รุ่งเช้า
สิรินทร์ยังคงนอนนิ่งใต้ผ้าห่ม ส่วนภากรณ์เขาลุกออกไปจากห้องเธอตั้งแต่เช้ามืด อย่างว่าวันนี้ชายหนุ่มมีนัดสำคัญ แต่ก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน เขาสั่งลูกน้องไว้หมดแล้ว
“ห้ามนายหญิงออกจากบ้าน ใครฝ่าฝืนกูจะลงโทษ”
คำสั่งที่ทรงอิทธิพลไม่น้อย ทุกคนน้อมทำตามไม่ต่างจากกุมารทองทั้งสองที่ต้องจับตาดูแม่ของเขาไว้
สิรินทร์ตื่นขึ้นมาในช่วงสาย เพราะร่างกายอ่อนเพลียเอามากๆ เนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยขบกัด รอยดูดของชายหนุ่มที่ประทับไว้ยังร่าง เธอค่อยๆยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วมองผ่านหน้าต่างห้องนอน เห็นว่าตอนนี้แสงแดดสาดแสงมากพอ คงไม่ใช่ช่วงเช้าเป็นแน่
สิรินทร์กัดริมฝีปากล่างเมื่อเหยียดเท้าแตะลงไปที่พื้น ส่วนกึ่งกลางตัวมันปวดหนึบจากการร่วมรัก เธอรู้ดีว่ามันคงบวมไม่น้อย ยิ่งลุกเดินก็เหมือนบริเวณเชิงกลางระหว่างท้องน้อยของเธอมันจะเจ็บปนจุกอยู่บ้าง
“ไอ้หมอผีหื่นกาม”
รักยมทั้งสองยืนมองอาการของแม่ แล้วหันมามองกันพร้อมประโยคคำพูด
รัก :แกว่าพ่อเรารุนแรงไปไหม
ยม :ขนาดนี้ไม่ต้องเรียกว่ารุนแรง ต้องบอกว่าหนักหน่วง พ่อนะพ่อ
สองกุมารส่ายหัวทันที ส่วนสิรินทร์เธอก็เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้สายมากแล้วมันก็ย่อมรู้สึกหิวขึ้นบ้าง เธอพยายามพยุงร่างเพื่อที่จะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่เมื่อจะเปิดประตูเท่านั้น ประตูเหมือนจะล็อค สิรินทร์พยายามขยับลูกบิด
รัก :แม่จ๋าแม่จะไปไหน แม่หิวเหรอ
กุมารทองลืมคิดไปว่าเธอมองไม่เห็นแถมฟังไม่ได้ยิน จนกระทั่งนึกขึ้นได้เลยลงไปตามแม่บ้านให้ขึ้นมาที่ห้อง สักพักป้าแว่นก็มาเคาะประตูห้องของเธอ
ก๊อก ก๊อก
สิรินทร์รีบเปิดประตู ส่วนป้าแม่บ้านก็รีบถาม
“นายหญิงหิวแล้วใช่ไหม อยากทานอะไรป้าจะเอาขึ้นมาให้”
“ทำไมต้องเอาขึ้นมา หนูลงไปทานด้านล่างก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ นายท่านสั่งไว้ห้ามคุณออกจากห้อง”
สิรินทร์ยิ้มแห้งขึ้นมาทันที นี่มันกักขังหน่วงเหนี่ยวชัดๆ แค่จะลงไปทานข้าวเขายังไม่อนุญาต
“แล้ว เขาไปไหนคะ”
“นายท่านมีธุระข้างนอกค่ะ ป้ามีหน้าที่ดูแลนายหญิง”
สิรินทร์ได้ยินแบบนั้นเธอก็เบาใจอย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เธอเม้มปากพยักหน้ารับรู้ให้กับป้าแม่บ้านที่เป็นคนรายงาน
หลังจากที่ป้าแม่บ้านลงไปแล้วเธอก็กลับไปนั่งที่เตียงนอนอย่างเดิม สักพัก ป้าแม่บ้านก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้ เธออยากจะบอกเต็มทนเรื่องผ้าปูที่มันเปื้อน แต่ก็รู้สึกอายไม่น้อย เธอมองดูป้าพร้อมมองไปที่เตียงนอนอยู่สักพัก จนกระทั่ง ป้าแว่นต้องเอ่ยปากพูด
“เดี๋ยวกินเสร็จ ป้ามาปูผ้าผืนใหม่ให้นะคะ นายท่านสั่งไว้แล้ว”
ถึงไม่ได้เป็นคนบอกแต่ก็รู้สึกว่าอายอยู่ดี เพราะภากรณ์แท้ๆที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ เธอคิดในใจไว้ว่าหากวันใดหนีพ้นชายคาบ้านหลังนี้ไปได้เธอจะกรวดน้ำสาบส่งคนที่ชื่อภากรณ์
ฮัดฉิ้ว
เสียงจามดังขึ้นขณะที่ภากรณ์นั่งอยู่ในรถตู้คันหรู เข้ม ลูกน้องคนสนิทที่นั่งด้านหน้าถึงกับหันมาถาม
“นายไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“กูไม่เป็นไร แค่มีคนบ่นคิดถึงเท่านั้น”
เขาเพียงหลับตาก็ล่วงรู้ได้ว่าสิรินทร์มีจิตที่กำลังไม่ประสงค์ดีกับเขาอยู่แต่อย่างนั้น เขากับยิ้มเมื่อคิดถึงหน้าของเด็กสาว
ภากรณ์มาถึงที่นัดหมายตามเวลาที่กำหนด โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีนายใหญ่นายโตรอเขาอยู่ด้านใน โสภณเป็นผู้มีอิทธิพลระดับหนึ่ง เรื่องการนัดหมายครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีนัก เพราะธุรกิจที่เขาทำร่วมกัน มันส่งผลให้กับเยาวชนมากพอควร
“สวัสดีครับคุณภากรณ์”
ผู้มีศรีท่านนั้นเอ่ยปากพร้อมยกมือไหว้ หากจะเทียบอายุแล้ว เขาแก่กว่าภากรณ์สองปี แต่ที่ต้องไหว้เพราะภากรณ์มีประโยชน์กับเขามากมายมหาศาล
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกครับ รีบคุยธุระของเราเลยดีกว่า”
ทันที ที่เขานั่งลงโสภณที่ยืนต้อนรับก็นั่งตาม โสภณไม่รอช้ารีบเปิดประเด็นเรื่องที่จะให้ภากรณ์ช่วยทันที
“ของล็อตใหม่ของผมกำลังจะมา แต่ด่าน หน้าจะเยอะเหมือนกัน ผมอยากให้คุณช่วยเปิดทางการค้าให้สะดวกมากขึ้น”
พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าเงินออกมาโชว์ต่อหน้าชายหนุ่มนั้นหมายถึงรางวัล สินน้ำใจที่ภากรณ์จะได้รับ ส่วนภากรณ์เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาทั้งนั้นปกติเขาก็เป็นคนหน้านิ่งอยู่แล้ว
“ของมาวันไหน”
เสียงทุ้มของเขาเอ่ยถามอีกครั้ง
“อีกสองวัน ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น เงินในกระเป๋านี้จะไปอยู่ในมือของคุณในวันรุ่งเช้าทันที”
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อข้อตกลงเป็นเอกฉันท์ ทั้งสองลุกขึ้นสัมผัสมือกัน จากนั้นก็ได้เวลาแยกย้าย ส่วนภากรณ์วันนี้เขาไม่ได้มีนัดแค่โสภณเท่านั้น เขายังมีนัดกับลูกค้าคนอื่นอีก วงในเขารู้กันดีว่าเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นภากรณ์ถนัดแถมยังทำให้คนที่มียศมีศรีทำงานราบรื่นอีกต่างหาก แถมรายได้ที่เขาได้รับก็เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นพวกที่มาให้ช่วยจะเรียกว่าลูกศิษย์ก็ไม่เห็นแปลก
หลังจากเสร็จภารกิจข้างนอก นับเวลาก็หลายชั่วโมงชายหนุ่มสั่งลูกน้องให้ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางมานั้น เขาก็เอ่ยปากบอกลูกน้อง
“จัดการโทรหายายระเมียด บอกแกไปว่าไม่ต้องให้ญาติมารับตัวสิรินทร์ ถ้าหากแกถามให้บอกว่าสิรินทร์ทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่”
“ครับนาย”
เมื่อสั่งลูกน้องเสร็จตัวเขาก็นั่งเงียบ แต่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเบื้องหน้าทำเอาชายหนุ่มแทบตั้งรับไม่ทัน
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆก่อนหน้า ค่อยๆมืดลงราวกับว่ามีพายุใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ภากรณ์ที่นั่งหลับตาในรถเขารับรู้ได้ด้วยดวงจิตที่มี ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา แล้วมองลอดกระจกไปเบื้องหน้า
“นายครับรถบังคับไม่ได้”
เสียงคนขับเหมือนจะตื่นตระหนกไม่น้อย ภากรณ์เห็นท่าว่าจะโดนเล่นงานเลยเอ่ยปากสั่งลูกน้องเสียงแข็ง
“มึงตั้งสติจับพวงมาลัยแน่นๆ”
ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำทั้งตัวประนมมือขึ้นทั้งสองบริกรรมคาถาอยู่สักพัก
นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะสัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขาปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธังเวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธังอะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธังยะมะนัสสะ นะยะนาวุธังอิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
ทันที ที่ภากรณ์สวดจบเขาก็เป่ามนต์ไปเบื้องหน้าอยู่สามครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าท้องฟ้าที่มืดมัวจะกลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง ส่วนรถตู้คันหรูของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“มึงจะเล่นกับกูไม่เลิกใช่ไหม ไอ้ทศ!!”
ชื่อที่หลุดออกมาจากปากเขาทำเอาลูกน้องทั้งสองต้องมองหน้ากัน เพราะไม่เคยรับรู้กับชื่อปริศนานี้มาก่อน ไม่รู้ว่า ทศ เป็นใครกัน
ภากรณ์เดินทางมาถึงที่บ้าน แต่แปลกเขาไม่ได้ถามหาสิรินทร์ กับหันไปสั่งลูกน้องเสียงเข้ม
“ห้ามใครขึ้นไปกวนกูทั้งนั้น แล้วบอกป้าแว่น ทำกับข้าวให้แค่นายหญิงก็พอ”
เมื่อสั่งแล้วก็เดินหน้านิ่งขึ้นห้องตัวเอง ส่วน เข้ม ลูกน้องคนสนิทพอรู้ได้ว่า นายของตนคงมีพิธีกรรมที่ต้องทำ สีหน้าของคนเป็นนายไม่สู้ดีนัก ทศที่พูดถึงคงไม่ธรรมดาเช่นกัน