คนของเฮียภาคย์ กดดันฉันทางสีหน้าและแววตา ก่อนจะพาฉันมาหยุดที่รถหรูคันหนึ่ง เขาผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปนั่งในรถหลังจากที่ประตูรถถูกเปิดกว้าง ก่อนที่ป้าแม่บ้านจะตามหลังออกมา พร้อมกับยื่นกระเป๋าสะพาย และโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ที่เจ้านายของพวกเขาให้ฉันเมื่อตอนก่อนหน้านั้นมาให้
"คุณภาคย์ให้ไปส่งเธอที่มหาลัยเลย"
กระเป๋าและกล่องโทรศัพท์มือถือ ถูกผู้ชายที่ยืนอยู่กับฉันในตอนแรกเอื้อมมือไปคว้ามาถือเอาไว้ ก่อนที่ป้าแม่บ้านจะหมุนกายเดินกลับออกไปทางเดิม
"ขึ้นรถเถอะครับ ผมมีงานที่ต้องไปทำเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไปเองได้!"
ฉันเอื้อมมือไปคว้าประเป๋าสะพายของตัวเองมาถือเอาไว้ และรับกล่องสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ติดมือมาด้วยเช่นกัน
"แต่ไปส่งคุณที่มหาลัย ก็เป็นงานของผมเหมือนกัน"
"..." ฉันมองไปที่เจ้าของคำพูดทันทีที่เขาบอกแบบนั้น
"หากรู้สถานะของตัวเองดี ก็ไปขึ้นรถเถอะครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจ"
สถานะงั้นเหรอ ฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น แม้ผู้ชายที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเฮียภาคย์คนนี้ จะไม่เอ่ยออกมาตรงๆ หากแต่ฉันก็พอรู้ ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
#บนรถ
ครืดด~ ครืดด~
เสียงสมาร์ทโฟนของคนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับ ส่งผลให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ก่อนจะเหลือบตาไปมองเขาเพียงนิด ซึ่งฉันเห็นว่า เขาปรายตามามองที่ฉันเช่นกัน
"ครับนาย"
"..."
"ได้ครับ"
คำพูดประโยคสั้นๆ ถูกหลุดออกไป ก่อนที่เขาจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ฉัน แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เขาทำ มันก็ไม่ได้สร้างความสงสัย หรือแม้กระทั่งแปลกใจ เพราะฉันพอจะเข้าใจทุกอย่างดี
"ค่ะ"
ฉันกรอกเสียงไปตามสาย ในขณะที่สายตา จับจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย
(อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกศุภกร บอกได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ)
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันตอบรับออกมาทันที หากแต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือยินดีอะไรมากมาย
(โทรศัพท์มือถือที่ซื้อให้ มีซิมการ์ดอยู่ด้านในเรียบร้อย เบอร์โทรของฉันก็อยู่ในนั้น)
"ค่ะ" เมื่อฉันตอบรับออกมาเพียงประโยคสั้นๆ ปลายสายจึงเงียบไป ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้จะทำแบบไหน เขายังไม่ได้บอกว่าจะวางสาย ฉันก็ไม่กล้าเอาโทรศัพท์มือถือออกจากหูเหมือนกัน
(วันนี้ฉันมีงานต้องทำ อาจจะกลับดึกเหมือนเมื่อคืน เอาเป็นว่าตอนเย็นจะให้ศุภกรไปรับที่มหาลัย เรื่องอาหารเย็นจะมีคนจัดการทุกอย่างให้ ไม่ต้องรอฉัน..)
และครั้งนี้เขาไม่ได้รอให้ฉันตอบรับด้วยซ้ำ สายสนทนาก็ถูกตัดไป
ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ของอีกคนทันที
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในตัวรถ รถหรูยังแล่นเข้าสู่เส้นทางที่ไปมหาลัย สิ่งที่เขาทำ และสิ่งที่เขาให้ ไม่ได้แตกต่างจากฉันเป็นผู้หญิงของเขา ผู้หญิงที่เขาจะยกไปวางที่ตรงไหนก็ได้ มีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ ฉันพอดูออก ว่าผู้ชายคนเมื่อเช้า ที่เราเจอกันครั้งแรกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เขามีปัญหาในเรื่องของฉัน แม้เขาจะไม่ผิดที่จะคิดอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ความจริงลึกๆในใจแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงที่ดูไร้ค่าขนาดนั้น
"ส่งฉันหน้ามหาลัยก็ได้ค่ะ ฉันจะเข้าไปเอง"
"คุณกำลังคิดจะไปที่ไหน?"
คำถามของศุภกร ทำให้ฉันชะงักไป มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายแน่น พลางมองสบตากับอีกคนตรงๆ
"ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไปที่อื่นเหรอคะ?"
"อย่าออกนอกลู่นอกทางเลยครับ เจ้านายไม่ชอบคนแบบนั้น"
"แต่คุณก็มาส่งฉันที่หน้ามหาลัย ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไปที่ไหน"
"คุณอาจจะไม่เคยรู้ ว่าคุณโกหกไม่เก่ง และคุณก็อาจจะไม่เคยรู้ ว่าไม่มีใครโกหกเจ้านายของผมได้ ผมอยู่กับคุณภาคย์มานาน ผมมองคนออก เหมือนที่คุณภาคย์มองออกเช่นกัน!"
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินแบบนั้น พอดีกับรถหรู ที่เคลื่อนมาจอดที่มหาลัย หน้าคณะที่ฉันเรียนอยู่พอดี
"เฮียภาคย์ให้คนไปสืบเรื่องของฉัน?"
"นายลงทุนกับคุณไปยี่สิบล้าน หากเจ้านายของผมจะอยากรู้เรื่องของคุณ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา"
หัวใจของฉันสั่นระรัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ยี่สิบล้าน เพราะเงินยี่สิบล้านนั่นแหละ ที่ทำให้เธอและเขามาเจอกัน
"ปกติเฮียภาคย์ลงทุนกับผู้หญิงแบบนี้ประจำเหรอคะ?"
ฉันเพียงแต่ถามออกมา จริงๆไม่ได้หวังที่จะรับฟังคำตอบด้วยซ้ำ
"นายไม่จำเป็นต้องลงทุนกับผู้หญิงคนไหนด้วยซ้ำ คุณเป็นผู้หญิงคนแรก ที่เจ้านายของผมกล้าลงทุน"
"เพราะอะไรเหรอคะ?"
คราวนี้ฉันสนใจขึ้นมา ก่อนที่เราจะสบตากันผ่านกระจกมองหลัง
"เพราะคุณโชคดีมั้งครับ"
เป็นคำตอบที่ฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ ในขณะที่ฉันกำลังประมวลคำถาม ว่าควรถามคำถามไหนถัดจากนั้น อีกคนก็เป็นฝ่ายพูดมันขึ้นมา
"แม้คุณจะต้องมาเป็นผู้หญิงของเจ้านายผมเพราะเงิน แต่ระหว่างที่คุณเป็นผู้หญิงของคุณภาคย์ ไม่มีใครกล้าแตะต้องคุณทั้งนั้น ทำทุกอย่างที่เจ้านายของผมต้องการ ชีวิตของคุณมันจะดีเอง!"
ฉันคว้ากระเป๋าสะพายมาแนบลำตัวเอาไว้ ก่อนจะแกะสมาร์ทออกมาจากกล่อง เก็บเพียงสมาร์ทโฟนที่เขาซื้อให้เอาไว้ และวางกล่องของมือถือไว้ที่ตำแหน่งเดิม ก่อนจะก้าวขาลงจากรถทันที
ในดวงตาของฉันในตอนนี้ คงจะเก็บความรู้สึกอะไรหลายๆอย่าง เหมือนหัวใจของฉันที่กำลังแบกรับ ฉันรู้ดี ว่าหน้าที่ของฉัน คือทำทุกอย่างแบบที่คุณณัฐภาคย์ต้องการ เฉกเช่นเมื่อคืนนั่นแหละ ที่เขาทำกับฉัน ฉันก็ต้องยอมให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน
#ตอนบ่าย
หลังจากที่ฉันหมดคลาสเรียน และกำลังเดินลงมาจากคณะพร้อมเพื่อนอีกสองคน สายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับคนบางคน ที่มองมาที่ฉันอยู่เช่นกัน
"แยกกันตรงนี้นะ พอดีฉันจะไปธุระที่อื่นต่อ"
"อ้อ เครๆ งั้นค่อยเจอกันนะ"
ฉันยิ้มกลับไปพร้อมกับพยักหน้าให้ ก่อนที่เพื่อนของฉันจะแยกออกไป ส่วนฉันก็เดินตรงไปหาคนที่ยืนพิงรถ ที่กำลังมองมาที่ฉันแทน
"มีธุระกับหนูเหรอคะ?"
ฉันร้องถาม พร้อมกับมองสบตา ฉันจำผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันในตอนนี้ได้ เขาคือผู้ชายคนเดียวกัน กับที่ฉันเจอที่บ้านของเฮียภาคย์ถึงสองครั้ง
"ฉันชื่อธีรดลย์ เป็นเพื่อนสนิทของไอ้ภาคย์!"
"สวัสดีค่ะ!"
เมื่อเขาแนะนำตัวแบบนั้น ฉันจึงยกมือไหว้เขาทันที
"ฉันไม่ได้อยากรับไมตรี แต่ฉันอยากให้เธอแนะนำตัวเอง ว่าเกี่ยวข้องกับเพื่อนฉันแบบไหน แบบที่ฉันพึ่งแนะนำตัวกับเธอไป"
"..." ฉันเลือกที่จะเงียบ ยอมรับว่ากำลังเรียบเรียงคำตอบในใจ
"หอบเสื้อผ้าไปอยู่ที่บ้านของมัน คงสำคัญน่าดูเลยใช่ไหม"
"หนูแล้วแต่เฮียภาคย์ค่ะ แล้วแต่ว่า เฮียภาคย์จะวางหนูไว้ตรงจุดไหน"
"หึ.. งั้นเหรอ"
ฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น เมื่อดวงตาคมเฉียบตวัดมองที่เรือนร่างของฉันอย่างเย้ยหยัน
"มันบอกกับฉันว่าเธอเป็นแค่ของเล่น เล่นเบื่อเมื่อไหร่ จะเขี่ยทิ้งทันที!"
หัวใจของฉันเต้นถี่ มันกระตุกแปล๊บ คล้ายถูกบีบรัดอย่างรุนแรง มือเรียวกับสายกระเป๋าสะพายของตัวเองแน่น แต่ก็ยังมองสบตากับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตรงๆ
"บางครั้ง คนเราก็ควรมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้ พอดีว่าฉันมีน้องสาว บางทีการที่เห็นเด็กผู้หญิงที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวของฉัน เอาตัวเองมาเป็นของเล่นของผู้ชาย มันก็ทำให้รู้สึกทนไม่ได้"
"หนูไม่ได้อยากทำตัวแย่ หรืออยากให้ใครมองแย่ๆในมุมลบๆแบบนั้น หนูแค่มีเหตุผลของหนูเหมือนกัน"
"พ่อติดการพนัน ไอ้ภาคย์เป็นคนใช้หนี้ให้ ก็เลยใช้หนี้มันกลับด้วยร่างกาย"
ฉันรู้สึกชาวาบไปทั้งกาย กระบอกตาร้อนผ่าว แต่ฉันก็ยังเลือกมองสบตากับเขาอย่างเดิม
"ค่ะ หนูใช้ร่างกายแลกเงิน เพราะนี่คือวิธีที่เฮียภาคย์ต้องการ พ่อหนูเป็นหนี้ แล้วเขาเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรื่องหนี้สินก้อนนี้ให้ มันก็ไม่ได้ต่างจากการย้ายเจ้าหนี้คนใหม่ หนูไม่ได้อยากใช้ร่างกายแลกเงิน หากแต่มันเป็นวิธีที่เจ้าของเงินอย่างเฮียภาคย์ต้องการ หรือแม้นหากว่า เฮียภาคย์ไม่ได้คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่ทีแรก เจ้าหนี้คนเก่า ก็ต้องเอาร่างกายของหนูไปแลกเงินอยู่ดี กำลังกังวลว่าหนูจะรีดไถเพื่อนคุณเหรอคะ หนูไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ"
"แค่คำพูดสวยหรูดูดี ใครๆก็พูดได้ทั้งนั้น ไอ้ภาคย์เป็นเพื่อนรักที่สนิทที่สุดของฉัน มันไม่แปลก หากฉันจะห่วงใยมัน และกลัวว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาทำเรื่องแย่ๆกับมัน"
"ต้องการให้หนูไปจากเฮียภาคย์เหรอคะ?"
ฉันร้องถามออกมา ด้วยหัวใจที่สั่น มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ หากวัดจากสิ่งที่เขากำลังพยายามที่จะพูดมัน
"ถ้าฉันต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เธอจะทำแบบที่ฉันต้องการงั้นเหรอ?"
"ทำสิคะ หนูจะทำแบบที่คุณต้องการ หากวันหนึ่ง หนูและเฮียภาคย์ไม่มีอะไรติดค้างกัน หรือถ้าคุณไม่สบายใจ กังวลว่าหนูจะทำเรื่องแย่ๆแบบนั้น คุณก็ไปบอกเฮียภาคย์ ให้สั่งให้หนูทำงานแบบอื่นแทนสิคะ งานอะไรก็ได้ หนูทำได้ทั้งนั้น คุณจะได้ไม่ต้องมาดูถูกกัน!"
ธีรดนย์ยกยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"ฉันคงไม่มีปัญญาไปบอกมัน แต่ฉันจะบอกเธอด้วยความหวังดี ว่าการที่ถูกเลือกให้อยู่ในสถานะแบบนี้ เขาไม่เรียกว่าโชคดี ของเล่นของผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็น!"