผ่านมาฉันไม่เคยห้ามอะไรเขาเลยนะ พอรู้ว่าเขาชอบอะไรฉันก็ปล่อยให้เขาเลือกในสิ่งที่เขาชอบ ไม่เคยขัดเขาเลย
พี่คิณณ์ดึงมือฉันให้นั่งคุยกันดีๆ จะให้ฉันดีได้ยังไงก็เขากำลังโทษฉันอยู่ ใช่สิตอนนี้ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดแล้วนี่ ฉันมันก็แค่ของเก่าที่เขาใช้มาตั้งสองปีแล้ว
การที่เขาจะทิ้งของเก่าแล้วไปเอาของใหม่มันก็เป็นทางเลือกที่ผู้ชายทุกคนต้องการอยู่แล้ว เมื่อก่อนนะไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ถูกไปหมดซะทุกอย่างต่อให้มันจะผิดเขาก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของฉันเลย
“หนูเคยบอกพี่คิณณ์แล้วนะว่าอาหารพวกนี้มันทำให้หนูท้องเสีย และพี่คิณณ์ก็เป็นคนพูดเองว่าจะไม่พาหนูมากินอีก”
ใช่ เขาบอกฉันเองว่าจะไม่พาฉันมาอีกเพราะเขาเป็นห่วงฉันกลัวว่าฉันจะต้องเข้าไปนอนโรงบาลอีก
แล้วนี่อะไรกลับกลายเป็นว่าเป็นความผิดของฉันซะอย่างนั้น รู้สึกว่าวันนี้คงไม่ใช่วันของฉันแล้วล่ะเพราะถ้าเป็นวันของฉันจริงๆ มันก็คงไม่มีปัญหาพวกนี้หรอก
“แค่เรื่องอาหารลิซยังทำให้พี่ไม่ได้เลย”
พี่คิณณ์ลูบหน้าตัวเองเหมือนเขาเหลืออดกับฉันเต็มที ทำให้ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ เขาพูดมาได้ยังไงว่าฉันทำให้เขาไม่ได้ ที่ผ่านมาฉันเคยไปห้ามเขาไม่ให้กินเหรอ
ฉันบอกเขาตลอดนะว่าถ้าอยากกินอะไรกินได้เลยไม่ใช่บังคับให้ฉันกินกับเขาทั้งที่ก็รู้ว่าแฟนตัวเองกินไม่ได้แบบนี้
จัสมินพยายามห้ามให้เราทั้งคู่ใจเย็นและพูดคุยกันดีๆ แต่ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ ฉันกำมือแน่นและตัดสินใจที่จะลุกออกไปจากร้านอาหารเจ้าปัญหานี้
พี่คิณณ์วิ่งตามออกมาคว้ามือฉันเอาไว้ ถ้าฉันไม่ผิดฉันจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด และเรื่องนี้ฉันก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด
ถ้าเขาไม่รู้เรื่องที่ฉันกินไม่ได้ฉันจะไม่ว่าอะไรเลยนะ แต่นี่เขารู้ทั้งรู้ว่าฉันกินไม่ได้แต่เขาก็ยังพาฉันมาอีก
“ถามหน่อยเหอะลิซรักพี่บ้างป่ะ?”
ฉันมองหน้าคนตรงหน้าที่ถามคำถามนี้ออกมา มันควรเป็นฉันมั้ยที่ต้องถามเขาว่าเขารักฉันบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่ให้เขามาถามฉันแบบนี้ มันโคตรเจ็บเลยที่เขาทำเหมือนฉันเป็นคนผิด
“...”
“สองปีที่ผ่านมาเคยทำอะไรให้พี่สบายใจมั้ย เคยถามพี่ป่ะว่าชอบกินอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน ชอบดูหนังเรื่องอะไร เคยเอ่ยปากถามป่ะ?”
พี่คิณณ์ตะโกนใส่หน้าฉัน การกระทำของเขาเหมือนจะบอกว่าเขาจะไม่ทนกับฉันอีกต่อไปแล้ว ก็ทุกครั้งที่ฉันชวนเขาไปเที่ยวทะเลเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ
พอฉันบอกว่าจะดูหนังเรื่องโรแมนติกเขาก็ยอมไปนั่งดูกับฉันโดยที่ไม่บอกฉันเลยว่าเขาชอบดูเรื่องอะไร แล้วอย่างนี้ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน
ถ้าเขาบอกฉันว่าเขาอยากไปภูเขาฉันก็พร้อมจะไปกับเขา ถ้าเขาบอกว่าอยากดูหนังแอ็คชั่นฉันก็พร้อมจะให้เขาไปดู
แต่นี่เขาไม่พูดอะไรเลยไงแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร เรื่องอาหารเหมือนกันฉันรู้ว่าเขาชอบกิน
เขาจะมากินกับเพื่อนก็ได้ฉันไม่เคยว่าแต่วันนี้คือวันของฉันหรือเปล่าเขาควรใส่ใจฉันให้มากกว่านี้มั้ย
“ไม่เลย ลิซไม่เคยถามพี่สักคำถาม ลิซเอาแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ อาหารที่ตัวเองอยากกิน หนังที่ตัวชอบดู ที่ที่ตัวเองชอบไป แล้วพี่ล่ะพี่เลือกอะไรได้บ้าง?”
