หลิวฟางซวงไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ครั้งล่าสุดที่นางยื่นจมูกเข้าไปเอี่ยวก็ทำให้นางโดนลงโทษจนต้องลงมาบนโลกมนุษย์นี่ นางเข็ดแล้ว ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองให้น่าปวดหัวเพิ่ม ลาแล้วลาขาด ไม่ขอดึงตนกลับมายังบ่วงวุ่นวายเหล่านี้อีก
หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งสะท้อนใจ นางควรจะนอนหลับอยู่ในถ้ำ ปล่อยให้อากาศร้อนผิดปกติมันผ่านหูผ่านตาไปเสียก็ดี ไม่น่าปล่อยให้ศิษย์พี่รองลากออกมาที่นี่เลย
‘อือ... ถ้านอนแล้วตื่นขึ้นมาจะอยู่ในถ้ำเลยหรือเปล่านะ’
คนขี้เกียจหาทางกลับครุ่นคิดอย่างใจลอย กระทั่งเห็นว่ามีเงาดำทาบทับลงมาถึงหันไปมองยังทิศทางดังกล่าว แสงอาทิตย์ยามบ่ายทางด้านนอกสาดผ่านบานหน้าต่างทรงกลมเข้ามาด้านใน ตกกระทบลงบนชายชราร่างสูงโปร่งไว้เคราขาวยาวจนถึงช่วงท้องที่กำลังส่งยิ้มให้พวกนาง
หลี่ลู่พิจารณาอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนก็ได้ข้อสรุปในใจ…
เป็นเทพ
“คุณหนูท่านนี้ มิใช่คนที่นี่ใช่หรือไม่” ผู้มาใหม่พุ่งเป้าไปยังหญิงงามเป็นอันดับแรก
ผู้ถูกถามชายตามองกลับ ไม่วางตัวคุ้นเคยแต่ก็ไม่วางตัวห่างเหิน “ท่านผู้อาวุโสกล่าวไม่ผิดนัก”
นางมาอยู่บนโลกมนุษย์สักพักหนึ่งแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวชมย่านที่มนุษย์อยู่อาศัย ก่อนหน้านี้ถ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องลากลงมาจากหุบเขาทีไร นางก็มักจะหาที่ไปแอบงีบหลับตลอด ดังนั้นจะพูดว่ามันเป็นครั้งแรกก็คงใช่
ทว่านั่นปะไร นางควรเชื่อสัญชาตญาณของตนเองเสียตั้งแต่แรก ยังมิได้จากไป ปัญหาก็เหมือนจะพุ่งมาหานางโดยไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย
“มิน่าเล่า” อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนตาหยี “หากมีหญิงงามเช่นคุณหนูอยู่ในเมือง ก็ย่อมมิอาจเล็ดรอดจากสายตาผู้เฒ่าเยี่ยงข้าไปได้”
ปึง!
เสียงกระแทกจอกน้ำชา เรียกความสนใจจากหญิงสตรีและหนึ่งบุรุษผู้เฒ่าได้เป็นอย่างดี
“ตาเฒ่าหัวงู อย่าคิดว่าแก่แล้วข้าจะไม่เกรงใจ!” หลี่ลู่คำรามในลำคอจนคนทั้งร้านหันมามอง
หลิวฟางซวงหันไปเลิกคิ้วมองศิษย์พี่รองของตนที่ทำตัวเสียมารยาทไม่เข้าท่า “หากท่านใช้แต่อารมณ์เยี่ยงนี้ ข้าจะกลับแล้ว”
กล่าวเสร็จก็ต้องชะงักเมื่อรับรู้ถึงมือใหญ่ที่วางลงบนไหล่บางของตน
“ช้าก่อนคุณหนู”
โฉมสะคราญไล่สายตากลับไปยังคนพูดอย่างเชื่องช้า ไม่แยแสเรื่องการถูกเนื้อต้องตัว
คนโดนไม่เดือดร้อน ทว่าอีกคนดันร้อนใจแทนเสียนี่
เจ้าของเรือนผมสีแสดผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ประจันหน้ากับชายชราคราวปู่พร้อมกับแผ่รังสีอำมหิตออกมา หลิวฟางซวงเห็นท่าไม่ดีจึงชิงพูดขึ้นมา
“วันนี้ท่านลุงของข้าหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี เชิญผู้อาวุโสรีบแจ้งกิจของท่านเถิด”
แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่อิดออดให้เสียเวลา นัยน์ตาเจนโลกเบนไปมองคนจากชนเผ่ากิเลน พริบตาเดียวก็หันมาให้ความสนใจหญิงสาวดังเดิม “โบราณว่าไว้ การได้พบกันเกิดจากวาสนา ในเมื่อคุณหนูกับข้ามีบุญสัมพันธ์ได้พบกัน ข้าก็หวังว่าท่านจะช่วยเหลือกันสักครั้ง”
ม่านพลังโปร่งแสงถูกบุรุษผู้สูงวัยกางออกมา ปิดกั้นพวกเขาออกจากมนุษย์ภายนอก สิ่งที่พวกเขาพูดจะไม่เล็ดลอดออกไปเป็นอันขาด
หลิวฟางซวงตาปรือจนต้องหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด เมื่อตาเริ่มสว่างก็กล่าวขึ้นอีกครา “ว่ามาเถิด”
ชักช้าเช่นนี้รังแต่จะทำให้นางต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่มากขึ้น ยามนี้นางกำลังโหยหาเตียงในถ้ำเสียเต็มแก่ ไหนจะมีเจ้าตัวน้อยอีกสามคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปก่อความวุ่นวายที่ไหนหรือไม่
ผู้เฒ่าจางกั๋วเหล่ามอบพวกเขาให้แก่นาง หากนางดูแลไม่ดี นอกจากจะลดหย่อนโทษทัณฑ์ไม่ได้แล้ว มันอาจก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างตามมาก็เป็นได้
“ข้าขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ข้ามีชื่อว่าจิ้งฉาย เมื่อครู่นี้ข้ามิได้ตั้งใจแอบฟัง แต่เผอิญได้ฟังพวกท่านคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพ่อตากับลูกเขย” ผู้กล่าวเปรยเสียงเนิบนาบ “ข้าเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเช่นเดียวกัน”
ชายหนุ่มผมแดงตวัดสายตามองคนพูด “อายุก็ปูนนี้แล้ว...”
“ศิษย์พี่รอง” หญิงสาวปิดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง “ท่านมิใช่ศิษย์น้องสี่เสียหน่อย”
“ซวงซวง” หลี่ลู่กะพริบตาถี่ ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางถามเสียงสูง “เจ้าหาว่าข้าโง่?”
หลิวฟางซวงไม่ตอบ แต่หันไปให้ความสนใจอีกคนหนึ่งแทน “ท่านปลอมเป็นคนเฒ่าหวังปกปิดฐานะ”
“คุณหนูเดาได้ถูกต้อง” จิ้งฉายประสานมือไว้เบื้องหน้า “พวกเราสองสามีภรรยามีเหตุจำเป็นต้องออกจากบ้าน การที่ท่านพ่อตาออกมาตามหาด้วยตนเองทำให้เราค่อนข้างลำบาก...”
“เสียใจด้วย” หลี่ลู่พูดโพล่งขึ้นมาโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ “เผ่ากิเลนกับเผ่ามังกรต่างคนต่างอยู่ พวกเราจะไม่ก้าวก่ายปัญหาภายในของเผ่ามังกร ดังนั้นเห็นทีคงช่วยมิได้”
“ข้ามิได้หมายถึงท่าน แต่หมายถึงคุณหนูผู้นี้ต่างหาก”
“นั่น...!” ชายหนุ่มส่งเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ หากก็ไม่กล้าลงมือเพราะเห็นแก่หลิวฟางซวงซึ่งอยู่ที่นี่ด้วย เขากับนางมิได้พบกันนาน ก่อนหน้านี้แม้เขาจะชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ทว่าความเกรงใจต่อหญิงสาวก็มีอยู่ประมาณหกส่วน ซึ่งหลิวฟางซวงก็เหมือนจะรู้จึงได้ส่งสายตาปรามเขาอยู่บ่อยๆ
จิ้งฉายหันไปยังเทพธิดาคนงามที่เป็นความหวังเดียวของเขาในยามนี้ “คุณหนู ท่านมิใช่คนของเผ่ากิเลน เรื่องนี้ข้ามั่นใจ”
“ท่านผู้อาวุโสเข้าใจถูกต้องแล้ว”
“เผ่าสวรรค์?”
หลังจากหลิวฟางซวงพยักหน้า เจ้าของกลิ่นกายหอมกรุ่นก็ยืนขึ้น รูปร่างอรชรน่าจับตาภายใต้อาภรณ์สีฟ้าโปร่งช่วยให้ภายในโรงน้ำชาดูมีชีวิตชีวาขึ้นผิดหูผิดตา
จิ้งฉายค่อนข้างมั่นใจ เผ่ามังกรเป็นพันธมิตรกับคนของเผ่าสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรท่านพ่อตาก็คงไม่มีวันทำร้ายเทพธิดาตนนี้ หากคราวนี้หนีพ้นแล้วไปถึงแดนวิหคที่สหายของเขาอยู่ ถึงตอนนั้นท่านพ่อตาก็คงเลิกตามพวกเขาแล้ว
“หากจะให้ช่วย แน่นอนว่าต้องมีค่าตอบแทน”
น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะจากหญิงสาวดึงดูดให้ชายชราหลุดออกจากห้วงคิด
“แน่นอน คุณหนู”
ฝ่ายหลี่ลู่มองดูศิษย์น้องร่วมอาจารย์ด้วยแววตาเป็นกังวล ก่อนหน้านี้หลิวฟางซวงมีนิสัยเป็นเช่นไร เขาย่อมรู้ดี ไฉนผู้ที่ไม่ชื่นชอบสอดเรื่องชาวบ้านจึงได้ยอมรับปากง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้
หากจะให้เขาเดา คาดว่าคงมีบางสิ่งที่นางอยากได้จากชนเผ่ามังกร
ทว่าเทพธิดาซึ่งถูกทำโทษให้ลงมาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์จะเอาของวิเศษแปลกพิสดารไปทำอันใดกัน
ชายหนุ่มสงสัยเพียงไม่นาน ในที่สุดโฉมสะคราญก็แจ้งเจตจำนงของตน
“ไข่มุกสีรุ้ง”
ชายหนุ่มจากชนเผ่ากิเลนไม่มั่นใจว่าตนฟังผิดไปหรือไม่ ไข่มุกสีรุ้งถือเป็นของวิเศษขั้นสูงของเผ่ามังกร มีเพียงคนระดับสูงเท่านั้นจึงจะมีไว้ถือครอง ไข่มุกสีขาวนวลสาดแสงรุ้งเจ็ดสียามต้องแสง เปล่งประกายรัศมีดั่งผู้บำเพ็ญเพียรมาหนึ่งพันปี
