“กงกง”ลี่หยางยืนอยู่ในตำหนักของฮ่องเต้ ข้างหน้าฝานกงกง
“องค์ชาย มีเรื่องใดให้ฝานกงกง รับใช้” ประสานมือคารวะอ่อนน้อม
“ข้า (อายจนหน้าแดง) ....ต้องการตำรากามสูตร..”ฝานกงกงอมยิ้ม เอ็นดูบุรุษหนุ่มตรงหน้าไม่น้อยก็ในเมื่อไม่มีโอกาสได้เที่ยวเตร่พบปะใคร วันๆ ต้องรับใช้ฮ่องเต้ทำงานเยี่ยงขันที
“เช่นไร ที่ผ่านมาไม่ดีพอ พระชายาตำหนิองค์ชายมาหรือไร”เผลอยิ้มด้วยความอายเมื่อแย้มยิ้มใบหน้ากลับสว่างสดใส หล่อเหลากว่าบรรดาองค์ชายทั้งหลายด้วยพระมารดา ใบหน้างดงามราวกับเทพีสวรรค์จึงส่งต่อมายังลี่หยางได้ไม่ยากนัก
“ข้ากับนาง..ข้ากับนางเรา..เรา”ฝานกงกงโบกมือห้าม
"ตำรากามสูตรอยู่ที่ห้องหนังสือข้างในสุดขอให้ทรงพระสำราญ”ฝานกงกง เดินถอยออกมาอดยิ้มไม่ได้
ลี่หยางรีบสาวเท้ายังห้องหนังสือ ชั้นในสุดรีบค้นหาตำราที่ต้องการ ตำรากามสูตรเล่มหนาถูกวางไว้บนชั้นเด่นสะดุดตา
“ฮะแฮ่ม”ลี่หยางถือตำราอยู่ในมือตกใจจนทำตำราร่วงลงพื้น คนมาใหม่ก้มหยิบมาเปิดดูสีหน้ายิ้มแย้ม ในบรรดาพี่น้องเจ้าสิบสองนับว่าไม่เคยรังแกเขาเลยเพราะเป็นองค์ชายจากสนมสามัญชนจึงมักเป็นฝ่ายถูกรังแก แต่เขาก็สามารถเอาตัวรอดด้วยความหลักแหลมของเขาเอง
“โอ้ น้องสิบสองชักอยากจะเห็นหน้าชายาของพี่ห้าเสียแล้ว ว่านางจะหน้าตาเป็นอย่างไรถึงทำให้พี่ห้าผู้เย็นชายิ่งกว่าธารหิมะบนเขา ยอมเข้ามาในห้องหนังสือเลือกหยิบตำรากามสูตรไปอ่านได้”ดึงตำรามาถือไว้ในมือกำลังจะก้าวขาออกไป
“ให้น้องสิบสองคนนี้ช่วยไม่ดีกว่าหรือ”ลี่หยางหันขวับ บางอย่างต้องหาผู้เชี่ยวชาญ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยพูดจากับเจ้าสิบสอง
“พี่ห้าวางใจรับรองนางต้อง.. ร้องขอชีวิต555”ลี่หยางตาโต
...ตำหนักฮองเฮา…
“อีกไม่กี่วัน จะถึงวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ปีนี้จัดงานยิ่งใหญ่ด้วยบ้านเมืองสงบสุขไร้ภัยรุกรานและเก็บภาษีเข้าคลังได้มากมายเกินขีดจำกัดจึงตั้งใจจัดงานให้ยิ่งใหญ่เพื่อความสนุกสนานรื่นเริงไปทั่วแคว้น”ฮองเฮาเรียกบรรดาสะใภ้น้อยใหญ่เข้าหารือ ขาดแต่สะใภ้ห้าหว่านหนิงที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดใด
“เสด็จแม่ ไท่จือบอกกับหม่อมฉันว่าให้เสนอกับเสด็จแม่อยากให้มีการแสดงจากเผ่าต่างๆ ”ไท่จือเฟยเจ้าเฟยเหยียนเสนอความเห็น
“ไท่จือเฟยกล่าวมาแม่เห็นด้วย ฝ่าบาทชอบชีวิตกลางทุ่งหญ้าป่าเขาหากมีการแสดงเกี่ยวกับเผ่าต่างๆ ฝ่าบาทคงชื่นชอบไม่น้อย”เป็นอันว่าการจัดงานวันคล้ายวันพระราชสมภพ ถูกกำหนดขึ้นแล้ว
กุ้ยอิงกับอิงไถรีบมาเล่าเรื่องงานที่กำลังจะเกิดขึ้นให้หว่านหนิงฟัง
“เจ้าสองคนคิดว่า ตำหนักร้อยดาว น่าสงสารเช่นนั้นหรือที่ไม่มีส่วนกับงานสำคัญเช่นนี้"นั่งร่างจดหมายยื่นให้อิงไถ
“ต้องลำบากเจ้าแล้ว ส่งยังตระกูลจงของข้าให้ถึงมือท่านแม่ของข้าโดยเร็ว”อิงไถทำสีหน้างงงัน แต่ก็เชื่อมั่นในพระชายาไม่น้อยทุกอย่างที่ทำล้วนมีเหตุผล ไม่ต้องถามให้มากความและทำออกมาน่าชื่นชมเสมอรีบออกนอกวังเพื่อส่งจดหมาย
