“เชิญท่านประธานเลยค่ะ ดิฉันต้องขอตัวค่ะเพราะมีอีกหลายแฟ้มที่ต้องศึกษาเรียนรู้ และดิฉันคิดว่าจะทานที่โรงอาหารค่ะ” แพรไหมยกข้ออ้างขึ้นมาปฏิเสธ
“ไปเถอะ หรือจะให้ผมอุ้มถึงจะไป?” โลเวลล์ขยับเท้ามายืนประชิดเก้าอี้ที่แพรไหมนั่ง เขาจับพนักพิง หมุนเก้าอี้ให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้า จากนั้นก้าวเท้าเข้าไปอีก พลางเท้าแขนกับที่พักแขนของเก้าอี้ กลายเป็นว่าเขาแทบจะคร่อมร่างของเธอไว้ ขนในกายของหญิงสาวลุกพรึ่บ จะลุกหนีก็ทำไม่ได้เพราะด้านหน้าโดนขวาง
“ท่านประธานจะทำอะไรคะ!? คุณถอยไปไกล ๆ เลยนะ” แพรไหมใช้มือดันท่อนแขนของชายหนุ่มให้หลุดออกจากที่วางแขน พร้อมเอ่ยเตือนด้วยเสียงเข้ม แต่โลเวลล์กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย ยิ่งเขายืนตระหง่านค้ำศีรษะ ก็ยิ่งทำอะไรได้ยาก
“ตอนแรกก็ยังไม่คิด แต่พอคุณถาม ผมกลับนึกอยากทำขึ้นมาแล้วสิ ทำอะไรดีน้า…?” ชายหนุ่มถามสีหน้าครุ่นคิดคล้ายต้องการแกล้งเธอเสียให้ได้ พลางยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ กลิ่นกายหอมอ่อนที่โชยกรุ่นออกมาจากร่างนวลเนียนของเธอราวกับจะ ‘ทำเขาสติแตก’
“ขยับออกไปเลยค่ะ นี่มันห้องทำงานนะคะ”
“ห้องทำงานนี่แหละที่ผมอยากลอง” เขาก้มลงไปกระซิบข้างหูพร้อมกับเป่าลมร้อนพ่นใส่ แพรไหมถึงกับขนลุกซู่ ทว่าก่อนจะได้คิดทำอะไร ชายหนุ่มตรงหน้ากลับแนบจูบลงมา โลเวลล์ยังจำได้ว่าเธอหอมหวานแค่ไหน
แพรไหมชะงักไปเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายออกห่าง
“การทำแบบนี้ของท่านประธานถือว่าเป็นการคุกคามทราบไหมคะ คุณเป็นถึงท่านประธาน ขอร้องล่ะค่ะช่วยนึกถึงหน้าตาตัวเองด้วย อีกอย่างจูบห่วยแตกแบบนั้น กรุณาอย่านำมาทำกับดิฉันอีก”
พอได้ยินคำว่าห่วยแตก โลเวลล์กลับมีแรงฮึดทันที ‘กล้าพูดได้ไงว่าจูบของเขาห่วยแตก เขาเป็นนักรักตัวท็อปของอังกฤษเชียวนะ ยายหมากระเป๋าถือดีอย่างไรมาว่าเขาแบบนี้ มันหยามกันชัด ๆ’ ชายหนุ่มอุ้มตัวเธอยกขึ้นนั่งวางบนโต๊ะทำงาน แทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเรียวเพื่อกันไม่ให้เธอทำร้ายเขาได้อีก แขนข้างหนึ่งโอบรัดเอวคอด มืออีกข้างจับยึดท้ายทอยของหญิงสาว รั้งไม่ให้มีสิทธิ์หนีพร้อมกับแนบริมฝีปากลงบนปากอิ่มทันที โดยไม่สนว่าเธอจะประท้วงอย่างไร ครั้นสบโอกาสตอนที่เธอจะเอ่ยก็แทรกลิ้นร้อนซุกซนเข้าไปสำรวจภายใน
แพรไหมถึงกับร้อนวูบวาบในช่องท้อง จูบครั้งนี้แตกต่างจากจูบเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อครู่เป็นจุมพิตที่เพียงใช้ริมฝีปากแตะกัน แต่นี่เขากลับสอดลิ้นเข้าไปในปากของเธอ แพรไหมส่ายศีรษะดิ้นหนีทว่าชายหนุ่มกลับใช้แรงที่เหนือกว่าบังคับให้เธอยอมจำนน เริ่มแรกแพรไหมเหมือนกำลังจะจมน้ำ ครู่ต่อมาถึงได้สัมผัสถึงรสชาติหวานล้ำจนอาการต่อต้านค่อย ๆ แปรเปลี่ยน เธอใช้มือสองข้างขยุ้มคอเสื้อของเขาแน่น ลิ้นน้อย ๆ เผลอตอบสนองเขาไปโดยไม่รู้ตัว
“อ๊า… หวานเหลือเกินสวีตตี้… ผมชอบจูบของคุณ” โลเวลล์ไม่สามารถหยุดได้เลย เขามัวเมาในรสจูบซึ่งไม่ประสีประสาแต่กลับทำให้ตื่นตัว เธอปลุกเร้าอารมณ์ได้ดีกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยผ่านมา มือหนาล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อ หยอกล้อกับเจ้าก้อนกลม ๆ ที่เขาคิดไว้แล้วว่ามันต้องพอดีมือ ปลายลิ้นชื้นดูดเม้มริมฝีปากของเธอ แพรไหมหลับตาพริ้มไปกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับจากโลเวลล์ ท้องไส้ปั่นป่วนและสติเลื่อนลอยเพราะกลิ่นกายของเขา ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแฟ้มซึ่งร่วงตกลงไปที่พื้นพรม
กระทั่งประตูถูกเปิดเข้ามา “เจ้านาย…” เสียงของแทรี่ขาดหายไปฉับพลัน ได้แต่อ้าปากค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า ก่อนหันหลังหนีทันที เขาแค่จะเข้ามาเตือนว่าเลยเวลาอาหารกลางวันแล้ว ไม่นึกว่าจะมาเจอเจ้านายกำลังสานสัมพันธ์อย่างดูดดื่มอยู่กับคุณแพรไหม
“หันกลับไปแทรี่ นายไม่เห็นอะไรใช่ไหม” คนทั้งสองซึ่งกำลังคลอเคลียอิงแอบผละออกจากกันทันควัน เพียงแต่โลเวลล์ยังยืนอยู่กับที่ ใช้ร่างกายสูงใหญ่บดบังร่างของแพรไหมซึ่งก้มหน้างุดกับอกด้วยความอาย ชายหนุ่มโอบกอดร่างสั่นเทาไว้แน่น เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นความงดงามจากร่างกายนี้
“ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยครับ ผมแค่จะมาเตือนว่าเลยเวลาอาหารกลางวันแล้วครับ” แทรี่พูดแล้วรีบเดินหนีออกไปด้านนอกอย่างไม่ต้องให้เจ้านายสั่ง คิดต่อไปอีกว่า หัวขาดแน่ ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกข้องใจสงสัย ปกติเจ้านายจะไม่จิ๊จ๊ะกับผู้หญิงในห้องทำงาน นี่เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงอดทนไม่ได้ ถึงว่าทำไมเจาะจงว่าต้องเป็นแพรไหม เจ้านายเขาต้องรู้จักเธอมาก่อนแน่นอน ว่าแล้วเชียวทำไมถึงให้ส่งคุณแอรินกลับด่วน
หลังจากบานประตูปิดสนิท โลเวลล์จึงเชยคางแพรไหมขึ้น พลางกดจูบลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้งอย่างมันเขี้ยว
“ถอยไปก่อนได้ไหมคะ เพราะคุณคนเดียว คุณแทรี่จะคิดยังไง คงคิดว่าดิฉันใจง่ายเป็นผู้หญิงไม่ดีแน่เลย” หญิงสาวต่อว่าเขา
โลเวลล์อุ้มเธอลงจากโต๊ะ โดยปล่อยให้แพรไหมยืนเองแต่ขาเจ้ากรรมกลับอ่อนยวบลงจนชายหนุ่มต้องกอดพยุง “แทรี่จะไม่พูดเรื่องของคุณ คุณไม่ต้องกังวลนะสวีตตี้ จัดเสื้อผ้าของคุณซะ ผมจะพาไปทานข้าว”
“ไม่เอาค่ะ ขอทานที่นี่ได้ไหมคะ จะให้ออกไปในสภาพนี้ได้ไง” เธอตัดพ้อด้วยท่าทีแง่งอน ต่างจากเมื่อหลายนาทีก่อนโดยสิ้นเชิง ใบหน้างอง้ำกับเสียงอ่อนหวาน
ส่งผลให้น้ำเสียงยามตอบกลับของเขาอ่อนลงโดยปริยาย “ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นคุณเข้าไปใช้ได้ ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้”
แพรไหมเดินไปที่ห้องน้ำอย่างว่าง่าย หลังจากเห็นตัวเองในกระจก เธอนึกอยากจะกรีดร้องดัง ๆ เนื่องจากบนร่างกายมีรอยจ้ำที่โลเวลล์ฝากไว้กระจายไปทั่ว ผู้ชายบ้า! หื่นกาม! เพิ่งเจอหน้ากันแค่สองครั้ง คุณกลับฝากร่องรอยไว้บนร่างกายฉันมากถึงขนาดนี้ ดูท่าต่อไปคงต้องระวังตัวให้มาก จะได้ไม่พลาดพลั้งอีกเป็นครั้งที่สอง แพรไหมรีบจัดแต่งทรงผมก่อนเดินออกจากห้องน้ำ
ครั้นเดินพ้นประตู ก็เห็นโลเวลล์ยืนรออยู่แล้ว
“แพรไหม”
“คะ?”
“ไปทานข้าวกันเถอะ ผมสั่งแทรี่จัดโต๊ะด้านนอกเรียบร้อยแล้ว” โลเวลล์จูงมือแพรไหมให้เดินตามไปด้วย พลางชวนพูดคุยอย่างอารมณ์ดี
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไรเลยให้แทรี่สั่งมาหลายอย่าง” เมื่อถึงโต๊ะเขาถึงกับเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง หญิงสาวยังมีทีท่าลังเลกระอักกระอ่วน เขาจึงวางมือบนบ่า ออกแรงเล็กน้อยกดตัวเธอให้ทรุดนั่งลง ก่อนพาตัวเองไปนั่งอีกฝั่ง จากนั้นผายมือเชื้อเชิญให้เธอลงมือทานอาหาร
แพรไหมนั่งทานข้าวเงียบ ๆ พยายามไม่มองไปที่เขา ชายหนุ่มก็ไม่ส่งเสียงใดคล้ายไม่อยากตอแยเช่นกัน
เขาไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอทั้งที่เป็นวันแรกของการทำงานร่วมกัน นี่มันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขาไปมาก แน่นอนว่าเขาให้เธอมาทำงานด้วยเพราะความสวยของหญิงสาว ประกอบกับท่าทางเหินห่างแฝงความดื้อรั้น นั่นทำให้เขาถูกใจยิ่งนัก ชายหนุ่มเริ่มเบื่อกับผู้หญิงที่ยินยอมเขาทุกอย่าง ...มันน่าเบื่อเกินไป ไม่ตื่นเต้นเร้าใจแบบยายหมากระเป๋าตัวหอมที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
ตอนที่เธอมารายงานตัวที่ห้องทำงานเมื่อเช้า เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีหวั่นเกรงก็จริง ทว่าท่าทีนั้นก็ดูราวกับจะระวังตัวเป็นพิเศษ อะไรบางอย่างบอกเขาว่า เธอแค่ระมัดระวังตัวไม่ให้โดนจับผิด แล้วก็เป็นตามนั้น เมื่อโดนเขาหยอกเข้าหน่อย เธอก็พองขนส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ
อย่างไรก็ดี โลเวลล์สังเกตเห็นว่านี่ช่างผิดนิสัยของเขาไปมาก ถึงจะเจ้าชู้แต่เขาก็มีหลักการของตัวเอง ปกติเขาจะไม่แตะต้องผู้หญิงในห้องทำงานเด็ดขาด เพราะถ้าเขาหิวเขาจะไปกินที่ห้องซึ่งเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ หรือนี่จะเรียกว่าอาการตกบ่วงหลงใหล ทั้งกลิ่นกายหอมหวนและจุมพิตอันหวานฉ่ำ มิหนำซ้ำเธอน่าจะยังไม่เคยผ่านมือชายคนไหนมาก่อน ดูจากท่าทางที่เธอตอบสนองเขา น่าจะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ต่อไปเขาคงต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่บุ่มบ่ามนัก
“อิ่มแล้วค่ะ ดิฉันขอเดินลงไปข้างล่างได้ไหมคะ จะลงไปดูงานที่แผนกด้วยค่ะ พอดีทำค้างไว้” เสียงพูดของเธอดึงเขาออกจากภวังค์ความคิด
“ได้สิ แต่ให้ไปไม่เกินสามสิบนาทีนะ โอเคไหม”
“รับทราบค่ะ”
แพรไหมรีบออกไปอย่างไว เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ หลังจากพ้นสายตาของชายหนุ่ม เธอจึงก้มลงสำรวจตัวเองอีกรอบเนื่องจากไม่ต้องการให้มีอะไรผิดปกติ หญิงสาวไม่อยากให้มีข่าวลือไม่ดีเสียตั้งแต่วันแรก