'ของเล่น'
"เหอะ.." ฉันทวนคำพูดประโยคนั้น พลางเหยียดยิ้มหยันตัวเองในใจ ความจริงไม่จำเป็นต้องมาย้ำด้วยซ้ำ หากแต่ฉันก็รู้ตัวดีเหมือนกัน
"หน้าซื่อๆ ใสๆ เธอเป็นสเปคไอ้ภาคย์นะ เพียงแต่ว่า ต่อให้มันผ่านผู้หญิงที่ตรงสเปคมากี่คนต่อกี่คน แต่มันก็ไม่เคยหยุดที่ใคร"
"หากคุณพูดเพียงเพราะอยากหยุดหนู หรือไม่ให้หนูหวังสูงคิดไปไกล คุณสบายใจเถอะค่ะ หนูไม่ทำแบบที่คุณคิดอยู่แล้ว"
"หมายความว่าเธอจะยอมเป็นของเล่นของมัน?"
หัวใจของฉันมันสั่น มือเรียวที่กำสายกระเป๋า ถูกบีบเบียดจนแน่นกว่าเก่า กระบอกตามันรู้สึกร้อนผ่าว ฉันเคยผ่านการดูละครมาหลายเรื่อง เคยเห็นฉากคล้ายๆแบบนี้มานับไม่ถ้วน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ ว่าการถูกมองในแง่ร้าย หรือการที่คนอื่นมีความคิดที่เตลิดไปไกลแค่เพียงฝ่ายเดียว มันจะมีผลต่อความรู้สึกคนฟังเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ฉันรู้สึกแบบนั้น
"ก็แค่ของเล่นนี่คะ ทำไมต้องกลัวหนูด้วยล่ะ หนูแค่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย หนูรู้ดี ว่าของเล่นแบบหนูมันไม่มีค่า หากเมื่อไหร่ที่เฮียภาคย์ต้องการเขี่ยหนูทิ้ง หนูก็แค่หายออกไปจากชีวิตของเขาเท่านั้นเอง"
"ยี่สิบล้านใช่ไหมที่เธอต้องการ?"
"..." ฉันรับฟังคำถามนั้น โดยไม่ตอบรับอะไรสักอย่าง
"ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีไอ้ภาคย์ยี่สิบล้าน จากนั้นเธอก็เดินออกจากชีวิตของมันไป!"
ไร้ความรู้สึกดีใจ ตื่นเต้น หรือแม้อะไรสักอย่าง เพียงแค่สงสัย พวกเขารวยมาก จนสามารถใช้เงินยี่สิบล้านกับเล่นๆได้เลยหรือยังไง
"ถ้าโอเค ฉันก็หวังว่าฉันจะไม่พบเธออยู่ที่บ้านของเพื่อนฉันอีกต่อไป"
เขาไม่ได้รอให้ฉันได้ตอบรับสิ่งใดด้วยซ้ำ ร่างสูงโปร่งดูดีก็หมุนกายกลับไป ตามด้วยรถหรูที่วิ่งผ่านหน้าของฉันไป
มือเรียวยกลูบไล้ใบหน้าของตัวเองเบาๆ หากฉันเลือกได้ ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ ไม่เคยรู้สึกดีใจ ที่คนนั้นหรือคนนี้ จะใช้เศษเงินยี่สิบล้านที่พวกเขามี ซื้อฉันเล่นแบบนี้
#บ้านณัฐภาคย์
ฉันกลับมาถึงบ้านของเฮียภาคย์ โดยมีลูกน้องของเขาเป็นคนมารับ หลังจากที่เพื่อนของเฮียภาคย์ผละออกไปเพียงไม่นาน ภายในบ้านว่างเปล่า ไร้เงาของเจ้าของบ้าน หากแต่ทุกคนที่อยู่ภายในบ้าน ดูแลฉันเป็นอย่างดี
"คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษ หรืออยากทานอะไรสั่งดิฉันได้ค่ะ อาหารเย็นบ้านนี้จะทานกันหนึ่งทุ่ม วันนี้คุณภาคย์สั่งไว้แล้วว่าจะไม่กลับมาทานอาหาร หากคุณอยากทานอะไร บอกล่วงหน้าได้เลยค่ะ"
ป้าแม่บ้านคนเดิมพูดกับฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็อย่างว่าแหละ เราไม่ได้รู้จักกันเลย ซ้ำยังเข้ามาอยู่ในบ้านหลังบ้านนี้ด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยน่าฟัง มันไม่แปลก ถ้าหากจะไม่มีใครชอบฉัน
"หนูทานอะไรก็ได้ค่ะ ทุ่มหนึ่ง หนูจะลงมาทานค่ะ"
"ดิฉันถือกระเป๋าให้ค่ะ"