ลี่หยางกลับมาแล้ว เขาเดินหลบเข้าไปข้างในห้องไม่แม้แต่จะสบตาหว่านหนิง แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าสิบสองบอกกล่าวทำเอาเมื่อเห็นหน้าหว่านหนิงแล้วจิตใจกลับฮึกเหิมจนน่ากลัว เกรงว่าจะระงับยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ จึงตัดใจเดินหลบนางมาเสีย แต่หว่างหนิงกลับมายืนอยู่ข้างหลังเอื้อมมือถอดเสื้อคลุมตัวนอกให้ จับเสื้อคลุมไว้แต่ดันไปจับเอามือบาง จะปล่อยก็ไม่ปล่อยจับมือหว่านหนิงอยู่อย่างนั้น
“ท่านห้า งานวันคล้ายวันพระราชสมภพท่านต้องการทำอะไรให้ฝ่าบาทเป็นพิเศษไหม”ขมวดคิ้วเพียงนิดแต่สีหน้าไม่เปลี่ยน
“ข้าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ร่วมงานมงคลนั้น ในทุกปี”น้ำเสียงโศกสลดพยายามคลุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เหมือนที่เคยทำ
“ทำไม”
“คน เช่นข้าไม่เหมาะกับงานมงคล”หว่านหนิงไม่ถามต่อดึงมือออกพร้อมเสื้อคลุมนำไปแขวนไว้ข้างฝา สีหม่นหมองของเสื้อคลุมทำเอาหว่านหนิงคิดบางอย่างได้พรุ่งนี้เห็นจะต้องไปที่ตลาดซื้อผ้าสีสดสักพับสองพับ มาตัดเย็บเสื้อให้ลี่หยางใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่เหมาะกับสีหม่นหมองที่สวมใส่อยู่
“หากหว่านหนิงต้องการทำสิ่งใดให้ฝ่าบาท ในวันมงคลนั้นบ้างโดยให้รู้ว่ามาจากตำหนักร้อยดาวท่านห้าท่านจะว่าอย่างไร”
“ตำหนักร้อยดาวเป็นของเจ้าแล้ว แต่เจ้าแต่จงจำไว้เถิดว่าข้าไม่เคยได้รับอนุญาตให้อวยพรหรือไปร่วมงานน"หว่านหนิงยิ้มแม้จะเป็นยิ้มที่แห้งแล้งก็ตาม
ลี่หยางจำติดตาเมื่อวันคล้ายวันพระราชสมภพเมื่อหลายปีก่อน เสียงหัวเราะและคำติฉินว่าเขาเป็นตัวซวยไม่เหมาะที่จะอวยพรให้ฝ่าบาท อาจทำให้ปีที่แสนดีปีนั้นของฝ่าบาทต้องพบกลับหายนะ
"ใครกันให้เขาเข้ามา"ฮองเฮาเสียงดังลั่นเมื่อทุกคนกำลังสนุกสนานองค์ชายห้าแม้ลำดับจะเป็นมงคล แต่ด้วยตอนถือกำเนิดก็เกิดเหตุไฟไหม้จนมารดาของเขาตายในกองไฟ ฮองเฮารับเขามาเลี้ยงร่วมกับองค์ชายสาม เมื่ออายุสี่ขวบจมน้ำองค์ชายสามลงไปช่วยเขาแต่ตัวเองกับถูกไอเย็นเข้าแทรกจนตายไปอีกคน ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงต้องโดดเดี่ยวใช้ชีวิตลำพังในตำหนักร้อยดาว
นั่งขดตัวนิ่งในแท่นนอน หว่านหนิงยกถาดใส่ขนมหวานทำจากข้าวโพดสีเหลืองอร่ามมาวางตรงหน้า
"ข้าวโพดมักทำให้จิตใจรื่นเริง"ยื่นก้อนขนมตรงหน้า ลุกขึ้นคว้าข้อมือหว่านหนิงผลักออกไปนอกห้อง
"เจ้าไปเสีย"น้ำเสียงเย็นชาแล้วหันหลังเดินหนี หากนางต้องตายไปอีกคนเล่าเขาจะเหลือใคร
หว่านหนิงวิ่งเข้ากอดจากด้านหลัง
ความเจ็บปวดในน้ำเสียงถ่ายทอดมาสู่หว่านหนิงได้ดี หว่านหนิงเข้าใจดีว่าการถูกคมมีดทิ่มแทงยังไม่เท่ากับการถูกโดดเดี่ยวจากคนในครอบครัว
"หากไปหว่านหนิงไปเสียแล้ว ใครจะทำเครื่องเสวยให้องค์ชาย ข้าคงต้องถูกนินทาว่าแต่งเข้ามายังไม่ทันร่วมหอก็ถูกสามีหย่าขาดคนหลายคนคงสงสัยว่าข้ามีสิ่งใดบกพร่องสามีถึงหย่าขาดทั้งๆ ที่เพิ่งจะแต่งเข้ามา"ลี่หยางก้มหน้าหนิ่งบางอย่างพาให้เขาดำดิ่งลงสู่ ก้นเหวลึก
“องค์ชายมิได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว หว่านหนิงเองเป็นเพราะบัญชาฝ่าบาทจึงได้แต่งเข้าตำหนักร้อยดาว แต่หากจะให้ไปขอให้้หว่านหนิงเต็มใจไปจะได้ไหม”ลี่หยางหันหน้ากลับมา
“หยุดพูดได้แล้ว หยุดหาเหตุผลมาหลอกล่อข้าได้แล้ว”ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากกับปากบางอย่างอ่อนโยน หว่านหนิงอมยิ้ม สิ่งที่พยายามจะสัมฤทธิ์ผลในไม่ช้า