หว่านหนิงดันอกกว้างพาตัวเองออกมาจากอ้อมกอด
ลี่กวงเดินเข้ามาข้างในอย่างถือวิสาสะทันได้เห็นหว่านหนิงในอ้อมกอดของลี่หยางพอดี
“พี่ห้าหมั่นเติมความรักเช่นนี้ด้วยหรือ”ลี่หยางหน้าแดงด้วยความโกรธหาใช่ความอาย
“ถวายพระพรไท่จือ" หว่านหนิงประสานมือคารวะ ลี่หยางหันมองหน้าหวานหนิงเหมือนจะบอกว่ารู้ได้อย่างไรว่าลี่กวงคือองค์รัชทายาท
“ป่วยหรือ ข้าเห็นขันทีตำหนักร้อยดาวหอบยามา”สายตาเย้ยหยัน เหมือนจะบอกว่าอย่ารีบหาย รีบๆ ตายไปเสียกระนั้น
“องค์ชาย ตัวร้อนจับไข้หว่านหนิงเลยข่วยป้อนยา องค์ชายเป็นคนไม่ชอบรสขมหว่านหนิงจึงจำเป็นต้องใช้ปากป้อนตามประสาสามีภรรยา”ลี่หยางไม่เข้าใจว่าทำไมหว่านหนิงต้องอธิบายวิธี ป้อนยาแบบนั้นให้ลี่กวงฟังด้วย หว่านหนิงตั้งใจบอกให้ลี่กวงรู้ว่าลี่หยางเป็นที่รัก
แววตาลุกโชนด้วยความอิจฉา
“ข้าคงต้องยืมวิธีนี้ไปป้อนยากับ ไท่จือเฟยบ้างเห็นจะดีไม่น้อย”หว่านหนิงยิ้ม
“หากคนผู้นั้นไม่ดื้อดึงก็คงไม่ต้องใช้วิธีนี้องค์ชายห้าหากเชื่อฟังหว่านหนิงสักนิดก็คง จะไม่ต้องให้ป้อนกัน”ยิ้มเอียงอาย ไท่จือคิดว่ารอยยิ้มช่างน่ามองไม่น้อยแต้ลี่หยางกลับคิดว่านางจงใจยิ้มให้ลี่กวงหรือไร
"ไท่จือท่านมีธุระอันใด"
"ข้าเพียงแค่ มาให้เขาคัดหนังสือให้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเหยียบตำหนักร้อยดาววันนี้นับว่าข้าให้เกียรติไม่น้อยเสียงร่ำลือว่าตำหนักร้อยดาวตั้งแต่มีพระชายามาดูแลความเรียบร้อย มองไปทางไหนก็สบายหูสบายตา เห็นจะจริงอย่างคำร่ำลือ"แววตาชื่นชมแต่ลี่หยางกลับรู้สึกว่าแววตาชื่นชมนั้นมอบให้หว่านหนิงคนเดียว
"ไท่จือวางของของท่าน แล้วกลับไปเสีย"ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์เช่นเดิม
"ลี่หยาง หลายปีมานี่ไม่เคยได้ยินเสียงพูดวันนี้ช่างหาญกล้า"
"งานคัดหนังสือหว่านหนิงรับอาสาองค์ชายป่วยไข้เกรงว่าจะเสร็จไม่ทันเวลาแบมือรับเอาของ ไท่จือวางหนังสือในมือหว่านหนิงแต่จับรวบมือของหว่านหนิงไว้เหมือนกับบังเอิญ ปล่อยมืออกช้าๆ ยกมือขึ้นมาดอมดม
"เสียดาย...ข้าพบเจ้าช้าไป"กระซิบเบาๆ ได้ยินกันเพียงสองคน หว่านหนิงยิ้มมุมปาก
"คงต้องรอถึงชาติหน้า"หว่านหนิงยิ้มหวานหยดย้อย ลี่หยางยิ้มกับประโยคสุดท้ายเมื่อได้ยินประโยคนั้นชัดเจน
ไท่จือกลับไปแล้ว ลี่หยางนอนมองหว่านหนิงคัดหนังสืออย่างคล่องแคล่ว
นางนับว่ามีดีไปเสียทุกอย่าง ข้าวปลาอาหารรสชาติถูกปากอีกทั้งจัดการเรื่องราวในตำหนักได้หมดจดคล่องแคล่วเขานึกไม่ออกว่าหากไม่ใช่นางจะเป็นใครที่ทำได้ดีกว่านี้
รสชาติของยาแสนขมนั้นนางยังมีวิธีจัดการจนเขาอยากจะลิ้มรสมันอีกครั้ง นางเป็นนางสวรรค์จุติมาหรือไร
เฝ้าครุ่นคิดถึงใบหน้ายิ้มย่องของลี่กวงอยากจะซัดฝ่ามือลงบนใบหน้านั้นให้หุบยิ้มลงโดยเร็ว แต่ไหนแต่ไรเจ้าแปดไท่จือมักจะหาเรื่องเสมอวิธีตอบโต้ที่ดีที่สุดคืออาการนิ่งเฉย
"ท่านห้า ท่านง่วงก็นอนเสียก่อน"อาการฮึกเหิมส่งให้อารมณ์ถึงคราวระเบิด หารู้ไม่ว่ากำลังรู้สึกหึงหวง
"เจ้าต้องการหรือไม่วันนี้ข้าคิดว่าข้ากล้าพอ"อยู่ๆ ก็ถามเรื่องน่าอายอย่างนั้นขึ้นมา
"ต้องการอะไร"แกล้งโง่แต่รู้แก่ใจดี
"ต้องการ ให้แท่นนอนของเรา มีรอยโลหิตอย่างไรเล่า"เหมือนจะยืนยันความคิดของหว่านหนิงที่คิดว่าเคยแต่รู้มาจากตำราหาเคยปฏิบัติไม่
"ยังไม่ต้องการ"อมยิ้มหน้าแดงไม่กล้าสบตา
"อย่างนั้นข้าก็ รอลิ้มรสยาที่เจ้าป้อนให้….เหมือนเคย"ใบหน้าซีดขาวแดงระเรื่อด้วยความอายกล้าแค่ไหนแล้วที่พูดเช่นนี้ออกมา
หว่านหนิงวางพู่กันเดินมาใกล้หยิบถ้วยยามาถือไว้ กระดกเข้าปากบรรจงป้อนยาอย่างดูดดื่ม ลี่หยางกอดร่างบางแน่นพลิกตัวหว่านหนิงลงด้านล่าง
"ข้าต้องอาศัยความกล้าเพียงใด"กดปากลงบนปากบาง แม้จะเงอะงะขวยเขินไปบ้างแต่ก็นับว่าดีไม่น้อย
บทจูบกล้าๆ กลัวๆ บนแท่นนอนอุ่นสบาย หว่านหนิงจูบตอบพัลวัน เมื่ออีกคนเหมือนจะไม่มีประสบการณ์มาก่อนต่างคนต่างไม่เคย รสจูบนับว่าหวานซาบซ่านไม่น้อยการไปต่อ ยากยิ่งกว่าการ พอแค่นั้น ลี่หยางกล้วเหลือเกินว่านางจะไม่ประทับใจในตัวเขา กลัวเหลือเกินว่านางจะขอหย่าในวันรุ่งขึ้น บางอย่างในกายหดหายไปต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครเรื่องนี้ ทิ้งตัวนอนหันหลังให้หว่านหนิงเหมือนเคย
หว่านหนิงจูบที่ปาก อุ่นเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกคนหลับตานิ่งเหมือนคนนอนหลับแต่ความจริงภายในใจกลับร้อนรุ่มจนน่าสงสาร พรุ่งนี้เขาจะต้องหาตัวช่วยให้ได้จะไม่ปล่อยให้นางนอนหลับไปเพียงลำพังเช่นนี้
ฟ้าสาง หว่านหนิงขยับตัวจากแท่นอน อีกคนหันหลังให้ทันทีเมื่อคืน รู้สึกถึงการโอบกอดอ้อมกอดอบอุ่น แต่เช้านี้กลับกลัวว่าหว่านหนิงจะรู้ว่าเมื่อคืนเขากอดหว่านหนิงไว้ทั้งคืน
ยิ้มบางๆ เขาหรือหว่านหนิงกันแน่ที่เป็นสะใภ้แต่งเข้ามาในตำหนักร้อยดาว