‘ทำไมสิงห์ต้องรวนแม่กับน้องไหมด้วย!’ เสียงท่านค่อนข้างห้วน ถ้าอยู่ใกล้กันหูสีหราชคงถูกบิดแน่นอน
“เปล่าครับ ใครจะกล้าแตะคนโปรดของคุณแม่”
‘อย่าพูดแบบนี้นะสิงห์!’
“แค่นี้ก่อนนะครับ ผมกำลังจะลงจากรถไปรับหนูไหมของแม่กลับบ้านเรา” ใจจริงอยากกระแซะว่า ‘แม่พันธุ์’ มากกว่าแต่เดี๋ยวคุณนายแม่จะโกรธ สีหราชรีบวางสายทันทีที่เห็นแม่คนตัวเล็กถามอะไรบางอย่างกับคนขายตั๋วพร้อมส่งแผนที่ให้ เจ้าหล่อนส่งยิ้มให้ไอ้หนุ่มคนนั้นหวานเชียว ท่าทางจะชอบคุยกับคนแปลกหน้าหรือไม่ก็ติดนิสัยอ่อยไม่เลือก
ฮึ! คิดจะหาทางไปไร่โดยไม่รอเขามารับเหรอ ใจกล้าดีนี่นา สมแล้วแหละที่เป็นสาวหัวใหม่จากเมืองกรุง ทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโตโดยไม่สนศักดิ์ศรีจิ๊บจ้อย “เดี๋ยวสิครับคุณ!” นายใหญ่แห่งไร่จอมธรรมยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงยีนก้าวเท้ายาวๆ ผ่านผู้คนในสถานีขนส่งไปยังคิวรถสองแถวคว้าข้อมือเล็กของคนที่กำลังจะขึ้นรถลงมาข้างล่างคนรอบข้างแตกตื่นกันใหญ่รวมถึงตัวของสาวเมืองกรุงก็ด้วย นัยน์ตาคู่อ่อนหวานเบิกกว้างพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุม มือซ้ายว่างระดมทุบไปทั่วแผ่นอกกำยำของชายฉกรรจ์
“กรี๊ดดดด! คุณเป็นใครมาจับมือฉันทำไม ปล่อย ปล่อยนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย!” เสียงสิบแปดหลอดตะโกนเอะอะโวยวายลั่น เนื้อตัวสั่นระริกถูกรั้งลงจากท้ายรถสองแถวมาอยู่ในอ้อมแขนกำยำ บนรถสองแถวมีผู้หญิงกับเด็กสองสามคนต่างตกใจตามๆ กันกรีดร้องขอความช่วยเหลือ อยากวิ่งหนีทว่าข้อมือถูกจับไว้แน่น หล่อนเห็นคนร้ายล้วงมือเข้ากระเป๋าด้านหลังยิ่งตกใจไปกันใหญ่
“นี่คุณ! หยุดโวยวายได้แล้ว” มือเขาขยับลงต่ำมากกว่าเดิมราวกับจะชักปืนออกมาข่มขู่ นาทีนี้สาวชาวกรุงผู้ไม่เคยออกต่างจังหวัดคนเดียวไม่มีสมาธิจะฟัง หวาดกลัวสุดขีดตกใจความป่าเถื่อนของหนุ่มเมืองเหนือ หมัดเล็กทว่าหนักซัดเข้าเต็มปลายคางที่ปกคลุมด้วยหนวดเครา ได้ยินเสียงนายหน้ายักษ์สบถออกมาแล้วออกแรงกดข้อมือหล่อนแน่นขึ้น
“โอ๊ย!” ม่านไหมเจ็บจนน้ำตาคลอ ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดหน้าผากนวล ร่างกายบอบบางแข็งทื่อไม่กล้าดิ้นรนไม่กล้าร้องโวยวาย น้ำตาไหลพรากตัวสั่นระริกเป็นลูกนกตกน้ำ
“ยะ… อย่าทำอะไรเลยนะ ฉันขอร้อง ฉันไม่ใช่คนที่นี่ กำลังจะกลับบ้าน ปล่อยฉันไปเถอะนะ นะคะคุณ”
คนหน้ายักษ์ตาคมเลิกคิ้วขึ้นสูงชะงักการล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ถ้าผู้หญิงคนนี้ยอมกลับกรุงเทพไปง่ายๆ ก็ดีสิเขาจะได้ไม่ต้องกลั้นใจมีลูกด้วย ไอ้เรื่องทำน่ะถนัดมากแต่เขาไม่อยากมีลูกกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก สงสารลูก โตมารู้ว่าพ่อแม่ไม่รักจะขาดความอบอุ่นมากแค่ไหน
สาวเมืองกรุงคนสวยสะอื้นร่ำไห้พยายามออกแรงบิดข้อมือออกมาทว่าไม่เป็นผลเช่นเคยเขายังไม่ยอมคลายแรง ทั้งสองต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ซึ่งกันและกันคนหนึ่งครุ่นคิดส่วนอีกคนหวาดกลัวสุดหัวใจจึงไม่ทันสังเกตบรรยากาศรอบตัว สีหราชหัวใจพองโต สงสารคนหน้าสวยแต่ก็อยากไล่หล่อนกลับกรุงเทพด้วยจึงยอมปล่อยมือบอบบาง แต่ในจังหวะนั้นเองฉับพลันชาวบ้านนับสิบคนร่วมใจกันวิ่งเข้ามารุมประชาทัณฑ์ สองมือสองเท้าตบตีเตะหนุ่มโฉดเต็มแรง ไม้กวาดไม้หน้าสามขนาดเล็กกระหน่ำลงมาไม่ขาดมือ ทุกคนต่างจริงจังกับการลงโทษคนโรคจิตมากแม้เลือดจะอาบใบหน้าหล่อเหลาทุกคนก็ไม่คิดจะหยุดยั้งมือ
“จัดการมันให้หนักเลยพวกเรา แม่หนูมาหาลุงเร็วเข้า!” ร่างกำยำนอนขดกายอยู่ใต้เท้าไม่คิดต่อสู้กลับเพราะส่วนใหญ่เป็นคนช่วงอายุเท่าแม่เขาทั้งนั้น จะเงยหน้าขึ้นห้ามก็ถูกเตะล้มและรุมอัดจนเจ็บไปหมดทั้งร่างกาย ให้ตายเถอะซวยอะไรขนาดนี้วะ
“จับมันส่งตำรวจเลยพวกเรา”
“ใช่ๆ จะได้ไม่กล้ามาทำซ่าแถวนี้อีกไอ้เลว”
“คุณตำรวจครับ คุณตำรวจ”
ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใครมันทุ้มดังในโสตประสาทไปหมด ขณะยังป้องกันศีรษะไม่ให้ถูกกระแทก ไกลออกไปสีหราชเห็นยัยตัวแสบเสียงสิบแปดหลอดกระโดดขึ้นรถสองแถวอีกคันไปเรียบร้อยไม่คิดจะมาช่วยเขาออกจากดงตีน เอ๊ย! ดงเท้านี่เลย
เออ! เจริญเถอะครับแม่คุณ!
ตำรวจท้องที่กำลังซดก๋วยเตี๋ยวชามละสามสิบบาทแถวสถานีขนส่งพอดีรีบเข้ามาระงับเหตุ เป่านกหวีดระงับเหตุชุลมุนวุ่นวาย ทว่าพอเห็นหน้าคนโรคจิตเท่านั้นแหละถึงกับอยากจะเป็นลม “นายสิงห์!!” ทั้งสองร้องเรียกประสานเสียง
สีหราชลดมือสองข้างลงจากการปกป้องศีรษะเหลือบสายตามองประชาชนที่ถอยออกไปอยู่แนวหลังนายตำรวจทั้งสอง ร่างกายสะบักสะบอมพยายามลุกขึ้นด้วยขาของตัวเองใช้แรงใจอย่างสูงในการดึงเจ้าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าหลังออกมา ซึ่งนั่นก็คือ… บัตรประชาชน!
