" แม่สาวมองโกล เจ้าเล่นทีเผลอนิ มาลองกันอีกที คราวนี้ข้าไม่อ่อนข้อให้แล้ว ! "
ห้าวซิ่งกล่าวแก้เก้อขณะเร่งฝีเท้าเดินเข้าหานาง
ทว่าโฉมสะคราญชาวมองโกลกลับหันมากล่าวกับมันด้วยภาษาแปลกหู พลางล้วงมือเข้าอกเสื้อ หยิบเอาแท่งทองคำสุกปลั่งโยนลงไปกับพื้น
" เฮอะ ! เฮอะ !...นี่เจ้าจะซื้อม้าข้าอย่างนั้นรึ ? ทองคำบริสุทธิ์มีราคาสองร้อยตำลึง ซื้อม้าได้สาม- สี่ตัวเชียวนะแม่หญิง ! "
ห้าวซิ่งหยุดมองดูทองบนพื้น สลับมองใบหน้าหญิงสาว ก่อนจะเหน็บแนมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันยียวน
" ผิดแต่ทำเนียบการซื้อขาย สมควรเจรจาก่อนนำสินค้าไป ที่เจ้ากระทำคือการฉกฉวยมิใช่การซื้อขาย !...ทองมากมายเพียงนี้เจ้าเอาไว้ติดสินบนให้นายอำเภอเถิดแม่นาง "
ชายสูงใหญ่พูดพลางเข้าหาโฉมสะคราญด้วยความฉับไว สองมือมันยื่นเข้าคว้าจับท่อนแขนและไหล่นาง มุ่งหมายสยบนางไว้ในกระบวนท่าเดียว
แต่ห้าวซิ่งไม่ทันคาดคิดว่านางจะเบี่ยงตัวถ่ายน้ำหนัก สลับกระบวนท่าม้วนหมุนแขนเป็นวง แล้วใช้ฝ่ามือแตะข้อศอกบุรุษหนุ่ม พร้อมถ่ายพลังปราณเข้าใส่
จึงผลักส่งให้ห้าวซิ่งถูกแรงเหวี่ยง ส่งแรงพุ่งกระเด็นลงไปนอนคลุกฝุ่นอีกครา
" โอ๊ะ โอ๊ย !...เจ้านี่มีฝีมืออยู่ท่าสองท่าเหมือนกันนะแม่นาง มา ! มา ! มา !...มาลองกันอีกสักครา ! "
ห้าวซิ่งรีบหยัดยืนขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นทรายที่เกาะเสื้อผ้าไปพลาง ครุ่นคิดถึงกระบวนท่าที่จะเอาชนะนางไปพลาง
ทั้งๆที่ห้าวซิ่งเคยประลองมวยปล้ำกับชาวมองโกลอยู่หลายครั้ง แต่ฝีมือของนางเบื้องหน้ากลับพิสดารแตกต่างจากที่เคยประสบมา
ซึ่งโฉมสะคราญชาวมองโกลก็เหมือนจะรู้เท่าทันบุรุษหนุ่ม นางจึงหันมายกยิ้มมุมปาก พร้อมกับกวักมือเรียกท้าทาย
" ชิ !...เจ้านี่อวดดีมิใช่น้อย ! "
ชายหนุ่มกู่ร้องพึงพอใจ พลางเผ่นโผนเข้าคว้าจับท่อนแขนนางในทันใด
แม้ครานี้นางจะใช้กระบวนท่าควงหมุนแขนเบี่ยงเบนการคว้าจับ ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นการพัวพันของมือชายหนุ่มได้
เพราะครานี้ห้าวซิ่งคาดการณ์การเคลื่อนไหวของนางได้แต่แรก มันจึงใช้หลักวิชายืดหยุ่นผ่อนตาม เข้าคลอเคลียฝ่ามือกับท่อนแขนตามแนวทางสายพรต
มิคาดว่าดรุณีงดงามจะเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาพรตมากกว่ามันนัก…ที่นางไร้พ่ายมาถึงบัดนี้ ล้วนใช้หลักสี่ตำลึงปาดพันช่าง ที่ได้รับการถ่ายถอดจากเจ้าสำนักชวนจิงก่ามาตั้งแต่แปดขวบ
เมื่อประยุกต์เข้ากับเคล็ดห้าทำลายของมวยปล้ำมองโกล คือ จับ หัก เหนี่ยว เหวี่ยง ทุ่ม กลับกลายเป็นการผสมผสานทั้งอ่อนแข็ง เกิดเป็นวิชาพลิกแพลงที่ไม่มีผู้ใดต้านรับได้ยาวนาน
ห้าวซิ่งไม่ได้อยู่นอกเหนือชายผู้พ่ายแพ้นางทั่วไป … นางเคลื่อนขยับถ่ายพลังไปทั่วกายเพียงครู่ ก่อนจะใช้สะโพกดันตัวชายหนุ่ม พร้อมจับแขนส่งแรงเหวี่ยง จนชายหนุ่มตัวลอยละลิ่ว ลงไปกระแทกพื้นดัง โครม !...
" โอ๊ย !..."
เสียงร้องเจ็บปวดดังสนั่น ผสานเคล้าเข้ากับเสียงกรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เรื่อยไหล่มาตามลม
หน่ำซ้ำยังมีเสียงหัวเราะ ฮิ ฮิ ฮะ ฮะ…ดังลอดสอดคล้องมาตามทาง
พอหันไปมองจึงได้พบสหายทั้งสองที่กำลังควบขับสองอาชา กับอีกสามอูฐวิ่งตามมาจนมาหยุดยืนดูห้าวซิ่ง ที่กำลังดิ้นรนขึ้นจากพื้น
" ฮิ ฮิ ฮิ !...เจ้าม้าห้าว ดูจะยังไม่สร่างเมากระมั้ง ถึงได้ล้มคว้ำล้มหงายเป็นตุ๊กตาล้มลุกเชียว "
เจ้าแมวกวนที่อยู่บนหลังอูฐกล่าวหยอกล้อหน้าระรื่น
" ไม่แน่ว่าสร่างเมาแล้ว แต่ยังอึงอลกับโฉมงามเบื้องหน้ากระมั้ง ถึงได้มือไม้อ่อนปวกเปียกเพียงนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! "
ท่ามกลางเสีบงสำราญของสองสหาย ดรุณีชาวมองโกลกลับแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดขุ่น ตระเตรียมตั้งท่ารับมืออีกสองบุรุษที่เข้ามาหา พร้อมส่งเสียงตะโกนแปล่งหู
ทำความงุนงงให้ห้าวซิ่ง จนต้องหันมาหาเจ้าหมาหลง ผู้เดินทางรอนแรมมาหลายเมืองหลายประเทศ ย่อมมีความรู้เรื่องภาษาต่างเผาพันธ์แตกฉานกว่าใคร
" นางว่าเจ้าพวกคนโฉด คิดใช้คนมากเข้ากลุ้มรุมอย่างนั้นรึ เดรัจฉานชั่ว รีบเข้ามาพร้อมกันเลย หากข้าถ้อยหนี อย่าเรียกข้าเป็นชาวมองโกลเลย ! "
" นางพูดสั้นนิดเดียว ทำไมเจ้าแปลยืดยาวนักเล่า ? "
เจ้าแมวกวนร้องทักด้วยแววตาไม่เชื่อถือ
" นักแปลที่ดี ก็ต้องใช้ภาษาสละสลวยซิ จะให้แปลทื่อๆได้ยังไง "
" เจ้าแต่งเติมเกินจริงไปละมั้ง หญิงสาวตัวคนเดียวจะกล้าท้าเราสามคนได้อย่างไร ? "
เจ้าแมวกวนยังซักไซ้ไม่หายสงสัย
แต่ห้าวซิ่งกลับรวบรัดตัดบท กระโดดเข้าใส่หญิงสาว พร้อมตะโกนบอกทั้งสองสหายด้วยความห้าวหาญทรงพลัง
" เจ้าสองคนเบิกตากว้างๆไว้ เดี๋ยวข้าจะสยบเทพธิดานักมวยปล้ำให้เจ้าดู "
น้ำเสียงดุดันพวยพุ่งไปกับท่วงท่าจู่โจมแกร่งกร้าว มันโจนทะยานไปซ้ายที ขวาที ไม่บุ่มบ่ามโจมตีหญิงสาวเหมือนสองคราแรก
ทำให้ดรุณีรูปงามได้แต่จดๆจ้องๆ ขยับเขยือนตามห้าวซิ่ง โดยไม่อาจผลีผลามรุกจับร่างกายมัน เพราะคะเนพลังกายชายหนุ่มได้ว่าไม่อ่อนด้อยเลย
ไหวพริบในเชิงวรยุทธของห้าวซิ่งนับว่าน่าครั่นคร้ามมิใช่น้อย จนคำว่าไร้เทียมทานที่นางเคยภาคภูมิใจ กำลังจะถูกสั่นคอน !...
เมื่อชายหนุ่มได้พุ่งตัวไถลไปกับพื้น ผิดวิถีมวยปล้ำทั่วไป
ดรุณีรูปงามแตกตื่นกับวิธีของมันเพียงวูบเดียว ก็ถูกมันรวบขาทั้งสองจนล้มกลิ้งลงกับพื้น
ถึงกระนั้นนางยังแข็งขืนใช้เท้าถีบส่ง แต่ห้าวซิ่งทรงพลังทางกายแข็งแกร่งกว่านางนัก พอไม่เปิดโอกาาให้นางใช้กระบวนท่า ร่างนางก็เหมือนจะแน่นิ่งไม่อาจเคลื่อนขยับ ขานางถูกล็อคแนบไว้กับลำตัวห้าวซิ่ง แล้วมันยังพลิกตัวหมุนไปตามพื้น
พาทั้งมันทั้งหญิงสาวกลิ้งคลุกๆคลักๆราวกับงูสองตัวรัดหางพันตู
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เจ้าแมวกวนกระบวนท่านี้เรียกว่าวิชายุทธอันใด เหตุใดจึงดูพิลึกพิลั่นนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า !..."
สหายผมแดงของมันกู่ร้องระรื่น รู้สึกขบขันกับท่วงท่าของทั้งคู่ไม่น้อย
" เอ ….สงสัยจะเป็นกระบวนท่าไส้เดือนถูกขี้เถากระมั้ง ! "
" เอะ !….ไส้เดือนมันไม่มีเพศมิใช่รึเจ้าแมวกวน นี่มันงูดินคู่รักทุรนทุรายกลางทรายชัดๆ ฮ่า ฮ่า …"
สหายทั้งสองหัวร่อเริงร่า ราวกับหฤหรรษ์กับปาหี่ในท้องตลาดก็ไม่ปาน
แต่แล้วเสียงหัวร่อของทั้งคู่กลับเริ่มแปล่งแปลกประหลาดไป เมื่อเกิดเสียงหอนยืดยาวเสียดแทรกมา จนพวกมันสะดุ้งตัวโยน
" เอะ !...เหตุใดทะเลทรายโกบีมีหมาป่าด้วยเล่า ? "
" หรือจะเป็นพวกปีศาจ ! "...
เจ้าหมาหลงนังไม่วายสัพหยอกไม่รู้ทุกข์รู้ร้อน
แตกต่างจากโฉมสะคราญชาวมองโกล ที่กระตุกตื่นกลัว รีบร้องตะโกนลั่น
" ไอ้พวกโง่เง่า ! รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากตายกันหมด !"
" อ้าว !...นี่แม่นางพูดภาษาฮั่นได้นิ เหตุใดใม่เจรจาแตกแรก "
ห้าวซิ่งร้องถามตามติด ทั้งที่ยังกุมขานางรัดไว้แน่น
หู้ ว ว ว …..หู้ ว ว ว ว ว ….!
เสียงหอนกังวาลก้องเข้ามารวดเร็วรุนแรง จนทุกคนไม่ทันตั้งตัว ฝูงหมาป่าร่างมโหราฬ 7-8ตัว พลันบุกกระโจนโผล่พวดออกจากความมืด วิ่งตรงเข้ามาอย่างดุดัน
พวกมันเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ขนาดลูกวัว ขนสีน้ำตาลอมดำ นัยน์ตาพวกมันแดงกร่ำดั่งลุกไหม้ด้วยเพลิงโลกันต์
ฝูงหมาหิวกระหายกระโดดโถมร่างเข้าใส่ สองตัวตรงเข้ากัดขาอูฐที่เจ้าแมวกวนนั่งอยู่ จนมันต้องลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น
มีอีกสามตัวได้พุ่งเข้าใส่เจ้าหมาหลง ทำให้มันต้องกระโดดลงจากหลังม้า แล้วดึงเอาแส้หนังที่ห้อยไว้ที่หว่างเอว สะบัดปัดป่ายสองแส้ด้วยความว่องไว มันไล่ฟาดตวัดเหล่าหมาป่าตัวแล้วตัวเล่าที่เข้าใกล้
ทั้งห้าวซิ่งและหญิงมองโกลต่างใจหายวาบ ทั้งคู่รีบผุดขึ้นหลบเลี่ยงอีกสามหมาป่าที่พุ่งทะยานมา
ห้าวซิ่งวิ่งเข้าไปออกหมัดใส่ใบหน้าหมาป่า จนตัวหนึ่งปลิวกระเด็นไป ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเจ้าแมวกวนที่ปล้ำคลุกฝุ่นอยู่กับหมาทมิฬ
" เจ้าแมวกวนหมอบลง ! "
ห้าวซิ่งตะโกนลั่น พลางกระโดดเข้าไปเตะชายโครงหมาทมิฬ แรงปะทะกราดเกรี้ยวจนพรากจากตัวเจ้าแมวกวนไป
