ความรักไม่ใช่ความผิด

1273 Words
บทที่ 5 ความรักไม่ใช่ความผิด สุภัคถอนหายใจ เดินคอตกไปนั่งร่วมวงกับลูกสาว แล้วตักข้าวใส่ปากด้วยมือที่สั่นเทาเพราะหิวเหล้าจัด หญิงสาวมองอาการมือสั่นจนน่ากลัวของบิดา ได้แต่ฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เป็นขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเหล้า ท่านไม่ห่วงเธอที่เป็นลูกเพียงคนเดียวบ้างเลยเหรอ ผิดกับเธอที่เป็นห่วงท่านที่สุดในชีวิต ห่วงจนตัดใจไม่ยอมรับทุนแลกเปลี่ยนที่ทางมหาวิทยาลัยเสนอให้ เธอยอมทิ้งอนาคตเพื่อท่าน แต่ท่านไม่เคยคิดจะสร้างอนาคตให้เธอเลย แต่ถึงจะเป็นแบบนี้เธอก็ไม่โกรธท่านหรอก เพราะรู้ว่ามันเกิดจากความรักที่ท่านมีต่อมารดา ความรักไม่ใช่ความผิด “พ่อ!” สุภัครพีอุทานด้วยความตกใจ เมื่อบิดาที่เพิ่งตักข้าวใส่ปากได้แค่สองคำช้อนร่วงลงจากมือ ตัวงอกุมท้องร้องโอดโอย ก่อนจะอาเจียนเลือดสด ๆ ออกมา “พ่อ! พ่อเป็นอะไร พ่อจ๋า” หญิงสาวเข้าไปประคองบิดา น้ำตาไหลด้วยความตกใจและเป็นห่วง “พ่อไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่ต้องตกใจไป” สุภัคเช็ดเลือดที่ปากแล้วปลอบโยนลูกสาวเสียงอ่อนโยน ทนข่มอาการปวดท้องที่เป็นบ่อยมากในระยะหลัง ๆ มานี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันมาเกิดต่อหน้าลูกสาวเท่านั้นเอง “ไปหาหมอกันนะพ่อนะ” “ไม่ต้องไปให้เปลืองเงินเปลืองทองหรอกลูก พ่อรู้ว่าพ่อไม่ได้เป็นอะไร เชื่อพ่อสิ” “ไม่ พ่อต้องไปหาหมอเดี๋ยวนี้” ความเป็นห่วง ความโกรธ ทำให้เธอเสียงแข็งใส่บิดา ก่อนจะถูกท่านผลักจนเสียหลักล้มไปข้างหลัง “พ่อ” “อยู่ห่าง ๆ พ่อไว้” สุภัคบอกลูกสาวแล้วรีบหากระดาษทิชชูมาเช็ดเลือดกับอาหารที่อาเจียนออกมา เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ก็เป็นห่วงว่าจะทำให้เธอติดโรคไปด้วย จึงไม่อยากให้มาสัมผัสโดน “พ่อบอกว่าไม่เป็นไร แล้วพ่อจะกลัวทำไม” สุภัครพีแย่งกระดาษทิชชูหมายจะทำความสะอาดแทนบิดา “พ่อบอกว่าอย่ามายุ่ง!” สุภัคตะคอกใส่ลูกสาวเสียงกร้าวจนเธอสะดุ้ง แล้วรีบจัดการทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว “พ่อไปก่อนนะ” เสร็จแล้วก็บอกลาลูกสาว แต่ก้าวเท้ายังไม่ทันพ้นประตูห้องก็หมดสติล้มตึง หน้าฟาดลงไปบนพื้นอย่างไม่เป็นท่า “พ่อ!” “คุณ!” บุรุษแปลกหน้าที่เดินมาถึงตรงจุดที่เกิดพอดีร้องอุทานด้วยความตกใจ รีบเข้าไปช่วยประคองร่างที่หมดสติ แล้วหันไปเรียกคนขับรถให้มาช่วยอีกแรง โรงพยาบาล สุภัครพียกมือไหว้บุรุษสูงวัยท่าทางใจดีอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ หลังจากส่งบิดาถึงมือแพทย์เรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณคุณตามาก ๆ เลยค่ะที่ช่วยพาพ่อหนูมาส่งโรงพยาบาล” เธอกล่าวเสียงสั่นเครือ น้ำตายังคลอเบ้า ฮาโตริพยักหน้ารับไหว้ คลี่ยิ้มอ่อนละมุนขณะเพ่งพิศเด็กสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายคุณยายของเธออย่างกับพิมพ์เดียวกัน “ตาดีใจนะที่มาได้ถูกเวลาแบบนี้” “หนูก็ดีใจและซาบซึ้งใจมากค่ะที่คุณตาช่วยพ่อหนูเอาไว้ ขอบคุณมากนะคะ” “ไม่เป็นไรหรอกหนู เพราะตาตั้งใจจะมาช่วยหนูจริง ๆ ถึงแม้จะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ตาม” บุรุษสูงวัยเจ้าของมามิยะกรุ๊ปคลี่ยิ้มละมุน กับท่าทางงุนงงสงสัยของเด็กสาว “ตาตั้งใจตามหาหนูมานานแล้วนะ” “ตามหาหนูเหรอคะ” คิ้วเรียวย่นเข้าหากันขณะเพ่งมองอีกฝ่าย แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักหรือคุ้นเคยกัน “คุณตารู้จักหนูเหรอคะ” “ตาไม่รู้จักหนูหรอก