ดาบหนาหนักสีดำสนิทได้แผ่พลังเข้าจู่โจม ราวพายุคลั่งถาโถม
ห้าวซิ่งทุ่มเทท่าร่างมุ่งพิชิตเอาชัยโดยรวบรัด ปราถนาให้ชายร่างยักษ์ล่าถอย เพื่อฉกฉวยโอกาสช่วยเหลือดรุณี
มิคาดว่าอสูรร้ายกลับใช้เพียงมือเดียว สะบัดขวานต้านรับพายุดาบโดยไม่ก้าวถ้อยสักครึ่งก้าว
สิบสามกระบวนท่าดาบถูกคมขวานเข้าต้านปะทะด้วยพลังวัตรแกร่งกร้าว จนส่งสะท้อนแรงกลับสู่ห้าวซิ่ง ทำให้มันเป็นฝ่ายถอยกลับไปด้วยความตะลึงลาน
ห้าวซิ่งใจหายวาบ คิดไม่ถึงว่าชายร่างยักษ์ชาวเปอร์เซียจะมีพลังวัตรลึกล้ำถึงเพียงนี้ ….' มันเรียนรู้วิชากำลังภายในมาจากที่ใดกัน ? '....
คำถามเกิดขึ้นในใจเพียงวูบ ก่อนห้าวซิ่งจะใช้ปฏิภาณฉับไว ร่ายวิชาดาบตามต่อ โดยครานี้มันใช้กระบวนท่าสลับสับเปลี่ยนจากดุดันถาโถม เป็นโฉบไหวฉาบฉวย แยกหลอกล่อโยกซ้ายป่ายขวา บีบคันชายร่างยักษ์ให้เคลื่อนขยับเท้าถอยไปหนึ่งก้าวจนได้
ห้าวซิ่งหัวร่อเริงร่า พลางเอ่ยวาจาเย้ยหยันไปกับเพลงดาบแปรเปลี่ยน ร่ายไหวไปหลายทิศทาง
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เจ้าตัวอัปลักษณ์ ! การมีพละกำลังเพียงอย่างเดียวไม่เรียกว่าวรยุทธหรอกนะ เดรัจฉานที่ใดก็มีกำลังมากเหมือนกัน "
ยิ่งกล่าวดาบยิ่งพลิ้วไหวพราวพราย ราวพิรุณสีนิลพร่างพรมทั่ว
วิชาดาบของห้าวซิ่งได้รับการถ่ายทอดจากทายาทแห่งผู้กล้าเขาเหลียงซาน ถูกบัญญัติเป็นเพลงดาบ " 108ภูตพราย " ทั้งแกร่งกร้าวทั้งพลิกแพลงผันแปร ตามวิถีของวิชาหลายสำนักผสมผสาน จนวิชาดาบคล้ายไม่ใช่วิชาดาบ กลายเป็นสภาวะแห่งศาสตราตามแต่ใจ
ดาบหนาหนักได้รุกไล่รวดเร็วรุนแรง จนชายร่างยักษ์ต้องเบิกตากว้าง รู้สึกว่าการประเมินพ่อค้าเร่ผู้นี้ต่ำต้อยเกินไป ประมาทเกินกว่าจะใช้มือเดียวต้านรับมันได้
ชายร่างยักษ์คำรามดุดัน พลันปล่อยมือซ้ายจากไหล่สาวมองโกล แล้วใช้สองมือจับขวานร่ายรำคมขวานตอบโต้ตีกลับ แทนที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว
เมื่อพลังแรงกล้าถูกปลดปล่อยไปด้วยร่างกายไร้พันธะ อนุภาพของเพลงยุทธมันจึงแผ่กระจายทรงพลังดั่งฟ้าคำรามคลั่ง เริงไล่หมุนวนจนฝุ่นผงทรายลอยคลุ้ง คละเคล้าเข้ากับความมืดดำฟาดฟันปะทะกันสะนั่นหวั่นไหว
แม้แต่หญิงสาวที่กำลังดิ้นรนขึ้นจากพื้น ยังสัมผัสถึงพลังวัตรอันแผ่กระจายเข้ากระทบร่าง จนนางต้องรีบเขยิบตัวถอยหนี
แต่เพราะหมาป่าที่ขู่คำรามอยู่ข้างตัวได้สกัดยั้งนางให้ชะงักค้าง ไม่อาจเคลื่อนหนีไปได้ มีแต่จดๆจ้องๆกับเดรัจฉานที่ไม่รู้จะจู่โจมมาเมื่อไร
อาการจดๆจ้องๆนั้นเป็นเช่นเดียวกับสองสหาย ที่ยังสับสนอลหม่านไม่แน่ใจว่าควรลงมือช่วยเหลือห้าวซิ่งด้วยวิธีใด เพราะการสัปยุทธของดาบกับขวานนั้นดุเดือดเลือดพล่านเกินไป
พลังวัตรแน่นหนาปิดกั้นช่องว่างรอยโหว่ จนการสอดมือช่วยเหลืออาจทำร้ายห้าวซิ่งเสียเอง
" มืแต่ต้องแบ่งแยกสมาธิมัน ! "
ทั้งคู่หันประสานสายตา ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
ไม่ทันสิ้นเสียงเจ้าหมาหลงพลันตวัดสองแส้ในมือวิ่งเข้าหาหมาป่าในทันใด
เพียงอึดใจแส้หนังยาวเหยียดกว่าสองเมตร ได้สะบัดฟาดเข้าใส่ลำตัวสุนัขคลั่ง จนมันส่งเสียงร้องโหยหวน แล้วหมาร่างยักษ์จึงหันตัวกระโจนเข้าหาผู้ฟาดใส่มันอย่างบ้าคลั่ง
แต่หมาร่างยักษ์ต้องเสถลาเกลือกกลิ้งไปกับพื้น เมื่อแส้หนังอีกเส้นได้ตวัดเข้าม้วนลำคอมันไว้แน่น พร้อมกับที่ชายผมแดงอมน้ำตาลได้ออกแรงดึงรั้ง จนร่างมันถูกกระตุกให้ลอยละลิ่วลงไปกระแทกกับพื้น แล้วถูกลากเป็นทางยาว
เกิดเป็นเสียงเห่าหอนคละคลุ้งไปกับพื้นทราย กระตุ้นให้ชายร่างยักษ์เสียสมาธิวูบหนึ่ง กระบวนท่าเชื่องช้าไปชั่วอึดใจ
บันดาลให้ห้าวซิ่งเสือกดาบแทงช่องว่างรอยโหว่ที่เปิดออก
มิคาดขวานสองคมของมันกลับพลิกกลับรวดเร็ว มาปิดป้องได้ฉับไว
ถึงกระนั้นสภาวะดาบยังเป็นต่ออยู่ครึ่งกระบวนท่า ห้าวซิ่งจึงเสือกส่งแทงดาบใส่สี่กระบวนตามติด
เช่นเดียวกับเจ้าแมวกวนที่โลดลิ่วไปมาระหว่างทั้งสอง ก็เห็นความได้เปรียบของสหาย มันจึงสะบัดมีดสั้นใส่ชายร่างยักษ์ในฉับพลัน
ทว่าครานี้มันคาดการณ์ผิดมหันต์ เพราะมีดบินที่ปาถูกหน้าอก และลำคอชายร่างยักษ์ หาได้ระคายเคืองเนื้อหนังมันแม้แต่น้อย
" แม่จ้าว !...มันอยู่ยงคงกระพัน ! "...
เจ้าแมวกวนร่ำร้องลั่น หากเชื่องช้าไปชั่วอึดใจเพราะชายร่างยักษ์ได้ใช้สภาวะที่มีดบินสะท้อนกลับ ตรงเข้าใช้มือซ้ายรวบสองมีดไว้ในอุ้งมือ แล้วหมุนตัววนดั่งพายุควงเป็นเกลียว
ก่อเกิดเป็นสายลมกราดเกรี้ยว ชักพาให้ผิวพื้นทรายกระจายฝุ่นฟุ้ง กลายเป็นม่านหมอกบดบังร่างใหญ่ยักษ์ไว้สิ้น
สถานการณ์แปรเปลี่ยนเป็นห้าวซิ่งเสียเปรียบไปทันใด เมื่อไม่อาจมองเห็นคู่มือที่สัปยุทธ ทันทีนั้นมันรีบเผ่นโผนเข้าคว้าตัวเจ้าแมวกวนให้มอบลงกับพื้น
รีบหลบเลี่ยงมีดสั้นที่ปาออกจากหมอกทรายไปไม่ถึงคืบ…
" ผิดท่าแล้วเจ้าแมวกวน ! ใครให้เจ้ามาสอดมือ ? "
ห้าวซิ่งตะโกนก้อง พลางถลันหลบมีดสั้นอีกเล่มที่พุ่งฉิวเฉียดกาย
พร้อมเพรียงกับเสียงร้องของเจ้าแมวกวนที่ตื่นกลัวไม่แตกต่าง
" ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ! ใครจะไปคิดว่ามันมีวิชาคงกระพันเล่า ! "
" มันเป็นคู่มือที่ยากพบพานโดยแท้ หากสยบมันได้ ข้าคงไม่พ่ายแพ้ให้ใครในใต้หล้าอีกแล้ว ! "
ห้าวซิ่งยังกล่าวคึกคะนอง ขณะเร่งรุดยืนขึ้นจากพื้น ในมือกำด้ามดาบหลวมๆ ตระเตรียมโจนเข้าหาม่านฝุ่นทรายทั้งที่มองไม่เห็นใครในสายตา
ยังดีที่เจ้าแมวกวนรีบผุดขึ้นมารั้งไหล่มันไว้ พร้อมทั้งเอ่ยทัดทานดังลั่น
" ระงับความหึกเหิมไว้ก่อนเถิดเจ้าม้าห้าว สถานการณ์บีบคั้นเกินกว่าจะเอาชนะมันได้แน่ๆ "
" อย่าบอกนะว่า จะให้ข้าเผ่นหนี ! "
ห้าวซิ่งร้องทัดทานไม่ยอมรับ
แต่เจ้าแมวกวนยังยืนยัน พร้อมทั้งชี้นิ้วไปทางหญิงสาวมองโกล ที่กำลังทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
" ไม่ใช่ให้เจ้าหนี ให้พานางหนีไปต่างหาก…เจ้าขวานยักษ์นั้นมันต้องการตัวนางไม่ใช่พวกเรา หากฝีเท้าม้าของเจ้าเร็วพอ ย่อมพาทุกคนให้รอดปลอดภัยแล้ว ! "
ถ้อยคำของเจ้าแมวกวนว่าแตกตื่น ยังไม่เท่าภาพเบื้องหน้าที่เห็นพายุทรายหมุนได้ขยายใหญ่เข้าหาสาวมองโกลมากขึ้น มากขึ้น
ทันทีนั้นห้าวซิ่งเข้าใจถ้อยคำของสหายได้กระจ่างแจ้งแล้ว
" แล้วไปเจอกันที่เมืองหลวงนะเจ้าแมวกวน ! "
ห้าวซิ่งหันไปสั่งเสียนัดหมายกับสหายอย่างรวบรัด ก่อนจะผิวปากหวีดหวิวเรียกอาชาคู่ใจ
พออาชาพ่วงพีวิ่งตะบึงเข้ามาใกล้ มันจึงเผ่นโผนขึ้นหลังม้าแล้วควบทะยานไป
ชั่วพริบตาอาชาสีน้ำตาลเข้มได้โลดแล่นผ่านม่านพายุทราย ตรงเข้าคว้าเอวสาวมองโกลไว้ในอ้อมแขน ปากก็ร่ำร้องบอกนางไม่หยุด
" เกาะข้าไว้แน่นๆแม่นาง หากไม่อยากตามเจ้ายักษ์นั่นไปนรก ! "...
วาจากู่ก้องไปกับอาชาท่องทะยานดั่งพายุคลั่ง ฝ่าม่านฝุ่นละอองทรายโลดแล่นเร็วรี่ ท่ามกลางแสงจันทร์นวลอาบไล้
ปล่อยทิ้งให้พลังขวานควงหมุนอยู่เนินนาน จนพบว่าหญิงสาวที่มันปราถนาอยู่บนหลังอาชาที่กำลังควบขับไปไกลขึ้น ไกลขึ้น
พลันนั้นชายร่างยักษ์ได้หยุดกระบวนท่าควงหมุน แล้วเผ่นโผนไปตวัดขวานเข้าตัดแส้หนัง ปลดปล่อยหมาป่าทมึฬออกจากพันธนาการ
เสียงคำรามร้องกึกก้องทั้งคนทั้งหมาป่าระงมลั่น จนสองสหายที่ยังตะลึงตาค้างต้องรีบวิ่งมารวมตัว กำอาวุธแน่นตระเตรียมป้องกันตัวทั้งที่ใจระรัว ตื่นกลัวดั่งพบอสูรร้าย
โชคดีที่อสูรร้ายหาได้เห็นพวกมันอยู่ในสายตา ร่างใหญ่ยักษ์ได้วิ่งตะบึงไปด้วยพลังตัวเบาอันน่าตื่นตระหนก พร้อมกับหมาป่าทมึฬที่ออกแรงวิ่งเร็วรี่ติดตามหลัง
ชายร่างยักษ์ทุ่มเทท่าร่างเผ่นโผนตามไปบนเส้นทางที่อาชาห่อตะบึง ทั้งที่ขวานยังแกว่งไกวฝ่าอากาศ ปากยังกู่ร้องตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวที่มันตามล่ามาสามวันสามคืน
" ไอยารัค !...ไอยารัค !..."
ชื่อที่มันเรียกขานก้องกระจายไปในอากาศ แว่วเข้าหูห้าวซิ่งทั้งที่อยู่ไกลหลายสิบเซียะ
ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มทั้งที่เภทภัยไล่ติดตาม เพียงเพราะชื่อของหญิงสาวที่นั่งบนอาชาด้านหลัง นั้นช่างแปลกแยกจากร่างมิใช่น้อย
" เหตุใดเจ้ามีชื่อแบบชาวเปอร์เซียเล่าแม่นาง ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเจ้าเป็นคนมองโกลอยู่ชัดๆ "
ห้าวซิ่งยังไม่วายไต่ถามตามความสงสัย
แต่หญิงสาวที่ซบหน้าอยู่กับหลังมันเพียงรวบแขนโอบเอวมัน โดยไม่มีซุ่ม้สียงใดตอบกลับมันสักคำ
เกรงว่ากรงเล็บที่ทำร้ายนาง จะมีพิษร้ายแอบแฝง เกินกว่าวิชาคว้าจับทั่วไป
" ผิดท่าแล้ว ! เจ้าถูกพิษรึแม่นาง ! "
ห้าวซิ่งร้องแตกตื่น เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือกของนาง หนำซ้ำร่างที่กอดรอบตัวมันยังเย็นเฉียบ
หญิงสาวใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด กล่าวกับมันแผ่วเบาที่ข้างหู
" รีบไป…ทาง…เหนือ…บึง….เสี้ยวพระจันทร์…."
แม้จะแผ่วเบายิ่ง แต่ห้าวซิ่งเข้าใจความหมายได้แจ่มชัดยิ่ง มันรีบกระตุ้นเท้าเร่งอาชาควบขับขึ้นเหนือ ที่ซึ่งมีโอเอซิสหนึ่งในไม่กี่แห่งของท้องทะเลทรายโกบี
ที่ซึ่งถูกเรียกว่าทะเลสาบเสี้ยวพระจันทร์…
อาชาสายพันธุ์ 'อัลคัลทีเคน ' ถูกขนานนามว่า ม้าเหงื่อโลหิต
เล่าลือว่าเป็นอาชาที่วิ่งได้รวดเร็วราวพายุพัด รวดเร็วจนเหงื่อไหลออกมาเป็นโลหิตชโลมกายยังไม่รู้สึกตัว
แต่แท้จริงแล้วห้าวซิ่งรู้ดีว่าไม่ใช่โลหิตไหลจากกาย หากแต่เป็นตัวเหลือบเรือดที่เกาะกินเลือด พอคบวขับเร็วรี่ เหงื่อจึงไหลผสมกับเหลือบเรือดจนแดงฉานไปทั้งลำคอ
อาชาที่ห้าวซิ่งควบขับย่อมเป็นม้าสายพัธุ์อัลคัลทีเคนอันเที่ยงแท้ มันถูกเรียกว่า'เจ้าลอยลม'
ไม่เพียงฝีเท้าไวดั่งสายลมโชย ซ้ำยังผูกพันธ์กับชายหนุ่มมาตั้งแต่วัยเยาว์ มันคล้ายจะรู้ใจทุกประการโดยไม่ต้องเอ่ยวาจาใด
ยามนี้ห้าวซิ่งร้อนรุ่มเหลือประมาณ เจ้าลอยลมจึงกระหน่ำเท้าควบตะบึงไปดั่งเหินบิน
เมื่อควบขับมาตลอดสองชั่วยาม ลำคอมันจึงแดงฉานไปทั่ว ซ้ำโลหิตจากเหลือบไลยังเปรอะเปื้อนขากางเกงห้าวซิ่งอยู่ไม่น้อย
ถึงกระนั้นมันยังควบขับอาชาละล่องไปบนผืนทรายไม่หยุดยั้ง
ตราบกระทั้งแสงอรุณจับขอบฟ้าบูรพา ห้าวซิ่งจึงได้ชะงักบังเ**ยนหยุดม้าอยู่บนเนินสูง
ดวงตามันทอประกายเรืองรองมองทิวทัศน์ที่อยู่ต่ำลงไปจากเชิงผาด้วยอารมณ์ระรื่นยินดี
ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือทะเลสาบสีเขียวมรกต มีรูปทรงคตโค้งดั่งวงพระจันทร์
รอบข้างริมทะเลสาบยังมีเนินหญ้าเตี้ยๆสีเขียวชอุ่ม มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาเขียวครึ่ม ดูร่มรื่นผิดแปลกจากเวิ้งทะเลทรายที่ผ่านมา
" เรารอดแล้วแม่นาง ! พระจันทร์สว่างไสวยามเช้าอยู่นั้นไง !..."