ตอนที่ 2 (1)

1178 Words
ต้นเดือนพฤศจิกายนลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาเยือนเมืองเหนือเป็นธรรมเนียมทุกปีที่มารดาต้องถักผ้าพันคอหลากสีให้ใส่เป็นประจำ เคยขอร้องหลายครั้งให้ท่านถักสีขาวเทาดำท่านก็ไม่ยอมถักให้สักทีจงใจแกล้งเขาให้ใส่อะไรน่ารักๆ ไปให้ลูกน้องตลกขบขันสร้างสีสันในช่วงฤดูหนาว และตอนนี้ในมือเขาก็ถือเจ้าผ้าพันคอสีชมพูสุดหวานแหววเห็นทีแรกแทบอยากขว้างทิ้งแต่กลัวมารดาจะน้อยใจก็เลยถือมันไว้ ปากคมคายบ่นอุบอิบมองเจ้าตัวปัญหาว่าใครจะใส่มันลงหวานซะขนาดนี้ สีหราชยอมนั่งลงบนเก้าอี้รออาหารเช้าอย่างสงบส่วนมารดาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จิบชารสชาติดีจากไร่จอมธรรม “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ร่วมสองสัปดาห์ม่านไหมรู้จักเวลารับประทานอาหารทุกมื้อรวมถึงเวลาอื่นๆ ด้วย กระนั้นเช้านี้ก็ลงมาช้ากว่าสีหราชจนได้ คนตัวเล็กเดินเรียบร้อยเข้ามานั่งประจำเก้าอี้ของตัวเองส่งยิ้มให้คุณป้า ท่านมองมาแววตาขบขันส่งผ้าพันคอที่ตั้งใจถักให้เป็นของขวัญรับฤดูหนาว “ว้าว สวยจังเลยค่ะคุณป้า” “ชอบไหมจ๊ะป้าถักเองเลยนะ” “ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณาไหม” “คุณแม่ครับ! ทำไมของไหมสีเทาแต่ทีของผมสีชมพูจ๋าขนาดนี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวประท้วงเสียงดังรับไม่ได้เมื่อเห็นผ้าพันคอของม่านไหมสีเหมาะกับตัวเองส่วนผ้าพันคอของตัวเองสีเหมาะกับม่านไหม ทำไมท่านต้องจงใจให้ของสลับบุคคลกันด้วยน่าจะรู้ว่าเขาเกลียดสีชมพูหวานชวนอ้วก มือสีแทนเอื้อมไปข้างๆ หวังแย่งเอาเจ้าสิ่งนั้นทว่าแม่สาวเมืองกรุงขี้หวงรีบนำมันซุกเข้าอกกอดแน่น “คุณป้าให้ไหมแล้วคุณสิงห์จะมาแย่งได้ยังไงคะ” “ผมไม่ได้จะแย่งแต่จะขอแลก นี่ไงไหม” หยิบผ้าพันคอสีสวยจากในถุงมาชูตรงหน้าเป็นการยืนยันว่ามีแลกจริงๆ ไม่ได้คิดแย่งอย่างที่สาวสวยขี้งอนกำลังคิดมากไปเอง หน้าตูมเชียว ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนา “ไหมไม่อยากแลกค่ะ” “ทำไม” “ไหมชอบทุกผืนที่คุณป้าให้” นายใหญ่แห่งไร่จอมธรรมหมดคำจะดุแม่คนหัวแข็งแม่คนร้ายลึกที่ชอบทำคอแข็งใส่เขาบ่อยๆ นับจากคืนนั้นที่อุกอาจปล้นจูบหวังจับหล่อนมาป้ำลูกตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผ่านมาหลายวันแล้วแต่รสจูบของหล่อนไม่เคยทำให้เขาลืมเลือนได้เลย ตรงกันข้ามยิ่งรู้สึกถวิลหาอยากจูบอยากกอดให้มากขึ้น “หยุดจ้ะ ถ้าอยากจะแลกก็ค่อยแลกหลังกินข้าวนะจ๊ะ” คุณนายยิ้มแก้มปริดีใจที่ทำให้ทั้งสองคนได้คุยกันมากขึ้น “ก็ได้ครับ” สีหราชยอมลงให้เพราะเห็นแก่คำขอของมารดา ข้าวต้มอร่อยเหมือนทุกวันหรือไม่ก็อาจจะอร่อยมากกว่าทุกวันเพราะมีรอยยิ้มใสๆ ของแม่สาวเมืองกรุงโปรยปรายส่งให้มารดาเขาตลอดเวลา เช้านี้เป็นเช้าวันจันทร์วันแรกของการทำงานของม่านไหม สีหราชหาเรื่องขอแลกผ้าพันคอแลกกับการให้หล่อนติดรถไปสำนักงานด้วยกันแต่หล่อนดื้อไม่ยอมแลกเขาจึงแกล้งขับรถออกจากบ้านไปก่อน “ตาสิงห์นะตาสิงห์! กลับบ้านมาจะดุให้หูชาเลย” คุณพราวมุกหงุดหงิดในตัวลูกชายอยากเพ่งกะบาลสักครั้งสองครั้งให้หลาบจำจะได้ไม่กล้าแกล้งน้องอีก รีบฝากฝังลุงแมกไม้คนสวนสามีแม่บ้านพิมให้ขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งม่านไหมยังสำนักงานในไร่ ระยะทางไม่ไกลนักแต่ถ้าหากเดินมาเองดูจากสภาพถนนคงจะปวดน่องเอาการ “ขอบคุณมากนะคะคุณลุง” หญิงสาวพนมมือบอบบางไหว้ลุงคนสวน ลุงแทบรับไหว้ไม่ทันเกรงใจสาวเมืองกรุงไม่อยากให้ลดตัวมาไหว้คนสวนอย่างตนเองแต่มีหรือสาวเมืองกรุงจะคิดถือตัวสูงกว่าคนอื่น “ไหมเข้าไปทำงานก่อนนะคะ มาทำงานวันแรกก็เกือบเข้าสายซะแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” สำนักงานเป็นอาคารสามชั้นค่อนข้างกว้างขวางกินเนื้อที่หลายไร่ตั้งอยู่โซนด้านหน้าของไร่ติดกับโซนบริการนักท่องเที่ยวทว่าบริเวณนี้เป็นเขตชั้นในนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาบริเวณนี้ได้ พี่เลี้ยงของม่านไหมชื่อโต้งเป็นคนที่คุณพราวมุกให้ช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ ในสำนักงานรวมถึงพาม่านไหมไปยังโต๊ะทำงานส่วนตัว โต้งเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลแนะนำมาเรื่อยกระทั่งถึงหน้าห้องเจ้าของไร่กำลังจะผายมือเชิญชวนให้ดูโต๊ะทำงานทว่ากะเทยสาวร่างถึงต้องอ้าปากค้างเพราะสภาพมันเหมือนที่เก็บแฟ้มเอกสารมากกว่าโต๊ะทำงาน แย่ล่ะ โต้งหน้าตาซีดเซียวยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากเบาๆ กระนั้นก็ทำหน้าที่จนถึงที่สุดใช้มือเขี่ยๆ แฟ้มพวกนั้นออกจากโทรศัพท์แล้วกดโทรเข้าไปในห้องเจ้าของไร่ “สวัสดีค่ะ นี่โต้งนะคะ น้องม่านไหมมาขอรายงานตัวค่ะ” คำตอบจากปลายสายโต้งต้องกลืนน้ำลายหลายอึกกว่าจะกล้าขานรับและวางสาย เบนดวงหน้าฉาบเครื่องสำอางมามองพนักงานน้องใหม่ร่ายยาวสองบรรทัดไม่เว้นวรรคให้เข้าไปข้างในคนเดียวก่อนใส่เกียร์หมาเดินจ้ำเท้าออกไปไกลฝุ่นตลบเรียกตามยังไงก็ไม่หัน ท่าทางว่าเจ้าของไร่จะไม่ยินดีต้อนรับเลขาส่วนตัวคนแรกสักเท่าไหร่ โธ่... จะรอดไหมนะยัยไหม “โต้งไม่ได้บอกเหรอว่าผมไม่ได้อนุญาตให้ไหมเข้ามาในนี้” สีหราชร้องทักทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกคนตัวเล็กผลักเข้ามาช้าๆ หล่อนโผล่ใบหน้าเข้ามาชิมลางก่อนทำให้เขาเพลียใจส่ายหน้าไปมา ม่านไหมก้าวเท้าเข้ามาในห้องและดึงประตูปิดลง “เปล่าค่ะ พี่โต้งแค่บอกให้ไหมเข้ามา” “ถ้าโต้งไม่ได้บอกไหมก็น่าจะได้ยินผมพูดเมื่อกี้นี่นาทำไมยังดื้อเข้ามาอีก” “ไหมขอโทษค่ะ แต่ที่มาวันนี้เพราะไหมตั้งใจมารายงานตัวเป็นเลขาคุณสิงห์ค่ะ” ทว่าเขายกมือสั่งให้หยุดพูด “อย่าต้องให้ผมพูดย้ำคำเดิมหลายรอบนะไหม ก่อนหน้านี้คุยกันที่บ้านแล้วไงว่าไม่ต้องมาทำงานกับผมผมไม่ต้องการเลขาฯ นายหินดูแลงานได้ดีไม่มีที่ติไม่มีความจำเป็นต้องรับพนักงานเพิ่ม อยากเอาใจใครก็ทำให้มันถูกที่ถูกทางหน่อย คุณแม่ผมอยากให้ทำงานที่นี่เหรอ งั้นก็เป็นเลขาคุณแม่ผมที่บ้านนู้นไปที่นี่ไม่มีตำแหน่งอะไรให้คุณ” “แล้วคุณสิงห์จะให้ไหมปฏิเสธคุณป้ายังไงคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD