ร่างสูงใหญ่ลงจากรถหรูสีดำเป็นมันวาวทั้งคันที่มองผ่านเพียงผิวเผินคนจิตอ่อนบางคนมองเห็นว่ายานพาหนะคันนี้คล้ายมีเกล็ดประดับโดยรอบ
เขาจอดรถลงที่ด้านหลังอาคารสำนักงานสาขาต่างจังหวัด ที่ซึ่งเป็นสาขาที่ไม่เคยเป็นหน้าเป็นตาให้เครือเลยสักครั้ง แม้ไม่เคยทำกำไรให้กับ NAGARA Bev. แต่ก็ไม่เคยขาดทุน คณะทำงานและทีมผู้บริหารจึงยังไม่คิดที่จะยุบสาขานี้ จะว่าไปแล้วการตัดสินใจทั้งหมดว่าจะยุบที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดของเขาแทบทั้งสิ้น
ชายหนุ่มพาตัวเองเดินเข้าประตูอาคารสำนักงานที่พนักงานรักษาความปลอดภัยหละหลวมไม่มีใครมายืนเฝ้าประตูนี้เลยสักคน ตรงเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวอาคาร
ครั้งนี้เขาเข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าวให้ใครรู้ เพราะอยากมาดูว่าที่นี่เรียบร้อยดีอย่างที่พี่ชายของเขาบอกจริงหรือไม่และอีกเหตุผลที่เขามา คิดพร้อมหัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนคลายออกช้า ๆ แรงกระตุ้นนั้นเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ทันทีที่กล่องเหล็กกลางเก่ากลางใหม่พาขึ้นไปยังชั้นบนสุดแล้วและเปิดออกกว้างให้เขาเดินออกไป ก็พบว่าข้าวของกองระเกะระกะอยู่ตรงทางเดินเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเสียงกุก ๆ กัก ๆ ดังมาจากด้านในอีกด้วย
เธียรเดินเข้าไปจนสุดทาง มองเข้าไปด้านในเห็นแม่บ้านร่างผอมแกนไม่สูงมากนักกำลังรื้อของบนโต๊ะของเขาอยู่
“ทำอะไร”
เสียงเข้มขรึมส่งออกไปถาม สายตาเรียบเฉียบคมมองจ้องหญิงคนนั้นนิ่ง และเมื่อเห็นเต็มสองตาว่ากำลังหยิบแท่นหินของวงศ์ตระกูลที่เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ที่นี่เมื่อไร ก็สั่งเสียงเรียบแต่ก็ฟังแล้วเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีอยู่ไม่น้อยกับหญิงผู้นั้นอีกครั้ง
“วางของนั่นลง”
มือเล็กแบบเดียวกันกับรูปร่างรีบวางหินหนาใหญ่แท่งนั้นลงในทันที เพราะเข้าใจว่าคงเป็นของเก่าเก็บที่มีราคาคงจะเป็นของของชายผู้นี้
ปทุมมายิ้มอย่างที่หัวหน้าสอนให้ยิ้มเวลาพบสีหน้าไม่พอใจของผู้บริหาร แล้วรีบบอกเขาเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดคิดว่าเธอเข้ามาโดยพลการหรือเข้าขโมยของของเขา
"ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ กำลังเก็บของทำความสะอาดให้น่ะค่ะ”
“ใครอนุญาตให้ขึ้นมาบนนี้”
ปทุมมาคิดเล็กน้อยก่อนตอบไปว่า “งานบริหารค่ะ เขาให้ขึ้นมาทำความสะอาดรอผู้บริหารมา...” เธอยังตอบเขาไม่จบความดีเลยด้วยซ้ำ เสียงสั่งทรงอำนาจเอ่ยไล่อย่างสุภาพทว่ากดดันอยู่ไม่น้อย
“หากต้องการแม่บ้าน จะให้คนแจ้งไปอีกที”
ปทุมมามองของที่ยังเก็บไม่เรียบร้อยดีเลยด้วยซ้ำด้วยสายตาเสียดาย “ขอเก็บของตรงนี้ให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ”
ไม่มีเสียงสั่งกำชับของเขาที่ฟังดูเข้มงวดเผด็จการน่าเกรงขามอย่างเมื่อครู่ มีเพียงแววตาเรียบนิ่งมองตอบกลับมาเท่านั้น ปทุมมามองตอบสายตาของเขาแล้วก็เลื่อนสายตาไปมองของที่ยังเก็บไม่เสร็จเรียบร้อยอีกครั้ง เพราะเธอไม่เคยทำงานค้าง ๆ คา ๆ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน แต่การขึ้นมาบนชั้นนี้ได้ก็คงเป็นคนของบริษัทที่สำคัญคนหนึ่งละมัง ว่าแล้วก็รีบเก็บเช็ดซ้ำอีกทีเท่าที่พอทำได้ ค่อยลากรถเข็นออกไปที่ด้านนอกห้อง รีบเข็นรถตรงเข้าลิฟต์ลงมาที่ชั้นล่างอย่างเดิม หัวหน้าของปทุมมาวางสายลงพอดี เห็นเธอลงมาไวก็มุ่นคิ้วสงสัย
“เสร็จแล้วหรือ ทำไมไวจัง”
“ใครก็ไม่รู้ขึ้นไปชั้นผู้บริหารค่ะ เขาบอกให้บัวลงมา ไม่ให้ไปยุ่มย่ามบนนั้น”
“ใครจะขึ้นไปบนนั้นได้นอกจากผู้บริหาร นี่อย่าบอกนะว่ามาแล้วน่ะ”
ปทุมมามองแล้วยิ้มอย่างไม่รู้จะตอบไปว่าอย่างไรดีเพราะเธอไม่รู้ว่าหัวหน้ากำลังพูดถึงใคร แล้วใครหรืออะไรที่ว่านั่นน่ะมาแล้วจริงไหม แต่ก็น่าจะเป็นชายหนุ่มหน้าขรึมเข้มคนนั้นที่ชั้นบนของผู้บริหารเป็นแน่ที่อีกฝ่ายกล่าวถึง
“จะมาก็ไม่บอกกันเลย”
เสียงทักดังมาจากด้านหลังของเธียร เขาไม่ได้มองทางนั้นด้วยซ้ำเพราะรู้ว่าเป็นน้องชายของเขาเอง ทำเพียงส่งเสียงอือในลำคอแล้วนิ่งไปอึดใจกล่าวเสริมต่อจากนั้นไปว่า
"นิรมิตบอกพี่ว่านางวนเวียนอยู่แถวนี้"
"เอาอีกละ นี่พี่ยังไม่เลิกตามหาผู้หญิงใจร้ายใจดำคนนั้นอีกหรือ ป่านนี้จิตนางดับสูญไปแล้วมั้งครับ"
ภัทรมองพี่ชายตรงหน้าตนที่เป็นใหญ่เป็นโตได้ดิบได้ดีเกินหน้าคนในวงศ์ตระกูล แต่กลับวนเวียนตามหาเมียชั่วที่คิดปลิดชีพตนเองครั้งนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย ก่อนยักไหล่ให้กับพี่ชายตามอย่างที่ได้ฝึกฝนมาตลอดจากซีรีส์สารพัดสัญชาติที่บรรดาเมีย ๆ ของเขาชอบดู แล้วบอกอย่างต้องการเอาใจ
“ผมให้คนขึ้นมาทำความสะอาดบนนี้ นี่ยังไม่ขึ้นมาอีกหรือเนี่ย”
“มาแล้ว พี่ให้ลงไปแล้ว”
“ป้าแกคงตกใจแย่เลยที่เจอดร. เธียร บนนี้น่ะ”
เธียรนิ่งคิดถึงท่าทีของหญิงคนเมื่อครู่ ก็ยังดูไม่เป็นป้าเท่าไร แล้วบอกน้องชายไปว่า “ท่าทางของนางไม่ได้ดูตกใจ”
“ไม่มีกรี๊ดกร๊าดแบบว่า แอร้ย ๆ ดร.เธียรมา ไม่มีอะไรแบบนี้เลยหรือครับ”
เธียรไม่ได้ตอบไปว่าอะไร เขามองของรอบห้อง แล้วตรงไปหยิบจับของบางชิ้นที่ถูกย้ายมาที่นี่อย่างสำรวจตรวจตรา ครอบครัวของเขาคิดย้ายของหลายชิ้นให้ห่างไกลเขา อย่างหินหนาหนักนี่เป็นต้น
คนเป็นน้องมองตามแล้วรีบชวนคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของพี่ชาย "พี่ไม่ควรพูดจาห้วน ๆ แปลก ๆ แบบนี้เลยนะครับ มนุษย์พวกนี้ขี้สงสัย เดี๋ยวจับสังเกตเราได้ว่าเราน่ะเป็นนาคราชมาจากเมืองบาดาล"
ภัทรขยับปากแบบไร้เสียงกล่าวถึงสิ่งที่ตนและคนในครอบครัวเป็นนั้นคืออะไรและมาจากแห่งหนไหน ก่อนบอกต่อด้วยท่าทางร่าเริง “ผมชอบชีวิตแบบนี้มาก ๆ เลยนะครับพี่ อิสรเสรี เพียงสร้างของที่ดูมีราคาขึ้นมาประดับร่างกายเพียงเท่านี้ก็ได้รับการยกย่องเยินยอจากคนทั่วไปแล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ ก็ชอบมองจากภาพภายนอกเสียด้วยสิ” ภัทรชี้นิ้วไปตามท่อนแขนกำยำแล้วหยุดลงที่ตรงข้อมือ นาฬิกาเรือนหรูรุ่นใหม่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงข้อมือของตนเอง ก่อนชี้นิ้วไล่ไปตามลำตัว เสื้อผ้าก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นแบรนด์เนมคอลเล็กชันล่าสุดในนาทีต่อมา