พลันนั้นเจ้าแมวกวนได้พลิกตัวขึ้นจากพื้น หันมานั่งคลุกเข่าเพียงข้างเดียว อีกขายันพื้นขึ้น พลางถอดเสื้อหนังหมีภายนอกออก เผยให้เห็นเสื้อหนังภายในที่เสียบเหน็บไว้ด้วยมีดสั้นคมกริบไว้สิบกว่าเล่ม
" ไอ้หมาปีศาจ เจ้าจะยั่วโทสะข้ามากไปแล้ว ! "
เจ้าแมวกวนกู่ร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นจึงวาดมือชักมีดสะบัดเข้าใส่หมาป่าที่ข้างกายเป็นตัวแรก
มีดบินคมกริบพุ่งทะยานเข้าที่ลำคอเจ้าหมาทมิฬ จนมันด้าวดิ้นร้องครวญครางทั้งที่ฝุ่นตลบไปทั่ว
ที่แท้ชายร่างเล็กสันทัดเป็นยอดฝีมืองำประกาย มีวิชามีดบินเฉียบคมแม่นยำ ปาเข้าใส่จุดตายอย่างไร้ปรานี
มันสังหารหมาป่าข้างกายสิ้นชีพในพริบตา จากนั้นจึงสะบัดมีดเข้าใส่สองหมาที่พัวพันอยู่กับสหายผมแดง จนพวกหมาอีกสองตัวตกตายไปในทันใด
ความแม่นยำดั่งจับวางได้ช่วยชีวิตเจ้าหมาหลงไว้หวุดหวิด พร้อมเพรียงกับที่ห้าวซิ่งวิ่งเข้าไปช่วยเหลือสาวมองโกลแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน
ห้าวซิ่งตรงเข้ากระโดดรัดคอหมาป่า จนเจ้าเดรัจฉานดิ้นทุรนทุราย ส่วนสาวมองโกลมีปฏิกิริยาว่องไว วิ่งเลี่ยงหลบแล้วจับหมาทมิฬฟาดลงพื้นไปสองครั้งสองครา
ทั้งคู่เฝ้าสาระวนอยู่กับหมาทมิฬท่ามกลางฝุ่นทรายตลบอบอวล
ทำเอาสองสหายที่เหลือบมอง รู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย เพราะฝุ่นทรายกลับยิ่งแน่นหนาปกคลุมจนมืดดำ คล้ายเป็นกลุ่มควันมากกว่าฝุ่นทรายไปแล้ว
ตราบกระทั้งห้าวซิ่งพุ่งพรวดออกจากกลุ่มควันหนา ด้วยอาการสะบักสะบ่อม จนสองสหายต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวมันขึ้นจากพื้น
พวกมันทั้งสามพลันต้องใจหายวาบ เมื่อหันไปพบกับควันที่เริ่มเลื่อนลาง จึงได้พบกับรูปเงาอันน่าหวาดหวั่นกว่าฝูงหมาป่าหลายเท่าตัว
รูปเงาที่ยืนอยู่กลางม่านควัน เป็นชายร่างใหญ่ยักษ์ สูงเกือบสามวากล้ามเนื้อแกร่งกล้า ห่มคลุมด้วยหนังหมาป่าทั้งตัว รูปลักษณ์มันดั่งเทพสงครามแห่งบรรพกาล เคล้าโครงหน้ามันทรงเหลี่ยม กามใหญ่ขนคิ้วหนา หนวดเคราดกดำรกรุงรัง นัยน์ตาแดงกร่ำดั่งสีทับทิมเปล่งประกายเจิดจ้า
ในมือมันถือขวานสองคมด้ามยาว เป็นศาสตราวุธของชาวเปอร์เซีย ที่ชนชาวฮั่นไม่ได้เห็นบ่อยนัก
เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นตรงมือซ้ายมัน มีกรงเล็บยาวแหลมคมดั่งกรงเล็บสัตว์ร้าย มันกำลังจับตะครุบเข้าที่ไหล่สาวมองโกล จนนางมีสีหน้าเจ็บปวด ทรุดตัวอ่อนระทวย เลือดไหลเป็นสายย้อยจากบาดแผล ที่นิ้วมันเจาะลงบนผิวเนื้อนาง
โดยหมาป่าตัวสุดท้ายยังคงยืนอยู่เคียงข้างมัน ดวงตายังทอประกายเหี้ยมเกรียมแยกเขี้ยวขู่ไม่หยุดย่อน
หัวใจห้าวซิ่งดีดดิ้นรุนแรง เมื่อเห็นดรุณีมองโกลเจ็บปวดกาย จนทิ้งตัวลงไปทรุดขากับพื้น
ชั่วแล่นนั้นห้าวซิ่งพลันตวาดลั่นใส่ชายร่างยักษ์ อย่างที่สหายทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
" เจ้ารีบปล่อยนางเดี๋ยวนี้ ไอ้ตัวอัปลักษณ์ ! "...
เสียงตะโกนห้าวหาญของมัน ทำเอาสองสหายหันมองหน้ากันด้วยความฉงนปะปนกับความหวาดหวั่น จนเจ้าแมวกวนต้องรีบเข้าไปคว้าข้อมือห้าวซิ่ง พร้อมร้องตักเตือนว่า
" เจ้าถูกพิษหมาบ้าเข้าแล้วรึไง ? ไม่เห็นรึว่ามันเป็นอสูรกายชัดๆ เราสามคนรวมกันยังมีน้ำหนักไม่เท่ามันเลยนะ ! "
" มิหน่ำซ้ำ สาวมองโกลนั่นจะมาขโมยม้าเราแท้ๆ จะไปช่วยนางทำไม ? " เจ้าหมาหลงร้องเสริม เหมือนไม่อยากเอาชีวิตไปแลกกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักชื่อแซ่
มิคาดห้าวซิ่งกลับระเบิดเสียงหัวร่อเย้ยหยันบาดหู ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังถุงสัมภาระที่กองอยู่กับพื้น พลางเอ่ยแค่นๆด้วยอาการยียวนกับสองสหายของมัน
" อสูรร้ายอยู่ต่อหน้าขนาดนี้ หากจับตัวไปขายได้คงได้กำไลหลายร้อยชั่ง หากพวกเจ้าไม่ต้องการร่ำรวย ก็นั่งทอดอารมณ์ดูข้าลงมือเถิด "
ยังกล่าววาจาไม่ทันจบความ ห้าวซิ่งก็ดึงห่อผ้าทรงเรียวยาวออกจากกองสัมภาระ พอมันสะบัดผ้าออก จึงเผยให้เห็นดาบด้ามหนาหนักสีดำสนิท ออกมาแกว่งไกวในอากาศ
ทันทีที่อสูรร่างยักษ์มองเห็นดาบสีดำที่ชายหนุ่มร่ายไหวท้าทาย ริมฝีปากแห้งผากของมันพลันแสยะยิ้มเหี้ยม แววตาทอประกายแดงฉาน ดั่งจะปลดปล่อยเพลิงผลาญเผาไหม้บุรุษเบื้องหน้า
พลันนั้นอสูรยักษ์ได้หัวเราะกร้าวดั่งสัตว์ร้ายคำราม ก่อนจะลงมือตวัดขวานชี้ตรงมายังห้าวซิ่ง เป็นการรับคำท้าประลอง….
ห้าวซิ่งยิ้มสู้ทั้งที่หัวใจหวาดกลัวไม่แพ้สองสหาย แต่เมื่อชายหนุ่มประสานสายตาสีเขียวมรกตของแม่หญิงมองโกล กลับได้ก่อพลังใจเปี่ยมล้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ดวงตาสีเขียวอ่อนของนางราวกับประกายน้ำขจีกลางแสงจันทร์นวล มันดั่งได้อาบไล้ความเย็นชื่น ให้ใจที่แห้งผากกลับมามีชีวิตอีกครา
กับความชุ่มช้ำชนิดนี้ มีรึที่ชายโดดเดี่ยวเดียวดายมาทั้งชีวิต จะยินยอมให้พรากจากไปง่ายดาย
ห้าวซิ่งหันไปกล่าวกับสองสหายแผ่วเบา ขณะก้าวไปเผชิญหน้ากับอสูรร้ายโดยไร้ความลังเลใดๆ
" เจ้าแมวกวน ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าอาการเมามายในรักนั้นไม่น่าอภิรมณ์จริงๆ "
ห้าวซิ่งสะบัดดาบโดยไม่รั้งรอให้สหายตอบคำ ก่อนจะพวยพุ่งท่าร่างเข้าใส่พร้อมเสียงคำรามก้อง ดั่งอาชาพยองออกศึก
" รับมือ ! เจ้าอัปลักษณ์ …"