พ่ออยากให้ลูกยอมรับความจริง

1293 Words
บทที่ 11 พ่ออยากให้ลูกยอมรับความจริง “พ่อบอกให้ลูกยอมรับความจริง ทำไมลูกถึงยังรั้นกับพ่อล่ะลูก” “ก็สิ่งที่พ่อพูดมันหดหู่และไร้เหตุผลนี่จ๊ะ” “ลูกต้องคิดด้วยสิ พ่อเป็นตั้งกี่โรค แต่ละโรคล้วนอยู่ในระยะที่ย่ำแย่ทั้งนั้น รักษาโรคหนึ่งอีกโรคหนึ่งก็ยังอยู่ มันจะลามไปเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้นหรอกลูก เพราะฉะนั้นอย่าให้พ่อฝืนทั้งที่พ่อรู้สภาพของตัวเองเลยนะ” “พ่อจะให้หนูยอมรับได้อย่างไร จะให้หนูรอดูวันตายของพ่อหนูทำไม่ได้หรอก” เธอสะอื้นไห้ต่อว่าบิดา สุภัคกรีดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้างดงามที่สุดในหัวใจของเขา คลี่ยิ้มละมุนอย่างอ่อนโยนมอบให้ “คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย หนูโชคดีแค่ไหนแล้วที่รู้ความตายของพ่อล่วงหน้า ดีกว่าพ่อตายจากหนูไปกะทันหันเป็นไหน ๆ ดังนั้นหนูจงยอมรับความจริงซะ จงทำให้พ่อจากไปอย่างมีความสุข อย่าทำให้พ่อต้องทุกข์ใจเพราะหนูเลยนะ” “แล้วหนูต้องทำอย่างไรถึงจะให้พ่อมีความสุข” เธอสะอื้นตัวโยน “อย่างแรกเลยอย่าร้องไห้เพราะความเสียใจต่อพ่อแบบนี้อีก รับปากพ่อสิลูก” หญิงสาวส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้ารับ “จ้ะ” “รับปากแล้วก็ต้องหยุดร้องสิลูก” สุภัคเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวไปด้วยขณะพูด “เก่งมากลูกสาวของพ่อ” “ข้อแรกลูกทำให้พ่อได้แล้ว พ่อจะขอข้อต่อไปแล้วนะ” “ค่ะ” “ข้อต่อไปก็คือพาพ่อกลับบ้านที” “ไม่ได้ หนูไม่ยอมเด็ดขาด” สุภัครพีเสียงแข็งไม่เห็นด้วย “ลูกทำให้พ่อเสียใจอีกแล้วนะลูกครีม” “โธ่พ่อจ๋า” หญิงสาวป้ายน้ำตาเหมือนเด็กน้อย จะเถียงก็เถียงไม่ออก ตอนนี้เธอเจ็บปวดใจจนจุกไปทั้งอกแล้ว “พ่อก็บอกหนูแล้วไงว่าไม่ผ่าตัด แต่พ่อจะรักษาตัวเพื่ออยู่กับหนูให้นานที่สุด ดังนั้นพ่อจะดูแลตัวเองอย่างดีแน่นอน พ่อจะไม่ดื่มเหล้าอีก แต่ต้องให้พ่อกลับบ้านนะ” นอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็กินแต่ยา เขากลับไปกินเองที่บ้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ให้เปลืองเงินค่าห้องค่าหมอหรอก “หนูจะคุยกับคุณหมอเขาก่อนก็แล้วกัน ถ้าเขายอมเราจะกลับไปอยู่บ้านด้วยกัน แต่ถ้าหมอเขาไม่ยอมพ่อต้องอยู่ที่นี่ต่อนะจ๊ะ” เธอแบ่งรับแบ่งสู้ “ก็ได้” “แล้วพ่อยังมีอะไรอีกไหมจ๊ะ” “อือ ข้อนี้สำคัญที่สุด” “อะไรเหรอจ๊ะ” “พ่ออยากให้หนูรักตัวเองให้มากขึ้น อย่ารักแต่พ่อจนลืมดูแลตัวเอง พ่อไม่อยากให้ลูกเจ็บป่วยเหมือนพ่อไปอีกคน ดังนั้นลูกต้องอย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะ” “จ้ะพ่อ หนูจะดูแลตัวเองอย่างดี” หญิงสาวคุยกับบิดาไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวลากลับ เพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า เมื่อกลับมาถึงห้องเช่าเธอก็ต่อสายถึงมัณฑนา ขอให้อีกฝ่ายติดต่อคุณตาฮาโตริให้ เพราะอยากขอคำปรึกษาเรื่องบิดา สามวันต่อมา วรวุธสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อรู้ว่าสุภัครพีที่ถูกหาเรื่องในงานเลี้ยงถูกผู้จัดการใหญ่เรียกตัวไปพบ เขาไม่ได้เครียดเพราะเธอต้องไปพบกับผู้จัดการใหญ่ แต่เครียดเพราะรู้ว่าใครอยู่ในห้องนั้นด้วยต่างหาก “น้องครีมจะซวยหรือเปล่าพี่ว่าน” พนักงานคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นกระซิบถามหัวหน้างานของตน “มันกัดไม่ปล่อยจริง ๆ โคตรทุเรศเลย” “นั่นสิ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจเลย หนูว่าเขาต้องสนใจน้องครีมแน่ ๆ แต่น้องครีมไม่เล่นด้วยเลยจงใจหาเรื่อง” “รวยขนาดนั้นจะมายุ่งกับคนชั้นล่างแบบเราทำไมวะ ทำไมไม่ไปคั่วกับพวกดารานางแบบวะ พี่ไม่เข้าใจมันเลย” ภายในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ ที่มีเพียงลูกชายหุ้นส่วนโรงแรมกับพนักงานชั่วคราวของโรงแรม ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงถูกขอร้องให้ออกไปตั้งแต่ประมาณห้านาทีที่แล้ว สุภัครพีอึดอัดใจเป็นบ้าที่ต้องมานั่งตัวตรงหน้าเชิด ตรงหน้าแขกคนสำคัญของโรงแรม แต่เป็นแขกที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในโลกแบบนี้ “เดี๋ยวนี้กลายเป็นผู้หญิงคลาสต่ำไปแล้วเหรอหนูครีม” มันเจ็บจี๊ดแต่เธอก็ยิ้มรับ เพราะมันเป็นคำดูถูกที่เป็นความจริง “ค่ะคุณน้า” “อย่ามาเรียกฉันว่าน้า เพราะฉันไม่เคยมีหลาน” เขาไม่ยอมรับเธอในฐานะหลานหรอกนะ ถ้าจะให้ยอมรับก็ต้องในฐานะผู้หญิงของเขาเท่านั้น เพราะเธอกับเขาไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอยู่แล้ว เขาเป็นลูกติดพ่อ ส่วนมารดาเธอก็เป็นลูกติดแม่ เป็นความจริงที่เขาเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง “ขอโทษค่ะคุณท่าน มีเรื่องจะพูดกับดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ” “อย่ามาพูดจากระด้างกระเดื่องกับฉันแบบนี้ด้วย เธอควรเจียมตัวถึงจะถูก เรียกฉันว่าคุณพี แล้วแทนตัวเองด้วยชื่อหรือว่าหนู” สุภัครพีกลืนก้อนความไม่พอใจลงคอ ทำหน้าให้ธรรมดาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อโรงแรมของคุณตาฮาโตริ เธอจะต้องอดทนให้มากที่สุด ให้สมกับความเมตตาของท่าน “หนูขอโทษค่ะถ้าทำให้คุณพีไม่พอใจ” เธอกล่าวพร้อมกับยกมือพนม “แม่เธอเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า” “สบายดีค่ะ ตอนนี้ท่านคงใช้ชีวิตอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุข” ปฐพีใจหายวูบ แม้จะไม่ได้ผูกพันกับมารดาของหญิงสาวเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้รังเกียจการมีตัวตนของเธอ ตอนที่ครอบครัวเธอถูกไล่ออกจากบ้านเขาก็รู้สึกเห็นใจ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเข้าไปสอด จึงปล่อยให้บิดาทำตามที่ท่านต้องการ “...ฉันเสียใจด้วยนะ” คำพูดที่หลุดจากปากของเขาทำให้เธอลืมตัว แสดงความโกรธแบบที่ไม่เคยเป็นออกมา “ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” นัยน์ตาเย็นชาข่มขวัญเพ่งมองหญิงสาวที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ “ปากดีแบบนี้คงไม่มีใครสั่งสอนสินะ” “พ่อแม่ของฉันสอนให้นอบน้อมกับผู้ใหญ่ที่ทำตัวน่าเคารพ แต่ไม่เคยสอนให้เคารพผู้ใหญ่ที่ทำตัวน่ารังเกียจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” “นั่งลงเดี๋ยวนี้ ฉันยังคุยไม่จบ” “ฉันไม่คุยเรื่องส่วนตัวในเวลางานค่ะ ถ้าไม่คุยเรื่องงานฉันคงคุยกับคุณท่านไม่ได้ ลาก่อนค่ะ” “หนูครีม!” เสียงเครียดขรึมดังขู่ หวังจะให้สองเท้านั้นหยุดเดิน และมันก็ได้ผล “กรุณาอย่าเรียกฉันด้วยความเอ็นดูแบบนั้นเลยค่ะ เพราะเราเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้น” “อย่ามาจองหองกับฉันนะยัยเด็กเมื่อวานซืน นั่งลงเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากตกงานภายในหนึ่งนาที” เขาอยากจะคุยดี ๆ กับเธอ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดที่หลุดออกไปถึงได้ทำลายล้างความรู้สึกขนาดนี้ แต่ก็ดีใจที่มันใช้ได้ผล “แล้วพ่อเธอล่ะ สบายดีหรือเปล่า” “พ่อยังไม่ตายค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน” เขาปวดใจกับอาการเช็ดน้ำตาสะอึกสะอื้น เธอคงโมโหเขามากแต่ทำอะไรไม่ได้สินะ “พ่อเป็นอะไร” “มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสี่ ตับแข็งระยะสอง..ค่ะ” ตอบพร้อมเสียงสะอื้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD