ตอนที่ 2 หน้าที่ภรรยา
“เจ้าไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยามาหลายวันแล้วเจินเอ๋อร์”
ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอหญิงสาว ชายหนุ่มกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์รักที่ยากจะหยุดยั้ง เขากดริมฝีปากลงบนแก้มขาวเนียนก่อนจะลูบไล้สะโพกผายอย่างเบามือ หลี่เจินตัวเกร็ง มือบางกำสาบเสื้อสามีแน่นจนยับยู่
“ถ้าเจ้าเกร็ง เจ้าจะเจ็บ”
เขาเตือนหญิงสาวด้วยความหวังดีเพราะครั้งที่ผ่านๆมา หลี่เจินมักจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าใดนัก หากนางยังเป็นเช่นนี้ ตัวนางเองนั่นแหละที่จะไร้ความสุขยามอยู่บนเตียง
อี้เยว่ฉีพยายามอ่อนโยนกว่าทุกๆครั้ง เพราะยามนี้นางกำลังตั้งครรภอ่อนๆ ถือว่าอยู่ในช่วงอันตราย ชายหนุ่มคลึงหน้าอกนุ่มที่ยามนี้ขยายใหญ่อวบอิ่ม หลี่เจินกัดปากแน่นแต่สุดท้ายก็ไม่อาจห้ามความรู้สึก เสียงครางหวานเล็ดลอดออกไป ทำให้มังกรยักษ์เริ่มผงาดจนนางนึกกลัว นางยังจำบทรักที่สามีมอบให้ได้ทุกกระบวนท่า สิ่งนั้นทำนางเจ็บระบมไปหลายวันในคราแรก และในครั้งถัดมานางก็ยังไม่ชินชากับความเจ็บนั้นเสียที
“อย่าเกร็ง ฮูหยินของข้า”
เขายังจำวันแรกที่เขาทำลายความบริสุทธิ์ของนางได้ คืนนั้นนางร่ำไห้ไม่หยุด ใบหน้าที่ฉายความเจ็บปวดแทบขาดใจไม่อาจหยุดยั้งราคะของเขาได้ นางทั้งบริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั้งตัว ความหอมหวานของหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจยั้งใจให้อ่อนโยน
คืนนั้นเขาทั้งดุดันและเร่าร้อน
เป็นเหตุให้เช้าวันรุ่งขึ้นนางล้มป่วยลงจนแทบจะลุกขึ้นเดินเองไม่ได้
“ท่านพี่ ข้า…”
หลี่เจินดันแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม สาบเสื้อที่แหวกอยู่ทำให้นางเห็นขนหน้าอกที่ช่างดูยั่วยวน เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางหลบสายตาร้อนแรงของสามีก่อนจะลดมือลง อี้เยว่ฉีกระตุกยิ้มก่อนปลดอาภรณ์ตนโยนไปข้างเตียง นิ้วมือเรียวยาวสอดเข้าไปในช่องทางรักที่เปียกชุ่ม
ช่างเป็นสัญญาณที่ดี
หากมีอารมณ์ร่วม หลี่เจินคงเจ็บน้อยลงหรืออาจจะไม่เจ็บเลย หญิงสาวสะดุ้งหลับตาแน่นยามที่ช่องทางรักถูกชายหนุ่มรุกราน อี้เยว่ฉีสูดลมหายใจลึกยามที่ความเสียวซ่านตีตื้นขึ้นมา เขาค่อยๆขยับสะโพกอย่างช้าๆและคลอเคลียข้างแก้มนางไปด้วย
“อื้อ”
หลี่เจินกัดปากแน่น นางกำลังถุกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งราคะเต็มตัว จนสูญเสียความเป็นตัวเองไปเสียแล้ว อี้เยว่ฉีมองผมยาวสลวยที่แผ่สยายไปทั่วผืนเตียง ภรรยาของเขาช่างงดงามถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน
“ข้าไม่ไหวแล้ว”
หญิงสาวบีบรัดเขาราวกับจะฆ่ากันให้ตาย เพียงชั่วครู่นางก็เกร็งไปทั้งตัวก่อนจะอ่อนแรงลง
ค่ำคืนนั้นอี้เยว่ฉีไม่อาจข่มตาหลับ ต่างจากหลี่เจินที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขานั่งพิงหัวเตียงมองภรรยาที่หลับใหลอยู่ข้างๆ ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอ่าน ครั้งหนึ่งในชีวิตชายหนุ่มเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นขุนนาง มีตำแหน่ง มีเงินมีทอง แต่ฐานะในยามนั้นแค่บัณฑิตเขาก็ไม่อาจเอื้อม ความฝันอันยิ่งใหญ่เป็นอันต้องสะดุดลงเพราะฐานะอันต้อยต่ำ ทั้งยังสูญเสียท่านตาผู้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวไปอีก เขาจึงต้องดิ้นรนหนัก
คราแรกเขาไปรับหมูมาขาย เริ่มจากเดินเร่ขายตามบ้าน ต่อมาเมื่อมีทุนรอนจึงตั้งแผงขายหน้าหอนางโลม นานวันแผงหมูของเขาก็มีลูกค้าประจำ แต่ทว่ายิ่งขายดีเถ้าแก่โรงเชือดก็ยิ่งขายหมูให้เขาแพงมากขึ้น แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจสร้างเล้าหมูเล็กๆ เริ่มจากเลี้ยงหมูสองตัว เชือดเอง ขายเอง กำไรก็มากขึ้น เงินเก็บก็พอกพูน
เขาสินใจซื้อที่ดินผืนเล็กๆใกล้เมืองหลวง เพื่อสร้างเล้าหมูสำหรับรองรับหมูนับสิบตัว ชายหนุ่มนับว่าเป็นคนที่มุ่งมั่น ขยัน อดทน ทั้งยังรูปงาม ทำให้มีนางโลมมาติดพันหลายนาง
ไม่เว้นแม้แต่กุ้ยฟาง นางโลมอันดับหนึ่ง
เขายอมรับว่าในยามนั้นเขาเองก็หลงชื่นชอบนาง เคยมัวเมาถึงขั้นหอบเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปไถ่ตัวนาง แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาเพียงเพราะว่าในยามนั้น มีคุณชายตระกูลใหญ่มาติดพัน อีกทั้งคุณชายผู้นั้นยังให้คำมั่นว่าจะมาไถ่ตัวนางไปเป็นภรรยา พ่อค้าขายหมูกับคุณชายตระกูลใหญ่ ฐานะต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ เขาจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้
ชายหนุ่มเดินคอตกกลับบ้าน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินข่าวว่าคุณชายผู้นั้นได้มีวาสนาเป็นถึงราชบุตรเขย ส่วนกุ้ยฟางก็ถูกทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย เป็นเหตุให้หญิงสาวตรอมใจจนปล่อยตัวทรุดโทรม ไม่เหลือเค้าโครงความงดงามของนางโลมอันดับหนึ่ง สุดท้ายเมื่อนางหมดประโยชน์ก็ถูกแม่เล้านำไปทิ้งไว้ข้างทางนอกเขตเมืองหลวง ส่วนชะตากรรมของนางต่อจากนั้นจะเป็นเช่นไรเขาไม่อาจรู้ได้
อี้เยว่ฉีหยิบสร้อยไข่มุกที่เขาเพิ่งได้มาจากร้านขายเครื่องประดับใหญ่ ก่อนจะเก็บลงกล่องและสอดไว้ใต้หมอนของหลี่เจิน นับตั้งแต่แต่งงานกับนาง ทุกครั้งที่เห็นเครื่องประดับสวยงามเขาก็อดที่จะซื้อไม่ได้ แม้นางจะไม่ค่อยหยิบมาสวมใส่เท่าใดนัก แต่เขาก็แอบเห็นนางนำมาเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ แสดงให้เห็นว่านางนั้นก็ใส่ใจในสิ่งที่เขามอบให้
เช้าวันต่อมา อี้เยว่ฉีรีบเดินทางไปยังโรงหมูแต่เช้าเพื่อรอต้อนรับพ่อค้าที่จะนำหมูมาส่ง ส่วนหลี่เจินหลังจากตื่นนอนก็พบว่าสามีนั้นได้ไปขนหนังสือมากองไว้ให้นางอ่านนับร้อยเล่ม ส่วนอาหารบำรุงครรภ์ก็ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อย หญิงชราเดินเข้ามาพร้อมยาบำรุงและเทียนหอมก่อนเอ่ยขึ้น
“นายท่านเป็นคนสั่งให้พวกเราเตรียมทุกอย่างให้ฮูหยิน นายท่านเกรงว่าฮูหยินจะเบื่อหน่าย จึงให้บ่าวไปเหมาหนังสือมาให้เจ้าค่ะ”
หลี่เจินรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางยอมรับว่าอี้เยว่ฉีเป็นสามีที่ดี แม้เขามักจะดุและชอบบังคับนาง แต่เขาก็ดูแลนางไม่ขาดตกบกพร่อง หลังจากมื้อเช้าผ่านไป หลี่เจินก็ออกไปเดินเล่นหน้าเรือน นางหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีบ่าวรับใช้อยู่แถวนี้ นางจึงหยิบถ้วยเล็กๆมาตักน้ำเพื่อรดแปลงดอกไม้ที่นางปลูกเอาไว้
“ฮูหยินเจ้าคะ”
หลี่เจินสะดุ้งรีบซ่อนถ้วยนั้นไว้หลังโขดหินเล็กใกล้ตัว
“มีอะไรหรือท่านป้า”
“พี่สาวฮูหยินมาขอพบเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ศาลาริมน้ำ”
พี่น้องงั้นหรือ ช่างเป็นคำที่ฟังแล้วไม่คุ้นหูเสียจริง หลี่เจินถอนหายใจยาวก่อนจะตรงไปหาบรรดาพี่น้องที่นั่งจิบชาอยู่ในศาลาริมน้ำ หลี่จินจินและหลี่เจียวมองน้องสาวต่างมารดาก่อนจะสบตากัน เครื่องประดับราคาแพงที่ประดับอยู่บนร่างกายของหลี่เจิน ทำให้พวกนางร้อนรุ่มไปด้วยไฟริษยา
ผู้ใดจะไปคิดว่าคนขายหมูผู้นั้น แท้จริงเป็นถึงเศรษฐีกันเล่า หากรู้เช่นนี้หลี่จินจินคงไม่แต่งเข้าจวนตระกูลตกอับอย่างตระกูลหวงหรอก น่าเจ็บใจนัก
ด้านหลี่เจียวเองก็ไม่ต่างจากพี่สาว นางแต่งเข้าจวนอ๋อง ยามนี้มีฐานะเป็นถึงพระชายา แต่ทว่านางกลับไร้ซึ่งความสุขสงบ ท่านอ๋องลุ่มหลงในกามารมณ์ มีอนุมากมายเต็มจวน แต่ละวันนางต้องปวดหัวกับเรื่องราววุ่นวาย อีกทั้งยังต้องทนเห็นพระสวามีโอบกอดหญิงอื่นให้เจ็บช้ำใจ
หากรู้เช่นนี้นางคงเลือกแต่งกับพ่อค้าขายหมูยังดีเสียกว่า
จะว่าไปเรือนแห่งนี้ยังดูโอ่อ่าและใหญ่โตกว้างขวางกว่าจวนอ๋องเสียอีก ยิ่งเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่หลี่เจินใช้ พวกนางก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของน้องสาวต่างมารดาผู้นี้มีฐานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ได้ยินว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
หลี่เจินตอบสั้นๆ แต่ใดมานางไม่ได้สนิทสนมกับคนทั้งสอง จึงไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร หลี่จินจินมองไปรอบบริเวณ ที่นี่ช่างกว้างขวาง มองไปทางใดก็มีแต่ข้าวของมีราคาทั้งสิ้น พลันในใจเกิดความโลภอยากจะได้สิ่งที่ประดับอยู่บนตัวน้องสาวต่างมารดา
“กำไลหยกของเจ้าสวยเสียจริง ข้าขอได้หรือไม่”
หลี่จินจินเอ่ยขอตรงๆอย่างคนเสียมารยาท นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลหลี่ อยากได้อะไรก็ต้องได้ และนางก็เชื่อว่าหลี่เจินต้องไม่กล้าขัดความต้องการของนาง แต่ผิดคาดนอกจากหลี่เจินจะถอดกำไลเก็บเข้าสาบเสื้อแล้ว นางยังเอ่ยปฏิเสธอีกด้วย
“ของสิ่งนี้ ท่านพี่เยว่ฉีมอบให้ข้า ข้าไม่อาจมอบให้ผู้อื่นได้”
หลี่จินจินหน้าชาราวถูกตวัดฝ่ามือใส่ นางลุกพรวดขึ้นก่อนจะกระชากแขนเรียวอย่างแรงและผลักหลี่เจินจนล้มลงไปกองกับพื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่อี้เยว่ฉีเข้ามาเห็นพอดี เขาปราดเข้าไปประคองภรรยา สายตาน่ากลัวตวัดมองหญิงสาวสองพี่น้องตระกูลหลี่
หลี่จินจินเมื่อได้เห็นใบหน้าชายหนุ่มเป็นครั้งแรกก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาช่างรูปงามไม่ต่างจากคุณชายหรือเชื้อพระวงศ์เลย หญิงสาวพลันรู้สึกเสียดาย นางไม่น่าใจร้อนยอมแต่งเข้าตระกูลขุนนางตกอับนั่นเลย หากได้แต่งงานกับชายหนุ่มตรงหน้าป่านนี้คงได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองไปแล้ว
หญิงสาวมัวแต่ชื่นชมรูปร่างหน้าตาชายหนุ่ม โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอี้เยว่ฉีขยะเเขยงต่อสายตาอันน่ารังเกียจนั่นมากมายเพียงใด!