“...” พี่คิณณ์ต่อว่าฉันเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดมันคือความผิดของฉัน ฉันเป็นคนผิดคนเดียวที่งี่เง่ากับเขา
ที่ผ่านมาคือฉันงี่เง่าเหรอ ไอ้ที่ฉันยอมเงียบเรื่องถุงยางแล้วให้มันผ่านๆ ไปคือฉันงี่เง่า ไอ้เรื่องกลิ่นน้ำหอมของจัสมินที่ฉันอยากถามแต่ฉันก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
ไหนจะเรื่องแชทที่เขาคุยกับผู้หญิงคนอื่นดูเป็นห่วงเป็นใยกันคือฉันผิดหมดเลยใช่มั้ย
“ลิซสั่งให้เลี้ยวซ้ายพี่ก็ต้องเลี้ยวซ้าย สั่งให้เลี้ยวขวาก็ต้องเลี้ยวขวา พี่ไม่เคยคิดน้อยใจเพราะพี่คิดว่าลิซคือคนที่พี่รัก แค่เห็นว่าลิซชอบพี่ก็โอเค แต่สิ่งที่เป็นพี่มันหายไปไหนหมดตอนนี้มันไม่เหลือให้พี่เป็นตัวของตัวเองเลยว่ะ”
“...”
“พี่เริ่มเหนื่อยแล้วว่ะลิซ”
ฉันสะอื้นร้องไห้เมื่อได้ฟังความในใจของพี่คิณณ์ ตลอดเวลาฉันคิดมาตลอดว่าเขารักฉันถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความโรแมนติกเลยก็ตาม
แต่อย่างน้อยเขาก็ทำเพื่อฉันทุกอย่างมันก็เลยทำให้ฉันเชื่อใจเขาคิดว่าเขาคือคนที่ฉันจะสามารถฝากชีวิตไว้ด้วยได้
ทำไมล่ะ?
ทำไมสิ่งที่ฉันเคยทำมันกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ ฉันก็เป็นฉันในทุกๆ วันที่ผ่านมา ฉันเคยเอาแต่ใจยังไงฉันก็เอาแต่ใจอย่างนั้น
ตอนแรกเขาก็บอกว่าชอบที่ฉันเป็นฉัน ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องเลียนแบบใคร แล้วทำไมวันนี้ถึงมาบอกว่ารับไม่ได้ อยากจะถอยหลังให้ฉันแล้ว
ทุกอย่างที่เขาเคยบอกว่ามันดีแต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการ อีกอย่างเขาพูดมาได้ยังไงว่าฉันไม่รักเขา
ฉันยอมที่จะให้ครอบครัวตัวเองตัดหางปล่อยวัดเพื่อที่จะมาอยู่กับเขา และให้เขาพิสูจน์ให้ครอบครัวฉันเห็นว่าฉันเลือกคนไม่ผิด
ถ้าฉันไม่รักเขาฉันจะเลือกที่จะมาอยู่กับเขาแล้วทำให้พ่อแม่เสียใจมั้ยล่ะ มันโคตรเจ็บใจจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากของคนที่ฉันรัก
“ปล่อย”
ฉันก้มมองมือที่พี่คิณณ์จับมือฉันเอาไว้ ในเมื่อทนไม่ได้ไม่อยากอยู่แล้วงั้นก็ไปเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักฉันแล้วเหมือนกัน ก็ได้ ถ้าอยู่กับฉันแล้วมันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองก็ไปเหอะฉันก็ไม่อยากรั้งเขาให้อยู่แล้วล่ะ
เจ็บปวดมันก็แค่เจ็บครั้งเดียวเดี๋ยวมันก็หาย ฉันไม่เคยเห็นใครตายเพราะโดนผู้ชายทิ้ง
ถ้าสิ่งที่ฉันเคยทำประจำแล้วมันทำให้เขาไม่ชอบงั้นเราก็คงไม่ได้เกิดมาคู่กันแล้วล่ะ ถ้าอยู่กันไปก็มีแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ
งั้นก็ควรที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปเจอคนที่เขาคิดว่าไม่งี่เง่าและเข้าใจเขาในทุกๆ เรื่อง รับกับสิ่งที่เขาเป็นได้แล้วกัน
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไรหรอกนะ แต่ถ้าฉันได้มอบความรักให้ใครแล้วฉันก็พร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างเขา
ไม่ว่าเขาจะลำบากหรือสุขสบายฉันก็จะไม่ทิ้งเขา เหมือนเมื่อสองปีก่อนไงฉันไม่แคร์สายตาคนอื่นจะมองฉันเป็นยังไงเวลาที่จับมือเดินกับเขา
ฉันไม่เคยอายใครเลยนะฉันดีใจที่ได้อยู่กับคนที่ฉันรัก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่าสิ่งที่พ่อแม่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง ฉันน่าจะเชื่อพ่อกับแม่ตั้งนานแล้ว
“พี่คิณณ์พี่ลิซคะหนูว่ากลับไปคุยกันที่ห้องดีกว่านะคะ ตอนนี้อากาศมันร้อนอาจจะทำให้ต่างคนต่างใจร้อน”
จัสมินเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็เข้ามาช่วยพูดให้ แต่ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก ฉันจะไม่กลับไปกับคนที่ไม่ต้องการฉันแล้ว ชีวิตฉันไม่เคยแพ้และฉันจะต้องไม่แพ้ด้วยเรื่องแบบนี้
เขาบอกว่าฉันทำให้เขาเป็นแบบนี้งั้นก็เชิญให้เขาไปหาผู้หญิงที่เข้าใจเขาแล้วกัน ถามว่าเจ็บมั้ยที่ให้เรื่องมันจบแบบนี้บอกเลยว่าเจ็บมากและไม่คิดด้วยซ้ำว่าเรื่องของเราจะจบแบบนี้
“บอกใช่ป่ะว่าเหนื่อย?”
ฉันดึงมือตัวเองออกจากมือของพี่คิณณ์ เขามองหน้าฉันไม่ละสายตาไปไหนแววตาของเขาที่มองฉันนั้นเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของฉัน
มันเสียใจก็ตรงนี้แหละ ทุกอย่างที่เขาชอบในตัวฉันมาตลอดตอนนี้เขากลับไม่ต้องการมันแล้ว สิ่งที่ฉันทำเป็นประจำมันกลับเป็นสิ่งที่เขามองว่ามันผิดไปหมด
“...”
“งั้นก็ช่วยกลับไปถามตัวเองด้วยนะว่าไอ้งานต่างๆ ที่พี่ทำหนูเคยไปห้ามหรือเปล่า หนึ่งวันเราแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำแล้วหนูเคยเรียกร้องอะไรจากพี่มั้ย ทุกครั้งที่หนูต้องการพี่พี่ไม่เคยอยู่กับหนูเพราะพี่เลือกงานของพี่มากกว่าหนูแล้วหนูเคยโวยวายใส่พี่หรือเปล่า”
“...”
“กลับไปคิดดูนะคะว่าสิ่งที่หนูเคยทำมาตลอดสองปี สิ่งที่พี่เคยพูดกับหนูว่ารับทุกอย่างที่เป็นหนูแล้วทำไมวันนี้มันถึงกลายมาเป็นความผิดที่พี่ไม่ต้องการมันแล้ว” ฉันปาดน้ำตาตัวเองทิ้งแล้ววิ่งหนีไปจากที่ตรงนั้นทันที
ฉันวิ่งขึ้นรถแท็กซี่และบอกให้เขารีบออกรถไปเพราะไม่อยากให้พี่คิณณ์ตามมา คำพูดของเขาไม่เคยนึกถึงจิตใจฉันเลยเขาคิดแต่ว่าฉันเห็นแก่ตัว เอาแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันคงไม่ทนอยู่นานขนาดนี้หรอก
ฉันพยายามทำใจให้กว้างแล้วเฝ้าบอกกับตัวเองว่าที่เขาไม่มีเวลาให้ฉันเพราะเขากำลังทำเพื่อฉัน และที่เขาเหนื่อยจนเผลอใส่อารมณ์กับฉันมันเป็นเพราะว่าเขาทำงานหนัก นี่น่ะเหรอที่บอกว่าฉันเห็นแก่ตัวอ่ะ
วันที่ฝนตกไฟในห้องดับฟ้าร้องเสียงดังฉันกลัวมากแค่ไหนฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเมื่อโทรหาเขาแล้วเขาเลือกที่จะไม่มาเพราะงานยังไม่เสร็จ ฉันน้อยใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะเข้าใจว่ามันเป็นงานที่เขารัก
ฉันไม่เคยขอให้เขาเลือกฉันเลย วันที่ฉันไม่อยากอยู่คนเดียววันที่ฉันไม่สบายให้พูดตรงๆ เลยมั้ยว่าเขาไม่เคยอยู่กับฉันเลย ฉันเคยไปต่อว่าโวยวายใส่เขาหรือเปล่า ฉันเคยทำตัวไม่น่ารักกับเขาขนาดนั้นมั้ย
ทำไมเขาถึงพูดเหมือนฉันโคตรไม่ดีเลยล่ะ