หากแต่อีกด้านหนึ่งกำลังตกอยู่ในความตึงเครียด เมื่อหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง พวกลูกน้องของเสือหมอกกลับมาที่ร้านกาแฟในตลาด รอหญิงสาวจนค่ำมืดแล้ว ก็ยังไม่เห็นจะโผล่มาตามนัดเสียที ทั้งหมดจึงรีบกลับขึ้นดอยไปที่หมู่บ้าน ก่อนที่จะร้องบอกประโยคที่สร้างความปวดหัวให้กับเสือหมอกเป็นอย่างมากขึ้นมา
“พี่! นิ่มนวลหาย!”
“หาย!? หายไปได้ยังไง ใครพามันไปไหน!”
“ไม่รู้เลยพี่ ฉันนัดให้มันมารอ มันก็ไม่มา จนฟ้ามืดนั่นละ ฉันถึงรีบกลับมาบอกพี่”
ยิ่งฟังยิ่งปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิมอีก ร้ายกว่านั้น เขารู้สึกเป็นห่วงนิ่มนวลอย่างไรไม่รู้
การเป็นห่วงนั้น แน่ละว่าเรื่องที่หล่อนจะเอาความลับเรื่องที่กบดานของพวกตนไปบอกคนอื่นก็เป็นห่วง แต่ที่ห่วงมากกว่า คือความกลัวว่าหล่อนจะถูกฉุดไปทำมิดีมิร้าย แถวนี้ยิ่งไม่ค่อยเจริญ ผู้คนไม่เยอะ และมีที่เปลี่ยนมากอยู่ด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะจับมือใครดมยาก
“ไปตามหาจนกว่าจะเจอ ถ้าไม่เจอ อย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเอ็งกลับมา!”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวไม่ใช่น้อย พวกลูกน้องเข้าใจว่าคงเพราะเสือหมอกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพวกตน แต่ที่จริงแล้วในใจของเสือหนุ่มเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากกว่าเรื่องอื่นเสียอีก
ยังไงก็ต้องตามตัวหล่อนให้เจอในคืนนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้น ไม่ต้องมีใครได้นอน!
บรรดาชายฉกรรจ์รีบรี่ไปยังรถ หมายจะลงไปที่ข้างล่าง ทว่าแสงไฟเรืองๆ จากหน้ารถที่ส่องมาแต่ไกลของรถขนผักบุโรทั่งก็ปรากฏให้เห็นเสียก่อน เสือหมอกหรี่ตามอง คุ้นว่าจะเป็นรถขนผ่านประจำหมู่บ้านที่เป็นของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งก็ใช่อย่างนั้น เพราะทันทีที่รถมาจอด ฟ้าฮ่ามซึ่งเป็นคนขับก็ลงมายืนบนพื้น กวาดสายตามองคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย แต่ที่ดูจะสงสัยมากกว่าใครเพื่อนก็คือคนที่นั่งรถมากับเขาด้วยต่างหาก พอสองเท้ามายืนมองบนพื้นได้ ก็ร้องถามเสียงใส
“มืดค่ำป่านนี้แล้ว พวกพี่จะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
เป็นเสียงของนิ่มนวลที่สีหน้าดูจะไม่ประสาอะไรเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่เสือหมอกที่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันตาเห็น จากที่เดิมทีก็ดูเครียดอยู่แล้ว ตอนนี้มากขึ้นเป็นทวีคูณจนพวกลูกน้องของเขาได้แต่มองทั้งสองคนสลับกันไปมาโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“แม่ตัวดี…”
ผ่านไปครู่ใหญ่ เสือหมอกถึงได้ส่งเสียงออกมา หากแต่เป็นเสียงคำรามในลำคอที่คล้ายกับพยัคฆ์ครางเตรียมจะขย้ำเหยื่อ นิ่มนวลไม่ทันได้ยิน เดินระริกระรี้เข้ามาใกล้
“ฉันกลับมาช้าไปหน่อย พี่ฟ้าฮ่ามแวะไปขนผักก่อนกลับมาน่ะ เราเข้าบ้านกันเถอะจ้ะพี่ ฉันจะได้…ว้าย!”
พูดยังไม่ทันจบก็ต้องกรีดร้องเสร็จแล้ว เมื่อจู่ๆ เสือหมอกก็กระชากแขนหล่อนเต็มแรง ก่อนจะฉุดลากเข้าบ้าน โดยไม่สนใจเสียงร้องที่ดังไล่หลังมาเลยสักนิด
“โอ๊ย! พี่หมอก ฉันเจ็บนะ!”
หล่อนร้องประโยคเดิมซ้ำๆ มาแทบจะตลอดทาง เข้าบ้านมาได้ ก็ต้องร้องอีกครั้งเมื่อเขาเหวี่ยงร่างบางออกไปตรงหน้าจนเซล้มกระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ยพี่! บอกให้ฉันเจ็บไง พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย”
ยัง…ยังไม่รู้ตัวอีก เห็นสีหน้าของเสือหมอกแล้ว ก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะ
“หรือว่า…”
อยู่ดีๆ นิ่มนวลก็เอะใจขึ้นมา
“พี่จะหึงที่ฉันกลับมากับพี่ฟ้าฮ่าม?”
แต่พอพูดมาอย่างนี้ ก็ราวกับว่าไปสะกิดเส้นความอดทนของเสือหมอกที่ชวนจวนเจียนจะขาดอยู่รอมร่อให้ขาดสะบั้นลงทันตาเห็น
“ทำบ้าอะไรของเอ็ง รู้ไหมว่าคนอื่นเขาวุ่นวายกันแค่ไหน”
“ฉันไปทำอะไรให้พวกพี่?”
“ก็หายตัวไปจากตลาด นัดไม่เป็นนัด แล้วก็กลับมาค่ำๆ มืดๆ กับไอ้ฟ้าฮ่ามนั่นไง!”
“ก็มันเรื่องสุดวิสัย ฉันถูกพวกจิ๊กโก๋ในตลาดมันตามเทียวไล้เทียวขื่อ พวกลูกน้องพี่หมอกไปไหนก็ไม่รู้ คนที่ร้านกาแฟก็ไม่มีใครดูดำดูดีฉันสักคน ดีที่ฉันได้พี่ฟ้าฮ่ามมาช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ฉันคงซวยแน่ๆ”
นิ่มนวลพยายามอธิบาย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ก็เลยถือโอกาสอ่อยให้ฟ้าฮ่ามมันเลยล่ะสินะ”
“อ่อยอะไรกันนะพี่ ฉันมีแค่พี่คนเดียวเท่านั้นละ แล้วดูพูดจาซิน่ะ อย่างกับว่าฉันเป็นเมียพี่ ‘จริงๆ’ อย่างนั้นแหละ”
นิ่มนวลยักคิ้วหลิ่วตา ทำท่าทางทะเล้นเป็นการใหญ่ หล่อนคิดว่าท่าทางแบบนี้จะทำให้คนตรงหน้าอารมณ์ดีขึ้น ทั้งที่หล่อนก็ไม่เข้าใจเลยว่าเขาโกรธเรื่องอะไร
โกรธเรื่องที่หล่อนถูกพวกจิ๊กโก๋มาหาเรื่องหรือ?
หรือว่าโกรธที่กลับมากับฟ้าฮ่าม ไม่ได้กลับกับพวกลูกน้องของเขากัน?
เดาว่าน่าจะเป็นอย่างหนักมากกว่า แต่คิดดูดีๆ แล้วก็ไม่น่าจะใช่ เพราะหล่อนไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนพี่น้อง มีสถานะความสัมพันธ์คลุมเครือบอกไม่ได้ ขนาดหล่อนยัดเยียดความเป็นเมียให้เขา เขายังไม่คิดจะแตะต้องตัวแม้แต่ปลายผมเลย แล้วแบบนี้จะให้หล่อนเข้าใจได้อย่างไรว่าเขาโกรธเรื่องอะไร
ทว่าแทนที่พูดหยอกล้ออย่างนั้นจะทำให้เสือหมอกอารมณ์ดีขึ้น กลับทำให้เขาโมโหฉุนเฉียวมากขึ้นไปอีก ดวงตาคมจ้องมองหน้านิ่มนวลนิ่ง ก่อนจะว่าออกมาสีเข้ม
“อยากมีเมียข้ามากใช่ไหม ได้! งั้นก็ขอให้สมพรปาก!”