ป้าแม่บ้านยื่นมือออกมาเพื่อขอกระเป๋าจากฉัน แว๊บหนึ่งที่เกิดความสงสัย ทำไมเฮียภาคย์ถึงสั่งให้คนดูแลฉันดีขนาดนั้น หากแต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งคำถาม และเลือกที่จะปฏิเสธออกไป
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูถือเองได้"
"คุณภาคย์คือเจ้านายของดิฉัน สิ่งที่ดิฉันทำ เป็นคำสั่งของคุณภาคย์ ที่สั่งให้ฉันดูแลคุณ"
ฉันกัดปากตัวเองแน่น เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน ปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เพียงแค่คิด ว่าเขาดูแลผู้หญิงของเขาดีมาก แม้กระทั่งฉัน ที่เป็นเพียงของเล่นของเขา เขายังดูแลดีขนาดนี้เลย
"ไม่ต้องปรนนิบัติหนูถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ หากอยากทำให้หนู มีสิ่งเดียวที่หนูอยากจะขอ ขอให้ เมตตาหนูบ้างเท่านั้นก็พอ หนูไม่ได้มาร้าย และหนูก็ไม่ได้มาเพื่อทำร้ายใคร"
ฉันบอกแค่นั้น ก่อนจะผละกายเดินห่างออกมา สิ่งที่ฉันต้องการมันมีเท่านั้น มันมีเพียงเท่านั้นจริงๆ
แกร๊กก~
เสียงปลดล็อคประตู ทำให้ฉันที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา หันไปหาที่ต้นเสียงทันที ประตูห้องนอนของฉันถูกผลักเข้ามา ก่อนที่ร่างสูงของเฮียภาคย์จะเป็นฝ่ายเดินเข้ามา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แม่บ้านพึ่งจะบอกฉัน ว่าเขาอาจกลับดึก
ฉันสบตากับดวงตาคมเฉียบนิ่ง ขายาวภายใต้กางเกงยีนส์ยี่ห้อดีสีดำ ขยับตรงมาที่ฉัน นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกช้าๆ เลยเป็นฉัน ที่เป็นฝ่ายขยับเข้าไปสานต่อในสิ่งที่เขาทำ
เพียงเพราะคิดว่า มันเป็นหน้าที่ ที่ฉันควรทำ
"หนูช่วยค่ะ"
ไร้คำตอบ ที่ดังออกมาจากปากของเขา ฉันวางมือลงบนอกแกร่ง ก่อนจะลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกช้าๆ ความเงียบเข้าปกคลุม จนเราได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
"อาบน้ำพร้อมกันไหม"
คำถามที่ถูกขับออกมาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ฉันช้อนสายตาไปมองที่ใบหน้าคมคายทันที เห็นว่า เฮียภาคย์มองมาที่ฉันเช่นกัน
"ถ้าเฮียภาคย์อยากให้หนูอาบด้วย หนูก็จะอาบค่ะ"
ฉันบอกออกมาเสียงสั่น เป็นเวลาเดียวกับที่สาบเสื้อหลุดออกจากกัน จากนั้นฉันจึงเลือกที่จะถอดเสื้อเชิ้ตราคาแพงออกจากเรือนร่างสมส่วนกำยำ เผยให้เห็นแผงอกขาว มีรอยสักสวยงามทั้งแถบอกซ้าย ฉันเผลอมองร่องรอยศิลปะเหล่านั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเหมือนอีกคนจะจับได้พอดี
เขาคว้ามือของฉันไปจับเอาไว้ ก่อนจะวางทาบที่บนรอยสักของเขา
"เป็นเด็กดีแบบนี้ เอาอะไรเป็นรางวัลดี"
ฉันเลือกที่จะหลบสายตา และคิดหาคำถามใหม่ หลีกเลี่ยงในสิ่งที่เขาพึ่งจะพูดมันออกมา เพราะฉันไม่ได้รู้สึกดี กับการที่ตัวเองทำอะไรถูกใจเขา แล้วเขาต้องตอบแทนฉันด้วยสิ่งของทุกครั้ง
"กว่าจะได้รอยนี้มา เจ็บหรือเปล่าคะ?"
ครู่หนึ่งที่เขานิ่งไป แต่สุดท้ายก็ให้คำตอบออกมา
"หนึ่งเดือน ที่สร้างรอยนี้ คิดว่าเจ็บหรือเปล่าล่ะ?"
"คงจะเจ็บน่าดูเลยนะคะ"
เขาคลี่ยิ้มออกมา ตอบรับคำพูดของฉัน ก่อนที่ท่อนแขนแกร่ง จะตวัดรอบเอวของฉันเข้าไปกอด
"ไม่เจ็บหรอก ฉันเห็นคู่รักหลายๆคู่ มักแสดงความรักโดยการสักชื่อคนรักไว้บนร่างกายกันทั้งนั้น เธอล่ะ อยากสักชื่อของฉันไว้บนตัวเธอหรือเปล่า?"
"หากเฮียภาคย์อยากให้หนูทำ หนูก็จะทำ แต่หากถามความรู้สึกของหนู หนูไม่อยากทำแบบนั้น เพราะเราไม่ใช่คนรักกัน"
ร่างของฉันถูกกระชากเข้าหาทันทีที่จบคำนั้น ริมฝีปากบาง ฉกปิดลงมาช่วงชิงลมหายใจของฉัน ความรุนแรงของการกระแทกริมฝีปาก บวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ริมฝีปากที่แห้งผาด แตกแห้งขึ้นมาทันที
หัวใจดวงน้อยเต้นถี่ เมื่อเขาสอดปลายลิ้นร้อนเข้ามาตวัดชอกชอนในปาก ฉันหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และใช้จังหวะที่เขาถอนจูบออกไป พูดบางอย่างออกมา
"เฮียภาคย์รู้หรือเปล่าคะ ว่าวันนี้หนูเจอใครมา"
เขาลากปลายจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว ไม่ได้สนใจคำถามของฉันสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางขบเม้มเบาๆที่ต้นคอของฉัน ก่อนที่เขาจะกดร่างของฉันลงกับเตียงอีกครั้ง
มือหนาเคลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาอย่างร้อนรน จนเป็นตัวฉัน ที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง
"คุณธีรดลย์ไปหาหนูที่มหาลัย!"
คำพูดของฉัน ทำให้เฮียภาคย์ชะงักไปทันที มือหนายกสางผมตัวเองลวกๆ ความหงุดหงิดฉายชัดที่ดวงตาคู่นั้น
"มันพูดอะไร?"
"เขาอยากให้หนูเลิกกับเฮียภาคย์ค่ะ เขาบอกว่าหนูใช้ร่างกายแลกเงิน แต่หนูไม่เถียงหรอกนะคะ เพราะหนูทำแบบนั้นจริงๆ แล้วที่หนูบอกกับเฮียตรงๆ เพราะหนูเพียงอยากถาม หากเพื่อนของเฮียอาสาใช้หนี้เฮียแทนหนู เพราะต้องการให้หนูเลิกกับเฮีย เฮียจะปล่อยหนูไปหรือเปล่า?"
ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบคำถามของฉัน เสียงการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เฮียภาคย์ผละห่าง เพื่อคว้าสมาร์ทโฟนหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ เขามองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเพียงไม่นาน ก่อนจะยัดมือถือเครื่องนั้น ลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตามเดิม
"มันเสนอเงินยี่สิบล้านให้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนในเรื่องอะไร?"
น้ำเสียงของเขาดุดันจนฉันรู้สึกได้ แต่ฉันก็ต้องข่มความรู้สึกกลัวนั้นเอาไว้ แล้วปฏิเสธออกไป
"หนูไม่ทราบข้อเสนอของเขา เพียงแต่หนูอยากทราบ ว่าหากเขาใช้หนี้แทนหนู เฮียภาคย์จะปล่อยหนูไปหรือเปล่า"
"ฉันลงทุนด้วยเงินยี่สิบล้าน แน่นอนว่าฉันหวังกำไร ไม่ได้ต้องการเงินยี่สิบล้านไม่ขาดไม่เกินนี่คืน แล้วกำไรของเงินจำนวนยี่สิบล้านที่ออกจากกระเป๋าของฉัน ก็คือเธอ"
เขาทิ้งร่างลงมาทาบทับที่ตัวฉันอีกครั้ง แขนข้างหนึ่งใช้รั้งน้ำหนักตัวเองเอาไว้ และใช้มืออีกข้าง เกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของฉันอย่างใจเย็น แต่ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับน่ากลัว
"เมื่อกี้มีเงินจำนวนยี่สิบล้าน เข้ามาในบัญชีของฉัน คาดว่าจะเป็นเงินของไอ้ดล ที่ใช้หนี้แทนเธอ"
"..." ฉันเงียบ ไม่ตอบรับสิ่งใดออกไป ยอมรับว่าหัวใจสั่น รับรู้ได้ว่า น้ำเสียงของเขาออกจะดุดันมากเกินไป
"เธอล่ะ เธออยากไปจากฉันหรือเปล่า?"
ดวงตาคมเฉียบ เลื่อนมามองสบตากับฉัน หลังจากที่เขาเอ่ยคำนั้น ฉันผ่านการใช้ชีวิตในโลกนี้ มาตั้งยี่สิบสี่ปี แน่นอนว่าสิ่งที่เขาแสดงมันออกมาผ่านทางสีหน้า ฉันเข้าใจดี
"เฮียภาคย์คือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยหนู ช่วยเหลือพ่อของหนู หนูไม่ไปจากเฮียภาคย์หรอกค่ะ หากต้องไป แล้วให้ไปอยู่กับคนอื่นแทน หนูจะอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ที่เฮียให้หนูอยู่ อยู่เพื่อเป็นกำไรในส่วนของเงินยี่สิบล้านที่เฮียเสียไป อยู่เพื่อเป็นของเล่นก็ได้ อะไรก็ได้ ขอแค่เฮียทำตามที่รับปากกับหนูเอาไว้ ดูแลพ่อหนูแทนหนู จนถึงวันที่หนูมีปัญญาใช้หนี้ หรือวันที่เฮียภาคย์ไม่ต้องการผู้หญิงไร้ค่าคนนี้ หนูถึงจะไปจากที่นี่.."
หยดน้ำตาของฉันหลั่งไหล ในจังหวะที่เขาประกบริมฝีปากลงมา ไม่ใช่ว่าฉันอยากอยู่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไป แต่หากเดินออกไป แล้วต้องไปเจอกับเหตุการณ์และสถานการณ์เก่าๆ มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการที่ฉันอยู่กับเขา
เด็กคนหนึ่ง หากติดของเล่น ก็คงติดได้ไม่นาน หากเขาจะติดของเล่นแบบฉัน มันก็คงไม่นานเช่นกัน
อาจจะใช้เวลาไม่นานด้วยซ้ำ เขาคงเบื่อ และคืนอิสระภาพให้ฉันดังเดิม