"หมายความว่ายังไงคุณสงกรานต์...คุณจะไม่ปล่อยเพิร์ลให้ผมได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นเมียผม" ชายหนุ่มร่างใหญ่ลุกพรึ่บจากเก้าอี้แล้วเดินไปค้ำโต๊ะทำงานที่มีเจ้าของนั่งหันหลังให้เขาอยู่ด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างยิ่ง
"เธอยังไม่พร้อม...สำหรับคุณ" เสียงทุ้มลึกตอบกลับพร้อมกับเก้าอี้ที่ค่อยๆ หมุนหันกลับมา สงกรานต์คลี่ยิ้มขรึม สะบัดลำคอแก้เมื่อยแล้วมองหน้าผู้มาเยือนด้วยสายตานิ่งงัน
"อย่าบอกนะว่าคุณติดใจเธอ หึ...แสดงว่าเพิร์ลคงเด็ดไม่ใช่ย่อย อา...อีกไม่นานผมก็คงพาเพิร์ลไปลงสนามได้แล้วสินะ คุณนี่เก่งจริงๆ ไม่เสียแรงที่ผมไว้ใจให้คุณสอนงาน"
"คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอเก็บเพิร์ลไว้อีกสักพัก" สองมือใหญ่ประสานกันตรงหน้า เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีชั้นเชิง มองดูสีหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังเก็บงำความไม่ชอบใจเอาไว้เต็มที
"เห็นจะไม่ได้..." ปีย์ชาร์หันหลังและยกมือขึ้นเท้าสะเอว เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และรู้ว่าแม้จะตอบไปเช่นนั้นแต่ผลลัพธ์มันจะไม่ได้ดั่งใจเขาอย่างแน่นอน
"ก็ไม่เป็นไร...ผมแค่บอกให้รับรู้เอาไว้ไม่ได้จะขออนุญาต ต่อไปนี้เพิร์ลจะอยู่ภายใต้การดูแลของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลง...ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของผม"
"คุณ!" ผู้มาเยือนหันขวับมาจ้องเขม็งกับเจ้าของห้อง แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างจำใจ หากเป็นความปรารถนาของจอมบงการแล้วตัวเขาเองก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ มันผิดพลาดมาตั้งแต่แรกที่เขายื่นเนื้อชิ้นงามให้ราชสีห์ผู้ไม่เคยยอมตกอยู่ในข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆ
"หมายความว่าคุณจะไม่ยอมคืนเพิร์ลให้ผม..."
"ก็ไม่เชิง เราต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสำหรับที่นี่ไม่มีอะไรยั่งยืนนอกจากความสุข คุณเองก็เหมือนกัน...ในเมื่อคิดจะยกเมียให้เป็นของกลางแล้วก็ไม่ควรหวง"
"แต่ผมต้องพาเพิร์ลไปฮันนีมูน ไม่อย่างนั้นทางครอบครัวของเราจะต้องสงสัยว่าเจ้าสาวของผมหายไปไหน สิ่งที่คุณควรทำคือฝึกให้เธอยอมรับความเป็นเรา...และมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ใช่กักเพิร์ลไว้บนเตียงของคุณคนเดียว แบบนั้นเพิร์ลก็ไม่มีวันได้เปิดหูเปิดตา" เจ้าบ่าวหมาดๆ พยายามอธิบายโดยไม่สะทกสะท้านกับรสนิยมอันผิดเพี้ยนของตนเอง
"เวลาแค่ชั่วข้ามคืน...คุณจะให้ผู้หญิงโลกสวยคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมายนักหนาเหรอ แค่รู้ว่าผู้ชายที่นอนกับตัวเองในคืนเข้าหอไม่ใช่เจ้าบ่าว...มีสติครบถ้วนดีไม่เป็นบ้าเป็นบอก็ถือว่าเก่งแล้วมั้ง"
"..." สายตาคมของปีย์ชาร์หลบต่ำครุ่นคิด เขาคงรีบร้อนเกินไปจนลืมคิดไปว่ารัตติกาลไม่ได้อยู่ในวงโคจรอันโสมมนี้มาตั้งแต่แรก ครั้นจะทำให้หล่อนเปลี่ยนมาอยู่ในโลกอีกใบที่หล่อนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยจริงๆ
"ถ้างั้นผมขอพบเพิร์ลก่อน ผมอยากคุยด้วย เผื่อเธอจะเข้าใจอะไรมากขึ้น"
"ผมไม่คิดว่าผู้หญิงของผมจะอยากพบคุณตอนนี้" รอยยิ้มนั้นแสยะร้ายอย่างผู้กำชัยเหนือกว่า ปีย์ชาร์หน้าชาวาบกับประโยคแสดงความเป็นเจ้าของนั้น แต่ก็ยังยิ้มสู้...สำหรับพวกเขาเรื่องแบบนี้มันก็แค่ธรรมดา
แม้ว่ารัตติกาลจะถูกยกให้เป็นตัวจริงในชีวิตก็ตาม เพราะในเมื่อหล่อนเลือกแล้วหล่อนก็ต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้
"โอเค...ยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่นอกจากรับทราบอย่างเดียว จริงไหม...แต่ผมคิดว่าคุณคงไม่ผิดคำพูดหรอกนะว่าเราเคยตกลงกันเอาไว้ว่ายังไง เป็นผู้คุมกฎ...ก็อย่าผิดกฎถ่มน้ำลายขึ้นฟ้าล่ะบอส"
อย่างน้อยๆ ความเป็นผู้นำที่ค้ำคอสงกรานต์อยู่ก็ยังเปิดช่องให้มีทางกดดันได้อยู่บ้าง เขาไม่อาจเดาใจได้หรอกว่าชายหนุ่มผู้องอาจตรงหน้านั้นคิดสิ่งใดอยู่ แค่ถูกอกถูกใจของเล่นชิ้นใหม่ชั่วครั้งชั่วคราว หรือมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในใจมากกว่านั้น...
"ผมไม่เอาเปรียบคุณหรอก...สำหรับฮันนีมูนผมมีทริปพิเศษจัดไว้รอให้แล้ว รับรอง...ฮันนีมูนแบบเหมายกโหลมันกว่าเยอะ แล้วคุณจะลืมแม่เจ้าสาวรสจืดนั่นไปเลย"
"ก็หวังว่าจะจืดจริงๆ...อย่างปากว่านะบอส ผมจะพยายามคิดว่าคุณชอบของแปลก"
"หึ หึ...ก็คอยดูกันต่อไป คืนเดียว...บนเตียงเดียวมันวัดอะไรไม่ได้หรอก" สงกรานต์ตอบกลับราวกับสนทนากันในเรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป ในขณะที่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวบนเรือนร่างของรัตติกาล และรู้สึกขัดใจยิ่งนักเมื่อนึกเลยเถิดไปว่าหล่อนจะต้องตกเป็นของคนอื่นอีกนับไม่ถ้วนในภายภาคหน้า
ซึ่งมันขัดกับสันดานเนื้อแท้ของเขายิ่งนัก...
"ส่วนผม...ก็ไม่ขัดสรัทธาบอสก็แล้วกัน หึ หึ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทริปฮันนีมูน" ปีย์ชาร์ยิ้มเต็มใบหน้า เพียงได้กลิ่นของดินแดนแห่งตัณหาซึ่งเขาหลงใหลยิ่งกว่าสิ่งใด
ชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเรื่องหนักอกหนักใจทิ้งเสียสิ้น เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่ารัตติกาลซึ่งเป็นเจ้าสาวในค่ำคืนก่อนนั้นมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก...
"ตามสบาย...คงต้องขอตัวก่อน ผมมีแขกคนสำคัญต้องดูแล"
"ออ...ผมได้ข่าวแล้วกรุ๊ปจากฮ่องกงใช่ไหม ถ้าต้องการตัวเสริมก็อย่าลืมนึกถึงผมบ้างก็แล้วกัน"
"ได้..." สงกรานต์ตอบสั้นๆ มองตามร่างใหญ่ของปีย์ชาร์ที่เดินเปิดประตูออกไปจนบานประตูนั้นปิดลง เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด
บางสิ่งกำลังเหลื่อมล้ำเข้ามาในความรู้สึกอย่างที่ไม่ควรเป็น ซึ่งนั่นก็หมายความถึงอันตรายที่แฝงเร้นจนอาจทำให้เส้นทางที่เขาดำเนินอยู่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
อะไรที่เป็นจุดอ่อนควรต้องถูกกำจัด ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นหอกสองคมที่หันกลับมาเสียบแทงทำร้ายตัวเขาเอง เหมือนในอดีต...ที่เคยเป็นมา