แต่ตารู้จักกับคุณยายสุนทรีแล้วก็คุณแม่ของหนู ตาสนิทกับคุณยายของหนูมากนะ ท่านเป็นคนดีมีน้ำใจ เคยช่วยเหลือตาเอาไว้มากตอนที่ตามาเริ่มต้นทำธุรกิจที่ประเทศไทย แต่ไม่คิดว่าหลังจากท่านจากไปแล้ว อะไร ๆ มันจะเปลี่ยนไปแบบนี้” เขาถอนหายใจด้วยความรันทด นึกถึงครั้งที่กลับมาร่วมงานครบรอบ 20 ปีของเลิศอินเตอร์คอร์ปอเรชั่น และได้รู้ความจริงว่าครอบครัวลูกสาวของสามีเก่าสุนทรีไม่ได้อยู่ร่วมชายคากับพ่อเลี้ยงแล้ว เขาเสียใจมากที่ตัวเองชะล่าใจ ไม่ติดตามเรื่องให้ดีก่อนจะกลับไปอยู่ญี่ปุ่น ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไม่รู้ว่าลูกสาวของสตรีที่หลงรักจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร จึงสั่งให้หลานชายเพียงคนเดียวช่วยตามหา แต่ข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิดทำให้คว้าน้ำเหลวมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันเกิดครบรอบ 65 ปีของตน หลานชายสุดที่รักก็ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้ “ตาเสียใจเรื่องแม่ของหนูด้วยนะ” ตอนที่รู้ว่าแม่ของเธอเสียชีวิตตามมารดาไปอีกคนเขาเสียใจมาก หลังจากนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเธออีกทวีคูณ เมื่อรู้ว่าบิดาของเธอกลายเป็นไอ้ขี้เมาไม่เอางานการเพราะตรอมใจเรื่องภรรยา หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์เขาจึงเดินทางมาหาเธอ “แม่หนูเป็นคนดีเหมือนยายของหนู ตาเสียใจมากที่ไม่ได้ดูแลแม่ของหนูให้ดี” “แม่ของหนูบุญน้อยค่ะคุณตา หนูเสียแม่ไปแล้วหนูไม่อยากเสียพ่อไปอีกคน ถ้าหนูเสียพ่อไปอีกชีวิตของหนูก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว” หญิงสาวกรีดน้ำตาทิ้งเมื่อกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ “หนูไม่ต้องกลัวนะ หมอเขาจะต้องช่วยรักษาพ่อของหนูอย่างดีที่สุด” “จริงเหรอคะคุณตา” หญิงสาวแสดงความดีใจออกมา ลืมความกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาไปชั่วขณะ แต่เพียงชั่วครู่ก็หน้าสลด สำนึกถึงความเป็นจริง เมื่อสักครู่ตอนที่รถของคุณตาท่านนี้เลี้ยวเข้ามาในโรงพยาบาล เธออยากจะบอกให้ท่านเปลี่ยนไปโรงพยาบาลของรัฐแทน แต่เพราะเป็นห่วงบิดาที่ยังไม่ได้สติ จึงจำใจต้องเข้ารับการรักษา แต่ถ้าจะให้ท่านรักษาตัวอยู่ที่นี่จนหายดี.. อย่าพูดว่าหายดีเลย แค่ปฐมพยาบาลให้พ่อฟื้นขึ้นมาแล้วขอย้ายออกไปทันที ก็ยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย “หนูครีม” “ขา..” คิ้วเรียวขมวดย่นด้วยความสงสัย “คุณตารู้ชื่อหนูด้วยเหรอคะ” “รู้สิ ก็ตอนที่ตาเจอหนูครั้งสุดท้าย หนูก็ตัวประมาณนี้แล้วนะ” ฮาโตริทำมือกะความสูงจากพื้น “น่าจะประมาณสิบขวบได้แล้ว” “จริงเหรอคะ แต่ทำไมหนูถึงจำอะไรไม่ได้เลย” เธอรู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกผิดหวังที่จำอีกฝ่ายไม่ได้ “ก็คงไม่แปลกหรอกนะ เพราะเราไม่ได้เจอกันบ่อยนี่” เขาเห็นเด็กคนนี้ไม่เกินสามครั้ง และครั้งเดียวที่เห็นใกล้ชิดที่สุดก็คือในวันเผาศพยายของเธอ “กำลังคิดอะไรอยู่ บอกตาได้ไหม” “ไม่มีอะไรค่ะ” “ตาอยู่บนโลกใบนี้มา 65 ปีแล้วนะ หนูคิดว่าโกหกตาได้เหรอ” ฮาโตริมองเด็กสาวพร้อมยิ้มเอ็นดู รู้สึกถูกชะตากับเธอมากจริง ๆ อาจจะเป็นเพราะเธอเหมือนกับยายของเธอก็ได้ “หนูไม่ควรโกหกผู้ใหญ่ แต่บางเรื่องหนูก็ไม่กล้าบอกความจริงหรอกค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าละอายแก่ใจเกินไป”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD