4

1269 Words
ก่อนหน้าที่จะเกิดหายนะใหญ่หลวงเช่นนี้กับหยวนรุ่ยเฟิง ชีวิตนางถูกถีบลงเหวลึกราวกับจะไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้อีก นางต้องเดินทางจากจวนเจ้ากรมโยธา ไปอยู่บ้านสวนเกือบห้าปี อนึ่งเพราะนางกระทำผิดต่อแม่เลี้ยง รวมถึงตบตีน้องสาว(หยวนอีอี) ซึ่งเป็นลูกของอีกฝ่าย บิดาจึงดัดนิสัยหยวนรุ่ยฟงตั้งแต่วัยเยาว์ ฝ่ายท่านย่าที่รักและเลี้ยงนางมา ด้วยเห็นว่ามารดาจากไปตั้งแต่แบเบาะ จึงมาอยู่ที่บ้านสวนด้วย เพราะต้องการขัดเกลานิสัย ทั้งเป็นเกราะคุ้มภัยไม่ให้นางถูกสวีตันทำร้าย เพราะฝ่ายนั้นเรียกว่าผูกใจเจ็บ ทั้งคิดกำจัดหยวนรุ่ยฟงทิ้งหลายครั้งหลายครา เนื่องจากเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขศัตรูหัวใจตนที่ยังหลงเหลืออยู่ ทว่าไม่กี่ปีหลังจากท่านย่ามาอยู่กับนาง อีกฝ่ายกลับล้มป่วย เจ็บออดๆ แอดๆ กระทั่งหญิงชราตัดสินใจไปใช้ชีวิตในช่วงวาระสุดท้ายที่สำนักนางชี นั่นจึงเป็นเหตุให้หยวนรุ่ยฟง ได้มีโอกาสกลับสกุลหยวน แต่การเดินทางครั้งนี้ เหมือนว่านางต้องพบกับเรื่องที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณหนูสี่ไปตลอดกาล ซึ่งเพราะนางคิดอย่างตื้นเขินว่าจะรอดพ้นจากการตามล่าของพวกที่ต้องการสังหารนาง เนื่องจากหยวนรุ่ยฟงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขใต้เท้ากรมโยธาที่ถูกข้อหากบฏ ทั้งที่เขาไร้ความผิดหากต้องเป็นแพะรับบาป อีกทั้งการเป็นหัวอ่อน เห็นแต่เงิน อำนาจจอมปลอม ย่อมถูกผู้อื่นหักหลังโดยง่ายก่อนเข้าจวน หยวนรุ่ยฟงได้รู้ว่า ภายในนั้นมีแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ และกำลังจะถูกเผาไฟจากฝีมือคนร้าย แม่นมคนสนิทให้นางปลอมตัวเป็นสาวใช้ที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ แล้วมีคำสั่งขายนางออกไปอย่างเร่งด่วน ส่วนสาวใช้คนดังกล่าว อนิจจาฝ่ายนั้นสติปัญญาทึบอยู่สักหน่อย จึงถูกจับแต่งตัวและแสดงตนว่าเป็นหยวนรุ่ยฟง และนั่งรถม้าไปกับแม่นม เมื่อหยวนรุ่นฟงมองเหมาชู สาวใช้วัยสิบห้าปี ที่เป็นสาวเต็มตัว มองแล้วนางก็ถอนหายใจอย่างอดสงสารไม่ได้ ชะตากรรมต่อจากนี้ของอีกฝ่ายจะเป็นเยี่ยงไรหนอ “บ่าวไม่อาจรับใช้ท่านได้อีก ยามนี้การหนีเอาตัวรอดย่อมสำคัญที่สุด เสี่ยวชู มีความคล้ายคุณหนูหลายส่วน เมื่อเขียนสีหน้าสีตาให้งดงาม สวมเสื้อผ้าคุณหนู เบื้องต้นก็ยากนักจะแยกแยะได้ อีกทั้งคุณหนูไปอยู่บ้านส่วนนับสิบปี เหตุนี้น้อยคนนักจะพบเห็นใบหน้าที่แท้จริง” “หากทำเช่นนี้ แม่นมจาง และเสี่ยวชูจะเป็นเช่นไร” หยวนรุ่ยฟงถาม หัวใจนางหดเกร็ง สีหน้าซีดสลดแลดูไร้สีเลือด นั่นเป็นเพราะ เมื่อรู้ว่าจวนทั้งหลังที่คนอาศัยอยู่ร้อยกว่าชีวิตถูกฆ่าปิดปาก ยิ่งกว่านั้น รูปภาพบิดาถูกติดไว้ตามจุดสำคัญของเมือง พร้อมข้อความเขียนว่าเขาเป็นกฎบ คิดโค่นล้มบัลลังก์และค้าขายอาวุธกับต่างแคว้น และที่น่าโศกเศร้า ทั้งสร้างความคับแค้นใจต่อคนเป็นสายเลือดของอีกฝ่าย ศีรษะเขาถูกเสียบประจานอยู่ที่ลานกลางเมือง ส่วนร่างถูกจับหั่นแยกชิ้นส่วน แล้วโยนให้อีกาจิกกิน หญิงสาวไม่ได้เห็นภาพทั้งหมดด้วยตนเอง แต่จากคำบอกเล่าของบ่าวรับใช้ ที่สืบข่าวมาให้ได้บอกนางเช่นนั้น ซึ่งเพียงแค่ได้ยิน นางก็เข่าอ่อนทรุดลงพื้น “หนีเจ้าคะ และคุณหนูต้องมีชีวิตรอด แต่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ห้ามกลับไปที่สกุลเดิม หรือพบกับฮูหยินหม้ายเป็นอันขาด (ท่านย่า) บ่าวเชื่อว่า คนที่หวังร้ายต่อคุณหนู ย่อมต้องคิดตัดรากถอนโคน กว่าจะเดินทางไปถึง พวกมันคงจับตัวคุณหนูได้เสียก่อน” “เยี่ยงนั้น ข้าสมควรมอบตัวกับทางการ มีโทษอย่างไรก็คงไม่ถึงตาย” จางเจียผู้เป็นแม่นม ส่ายหน้าช้าๆ และรั้งร่างของหญิงสาวมากอด แล้วบอกว่า “แม้ไม่ได้รับโทษสถานหนัก แต่คุณหนูจะถูกเนรเทศจากเมืองหลวง ไปใช้ชีวิตในเหมือง ไม่ก็อยู่ที่เกาะห่างไกล ทว่าระหว่างการเดินทาง อาจมีผู้ร้ายดักชิงตัว หรือไม่ก็พวกทหารเลวที่คิดมิดี และข่มเหงเอาได้ ทางเดียวตอนนี้คือหนีไปจากที่นี่ ปกปิดชื่อแซ่เถิดเจ้าคะ บ่าวจะรีบส่งข่าวให้ พี่ชายมารับคุณหนู และจงซ่อนตัวสักพัก เมื่อเรื่องสงบ คุณหนูค่อยติดต่อสกุลเดิมของตน” “ข้ายังจะหวังพึ่งท่านตาและท่านยาย...ได้อีกหรือ” แม่นมจางสูดลมหายใจลึก นางเป็นสินเดิมของโอวเหม่ยฉี (มารดาหยวนรุ่ยฟง) มีหรือจะไม่ล่วงรู้ว่า สกุลโอว ซึ่งอดีตเป็นเสาหลักแห่งแคว้น รักษาหน้าตาเองเพียงใด แม้ปากบอกว่าตัดขาดจากลูกสาวคนเดียว ซึ่งชิงแต่งงานกับใต้เท้าหยวน แทนที่จะเป็นเลือกเป็นชายาขององค์ชายต่างสกุลที่พวกท่านหาไว้ให้ เพื่อไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือผู้ใดในภายภาคหน้า แต่โอวเหม่ยฉีกลับกระโจนเข้าหาใต้เท้าหยวน สุดท้ายหลังจากคลอดหยวนรุ่ยฟง นางก็เริ่มป่วยและตรอมใจ เมื่อรู้ว่าหยวนหมงจิ้น ไม่เคยมีใจให้นางตั้งแต่แรก ทั้งหมดคือการแต่งานเพื่อวางแผนทางการเมือง ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ที่จะมอบให้นาง เขาได้แต่รั้งรอ ด้วยหยวนหมงจิ้น มีภรรยาที่แต่งงานกันมาตั้งแต่ฝ่ายนั้นเป็นสะใภ้น้อยในบ้าน (*เด็กหญิงที่สกุลหยวนเลี้ยงไว้ใช้งาน และภายหลังได้ยกขึ้นเป็นอนุของหยวนหมงจิ้น ก่อนจะกลายเป็นฮูหยินของเขา หลังจากโอวเหม่ยฉีสิ้นชีวิต) “สกุลโอว เป็นสกุลที่ปกป้องบ้านเมืองมานาน และเชื่อบ่าวเถิดเจ้าคะ หากแม่ทัพโอว ทราบข่าวว่าคุณหนูมีภัยร้าย ไม่นานเขาย่อมส่งคนมาช่วยเหลือ ยามนี้จึงต้องหนีไปซ่อนตัว อยู่ให้เงียบที่สุด” หยวนรุ่ยฟงไม่คิดว่าตนเป็นคนสกุลโอวด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถูกบิดากีดกันให้ห่าง เคยพบพวกเขาบ้าง แต่ก็นับครั้งได้ และจะมีก็แต่แม่นมจางที่คอยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แต่เป็นหยวนรุ่ยฟงที่ไม่ยอมใส่ใจ “เอาล่ะ... ข้าจะรักษาตนให้ดี ส่วนแม่นมจางและเสี่ยวชู จงมีชีวิตรอด ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องได้พบหน้าพวกเจ้าอีก” และโชคไม่เคยเข้าข้างหยวนรุ่ยฟงสักนิด ชีวิตของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือ ในขณะที่นางซ่อนตัวอยู่ แต่คนที่จางเจียไหว้วาน กับหักหลังขโมยเงินทองไป ทิ้งให้นางตกอกยาก เมื่อท้องหิวจัดนางจึงออกจากที่ซ่อน กระทั่งได้พบมือปราบผู้หนึ่ง ฝ่ายนั้นระแคะระคายบางอย่าง เนื่องจากกำลังสืบเรื่องราวผู้ที่รอดพ้นจากการสังหารยกครัว “แจ้งชื่อแซ่ของเจ้ามา มิเช่นนั้น หากกระบี่ข้าออกจากฝักเมื่อใด วิญญาณเจ้าก็จะหลุดหายจากร่างในยามนั้น” ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือไป๋เฉินฉี มือปราบขั้นห้า หน่วยองครักษ์เสื้อแพร ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของไทเฮา!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD