มิ่งขวัญยืนมองชายหนุ่ม คล้ายในดวงตานิ่งๆ มีความอาวรณ์ซ่อนอยู่ ค่อยๆ ก้าวออกจากห้องในเช้าตรู่อีกวัน รู้สึกปวดเมื่อยตัวราวกับมันฉีกขาด ที่สำคัญปวดหนึบตรงน้องน้อย จนแทบก้าวขาไม่ออก เสียสาวเจ็บจี๊ดทุกการขยับ ร่างกายที่มีเสน่ห์อยู่ใต้ผ้าห่ม เธอมองรอยสักรูปพระอาทิตย์นั้น ราวกับจะให้มันสลักอยู่ในความคิด เขายังหลับสนิท ยิ่งทำให้เขาหล่อน่ารักเพิ่มมากขึ้นในสายตาเธอ
เธอตัดใจจากเขาด้วยความเงียบงัน พอมาถึงบ้านยังคงก้าวเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบเช่นกัน พ่อกับแม่แยกบ้านกันอยู่ ตัวแม่ออกงานสังคมไม่มีเวลาทำหน้าที่ภรรยา ทางพ่อเป็นผู้สูงวัยรักสงบ ชอบอยู่บ้านและยิ่งเป็นบ้านสวนพ่อมักจะชอบเป็นพิเศษ ท่านว่าไม่มีคนรบกวน บ้านอยู่แค่รั้วกั้น แต่เหมือนอยู่คนละซีกโลก
“หายไปไหนมาทั้งคืนมิ้ง” เสียงเย็นเฉียบ จากใครสักคนในบ้าน เส้นเสียงระบุอายุวัยชรา เจ้าของเสียงเนิบแม้วัยชรา แต่มีความเกรี้ยวกราดคล่องแคล่วกว่าวัยบั้นปลายชีวิต
“คุณยาย สวัสดีค่ะ” คนก้าวเข้ามาในบ้าน หันไปตามเสียง แล้วกล่าวความเคารพผู้สูงวัย
“จะตอบยายหรือยัง เราไปไหนมา ถึงได้กลับมาเอาป่านนี้” ไม่ว่าเรื่องอะไรยายก็ไม่เคยปล่อยวาง ยิ่งเป็นเรื่องลูกหลานท่านจะใส่ใจเป็นพิเศษ
“เอ่อ...ขวัญค้างที่สนามค่ะ” เธอตอบเพื่อเอาตัวรอด จากความเข้มงวดของยาย
“ยายเคยขอแล้วนี่เรื่องนี้ ทำไมมิ้งไม่เชื่อฟังยาย เอาเวลาทำเรื่องไร้สาระ มาบริหารงานแทนยายไม่ดีกว่าหรา”
“มิ้งก็ทำอยู่นี่ไงคะ แต่เรื่องนี้มิ้งขอเถอะค่ะ มีเรื่องเดียวที่ทำให้มิ้งมีความสุข”
“มิ้งจะกลุ้มอะไรนักหนา”
“เรื่องเดิมๆ ที่มันไม่เคยหายไปเลยค่ะ”
“พ่อกับแม่ เขามีวิถีชีวิตของเขา เราเป็นลูกก็ทำหน้าที่ไป เรียนจบมานานแล้ว รีบมาช่วยยายทำงานซะที ไม่ใช่นึกอยากไปที่บริษัทก็ไป อยากหยุดก็หยุดแบบนี้ เมื่อไรจะโต ยายอาจจะอยู่อีกไม่นานนะมิ้ง เข้าใจยายบ้างสิ”
“คุณยาย จะฝากความหวังอะไรไว้ที่มิ้งหรือคะ” เธอไม่อยากให้ใครเที่ยวมาความหวังไว้บนบ่าเล็กๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงแบกรับไว้ไม่ไหว ประสาทจะกินซะเปล่าๆ
“ทุกสิ่งทุกอย่าง ยายหวังพึ่งมิ้งนะลูก มิ้งเป็นหลานคนเดียวของยายที่ยายภูมิใจที่สุด” เพราะมีลูกยากเด็กไม่ยอมมาเกิด ตอนที่แม้นมาศ แพรววานิต แต่งงานกับเทวา ทายาทหมื่นล้าน ตระกูลดังแห่งธุรกิจอาหารครบวงจร บริษัท อาหารยอดรุ่ง จำกัด อยากมีลูกจนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท้อง ทั้งบนบานศาลเกล้า ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสถานที่ อับจนหนทาง กระทั่งต้องพึ่งพาศาสตร์ทางแพทย์จีนโบราณ จัดยาสมุนไพรให้ดื่มกินทุกวัน นานหลายเดือนแม้นมาศจึงท้องสมใจ แต่กลับไร้วาสนาไม่มีลูกชาย และยังไม่มีลูกอีกเลย ลูกคนที่สองพยายามทำกิ๊พก็หลุดตลอด จึงถอดใจเลิกคิดเรื่องมีลูก
ดังนั้นการมีลูกเพียงคนเดียว จึงทำให้ทั้งแม้นมาศ กับเทวา รวมถึงญาติๆ ต่างทุ่มเทปรนเปรอทุกอย่างให้กับ มณียา แพรววานิต หรือ เมย่า การถูกเอาใจตามใจสารพัด กอปรกับเกิดมาบนกองเงินกองทอง ทำให้มณียาเหลวแหลกในวงสังคม พ่อกับแม่ได้รับแต่ความอับอายกับพฤติกรรมหยำฉ่า ไม่เป็นโล้เป็นพาย นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ส่งไปเรียนเมืองนอกความรู้ลุ่มๆ ดอนๆ กว่าจะจบเข็ญกันแทบตาย
จากนั้นทุกคนทนเห็นมณียาเป็นแบบนี้ไม่ไหว จึงจับแต่งงานกับ พิรภพ วรารักษ์ หรือ แป๋ม ลูกชายคนเดียวตระกูลดังอีกตระกูลในวงศ์สังคมชั้นสูง เชื่อว่าเงินต่อเงิน จะทำให้สองตระกูลแกร่งกล้าสูงส่งมากยิ่งขึ้น อำนาจเงินกับอำนาจเงินมารวมกันนั่นนับว่าทีเดียว
หนำซ้ำยังให้มณียามีผัวเป็นตัวเป็นต้น ไม่เที่ยวเร่ไปให้กินฟรี อย่างที่กระทำอยู่เป็นอยู่ ทว่าใครจะคาดคิดหลังแต่งงานไม่กี่ปี มณียาหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม หนำซ้ำหนักกว่าเดิมซะอีก เห็นว่าทำหน้าที่ตามคำขอให้แล้ว ไม่ว่าแต่งงานกับผู้ชายที่แม่จัดสรรไว้ให้ มีลูก บริหารงานในบริษัทไม่เคยขาด แม้จะหละหลวมไปบ้างบางที หากแต่เรื่องงานมณียา เก่งมาก เฉียบขาดและคมกริบ ก้าวเดินเหนือชายอกสามศอกได้สบายๆ การเรียนแย่แต่การงานเลิศ แม้นมาศยังหวังไว้ว่า ตนจะมีหลานที่เลิศด้านการงานแบบลูกสาว
“ขอเวลามิ้งสักหน่อยเถอะค่ะคุณยาย ถ้ามิ้งเบื่อเมื่อไหร่ รับรองมิ้งจะวางมือจากวงการ แต่ตอนนี้มิ้งขอนะคะมิ้งยังสนุกอยู่ค่ะ”
“มันอันตรายนะลูก เลิกเถอะยายเป็นห่วง” ฝ่ามือเหี่ยวย่นตามวัยวางลงบนมือหลานสาว
“สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่มิ้งทำแล้วลืมความทุกข์ค่ะ” โลกที่มีแต่ความโหดร้าย ใครว่าคนรวยมีความสุขไม่จริงทั้งเพในความคิดของมิ่งขวัญ มันเลวร้ายเกินกว่าจะบรรยาย พ่อไปทางแม่ไปทาง เข้าบ้านมาก็ทะเลาะกันเสียงดัง ต่างคนต่างโทษกันไม่รู้จบ สุดท้ายก็เอามาลงที่เธอ
“ก็ได้ ยายให้เวลา แต่ไม่มากนะ” แม้นมาศยอมหลานสาวอย่างเช่นทุกครั้ง นางรู้ดีว่ามิ่งขวัญ ได้รับผลกระทบหลายอย่าง เรื่องครอบครัว ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน มณียาหมางใจกับพิรภพนานมากทีเดียว พิรภพเองแสดงความเฉยเมยกับมณียาจนชัดเจน เรื่องนี้มีอะไรระแคะระคาย เข้าหูแม้นมาศอยู่เนืองๆ แม้จะทำเป็นไม่รู้ไม่รู้ก็ตามที
“มิ้งขอตัวนะคะคุณยาย วันหยุดทั้งที ขอพักผ่อนให้เต็มที่หน่อย” หลานสาวยกมือไหว้ขอตัวไปพักผ่อน ในขณะมิ่งขวัญกำลังจะก้าวขึ้นบันได นึกบางอย่างได้ จึงชงัก “อ้อ...คุณยายคะ อีกสองสัปดาห์มิ้งต้องไปญี่ปุ่นนะคะ” เธอบอกยาย
“อะไรนะ ไปทำไมญี่ปุ่น” ยายหวั่นใจเกรงจะเป็นเรื่องนั้นอีก นี่หลานก็ไปมาทั่วโลกแล้ว นี่ยังต้องไปอีกหรา
“รายการสำคัญค่ะ มิ้งต้องไป ทีมขาดมิ้งไม่ได้” ความทุกข์หายมลาย ถ้าได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ จากงานอดิเรก กลายเป็นอาชีพ เริ่มผูกพันมากขึ้นๆ
เธอมักเก็บความทุกข์ไปลงกับกิจกรรมที่ชอบ เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเพราะกลัว ครั้นพอโดนเพื่อนคนหนึ่งรบเร้าปลุกระดมความคิดจึงค่อยๆ ก้าวเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นยอมรับว่าติดใจ ล่มหลงมากจึงมุ่งมั่นฝึกซ้อม ฝีมือดีขึ้นตามลำดับ ในที่สุดได้เป็นตัวแทนประเทศไปร่วมแข่งขัน ครั้งนี้มุ่งมั่นในการเอาชัยชนะมาประดับเกียรติตัวเองให้จงได้
“มิ้ง จำไว้นะยายเป็นห่วงเราเสมอ ถึงมิ้งคิดว่าตัวเองไม่มีใคร แต่มิ้งยังมียายนะ” แม้นมาศปั้นสีหน้าเครียด เมื่อหลานสาวคนเดียว ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำกิจกรรมที่ชอบ ต่อให้ผ่านมาหลายประเทศ นางก็ยังคงเป็นห่วงหลานสาวอยู่ดี ไม่อยากเห็นภาพที่หลานถูกเข็นเข้าโรงพยาบาลอย่างที่แล้วๆ มา คนแก่ปูนนี้จะต้องไปดูความเป็นความตายของหลาน หัวใจรับไม่ไหวจริงๆ
“ค่ะ คุณยายมิ้งจะดูแลตัวเองนะคะ” มิ่งขวัญคลี่ยิ้มให้ยายแล้วเดินขึ้นห้อง แทรกตัวเข้าไปในห้องนอนพื้นที่ส่วนตัว ทิ้งร่างลงนอนบนที่นอนกว้างสีหวานของเธอ ห้องนอนที่ถูกประดับด้วยโมเดลรถแข่งมากมายหลายสิบคัน หญิงสาวนอนมองเพดาน ภาพของใครบางคนที่เพิ่งแยกจากกันกลับฉายชัดขึ้นในดวงตา จนต้องสะบัดใบหน้าเพื่อลบภาพเขาผู้หล่อเหลานั้นทิ้งไป
หลังจากตื่นมิ่งขวัญขับรถไปยังสถานที่ที่ตั้งของทีม Power Jet (พาวเวอร์ เจ็ท) ชื่อทีมที่เธอทำหน้าที่เป็นนักแข่งรถมานานเกือบห้าปี ความทุกข์ที่แบกรับไว้ มักนำมันมาลงกับความเร็ว ทุกครั้งที่ได้อยู่หลังพวงมาลัยและพาตัวเองลู่แล่นไปบนเส้นทางในสนาม เธอมักลืมความเจ็บปวดทั้งหมดได้โดยแท้ บ้านคือไฟในเวลาที่พ่อแม่เจอหน้ากัน และมันเป็นไฟกองใหญ่มากขึ้นเมื่อเธอเห็นภาพอะไรต่อมิอะไรที่ไม่เคยคาดคิด