เจ้าของมือเปื้อนเลือดชูบัตรขึ้นยืนยันว่าไม่ใช่ปืนก่อนร่างกายจะล้มหมดสติลงตรงนั้น ชาวบ้านที่ร่วมใจกันทำในครั้งแรกต่างร่วมใจกันวิ่งหนีไปคนละทิศละทางลำบากตำรวจทั้งสองนายต้องรีบพาสีหราชไปส่งโรงพยาบาล หนึ่งในสองของนายตำรวจเข้าไปสอบถามคนในที่เกิดเหตุถึงรู้เหตุการณ์คร่าวๆ คงได้แต่รอนายสิงห์ฟื้นจะได้รู้สักทีว่าผู้หญิงที่นายสิงห์ไประรานเป็นใคร ทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวก็ไม่ได้เพราะนายสิงห์ถือว่าเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดีมาก ให้ข้อมูลเบาะแสพวกทำผิดกฎหมายทั้งหลายแหล่ทุกอย่างจนเป็นที่เคารพของใครหลายคน ส่วนสาเหตุที่โดนยำซะเละในวันนี้คิดว่าเป็นเพราะหนวดเครารุงรังบนหน้าหล่อเหลา ไม่รู้จะไว้อะไรเยอะขนาดนั้น สองชั่วโมงต่อมาสีหราชได้สติบนเตียงในโรงพยาบาลเจ็บระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัวโอดครวญเคียดแค้นผู้หญิงคนนั้น บ่นยาวกระทั่งนายตำรวจหนุ่มขับรถมาส่งถึงบ้านไม้หลังใหญ่
“รถของนายสิงห์ผมให้เพื่อนขับกลับมาส่งที่บ้านแล้วนะครับ”
“ขอบคุณมากครับผู้หมวด ไว้จะส่งของไปให้”
“ขอรับไว้แค่คำขอบคุณก็พอครับ ส่งมาให้เดี๋ยวจะมีใครว่าเอาได้ว่าผมรับใต้โต๊ะนายสิงห์” ผู้หมวดหนุ่มยิ้มกว้างยกมือขึ้นลาสีหราชแบบตำรวจ
“โอเคครับ ขอบคุณมาก มีอะไรให้ผมช่วยเหลือมาหาผมได้ตลอดเวลา”
“ครับผม” นายตำรวจรับน้ำใจแล้วขับรถออกไป
“พับผ่าเถอะ เจ็บชะมัด” นับถอยหลังไปช่วงมีเรื่องครั้งล่าสุดก็สมัยเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนยกพวกตีกันมีพี่เสือเป็นหัวหน้าแก๊ง แต่นั่นก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ให้ตายเถอะ
สีหราชเดินเซเล็กน้อยยังเจ็บเนื้อตัวไม่หายเข้ามาในบ้าน เนื้อตัวมีรอยช้ำหลายจุดโดยเฉพาะใบหน้าค่อนข้างเยอะสุด คิ้วแตกลามมาถึงโหนกแก้มมีแผลทางยาว ไม่รู้ว่าใครพิเรนท์เอาของแข็งมาทำร้ายเขาดีนะที่แผลไม่ใหญ่มากไม่งั้นเขาคงโกรธ หน้าตามีไว้ออกเที่ยวหลีสาวขืนหน้าพังมีหวังสาวเตลิดหนีหมดเขามิกลายเป็นสิงห์เฉาไร้เงาสาวหรอกเหรอ ไม่เอาหรอก แค่คิดเขาก็ยังรับไม่ได้ เด็กบ้าคนนั้นอย่าให้เจออีกเชียวนะ จะเอาคืนให้หนำใจเลยโทษฐานทำให้เขาเจ็บตัว