หากถึงกระนั้น ของชิ้นนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมอบให้เด็กเล็กในเผ่ามังกรหรือคนทั่วไปที่ยังมิได้ฝึกฝนบำเพ็ญตบะแกร่งกล้า หลิวฟางซวงฝึกฝนมาร่วมหมื่นปีถือเป็นเทพระดับสูง ของดังกล่าวต่อให้มีไว้ก็เปรียบเสมือนไม่มี จากของวิเศษคงมีค่าไม่ต่างจากเครื่องประดับสวยงามอย่างหนึ่ง
ประหลาดนัก ประหลาดนัก...
หลี่ลู่พึมพำอยู่ในใจ ขณะที่ลอบสังเกตดูสีหน้าของจิ้งฉาย คนจากเผ่ามังกรซึ่งซุกซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงไว้ภายใต้ร่างของมนุษย์ชราผู้หนึ่ง แววตาของอีกฝ่ายลึกลับซับซ้อน คาดว่าน่าจะสงสัยถึงเรื่องการขอสิ่งตอบแทนของหญิงสาวอยู่เช่นเดียวกัน
“ท่านต้องการหนึ่งเม็ด?” เสียงแหบชราเอื้อนเอ่ยหลังจากความเงียบกลืนกินบรรยากาศระหว่างพวกเขาไปสักพักใหญ่ เขารับรู้ถึงกลิ่นอายของเผ่ามังกรที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่องนี้จะชักช้ามิได้
นัยน์ตาสีอำพันเปรยมองคนถาม สีหน้ามิเป็นเดือดเป็นร้อนกับสีหน้าร้อนรนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด “ท่านบอกเองมิใช่รึว่าเราพบพานกันเพราะวาสนา”
“ถูกต้อง” จิ้งฉายพยักหน้า มือใหญ่ลูบเคราสีขาวของตนเอง ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเทพธิดาองค์นี้ดูท่าทางเกียจคร้านไม่เอาอ่าว แต่แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นได้
หลิวฟางซวงยกยิ้มมุมปากก่อนจะชูจำนวนนิ้วที่นางต้องการ “วาสนาในครั้งนี้มีมูลค่าเท่ากับไข่มุกสีรุ้งสามเม็ด”
ผู้ฟังชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมตอบตกลง
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ในเมื่อมีของที่ต้องการจากชนเผ่ามังกรอยู่แล้ว เรื่องการช่วยเหลือคราวนี้ก็ตีเสียว่าเป็นการจ้างวาน หลังจากนี้ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไรก็ไม่ต้องถือเรื่องบุญคุณความแค้น ต่างฝ่ายต่างแยกทาง ตัวใครตัวมัน
ทางเทพธิดาแสนขี้เซาดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว จิ้งฉายเองก็ยอมรับเงื่อนไขของนาง จะมีก็แต่หลี่ลู่นี่แหละที่ตามพวกเขาไม่ทัน นี่เขายืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่เยี่ยงนี้ ศิษย์น้องของเขาไม่คิดจะถามไถ่หรือปรึกษากันสักคำหรืออย่างไร!
“เดี๋ยวๆ ช้าก่อน” มือใหญ่กร้านคว้าไหล่บางของหลิวฟางซวง ใบหน้าคมคายโน้มลงมาป้องปากกระซิบ “ไข่มุกสีรุ้ง ประเดี๋ยวข้าจะหามาให้เจ้าห้าเม็ดเลยก็ได้ เจ้าอย่าตกลงเลยซวงซวง ข้าว่ามันไม่คุ้มกันหรอก”
หลิวฟางซวงยกคิ้วส่งให้ “ศิษย์พี่รอง ท่านพูดเหมือนท่านกำลังกลัว?”
พอมาไม้นี้ สีหน้าของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนทันควัน “ฮึ! ก็แค่เผ่ามังกร ไยต้องกลัวด้วย”
คนจากชนเผ่ามังกรยโสโอหังเช่นไร ชนเผ่ากิเลนถือตนเป็นสัตว์เทพชั้นสูง ถือว่าหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีไม่แพ้กัน
“ท่านไม่กลัวก็ดีแล้ว” นางหัวเราะนิดๆ จากน้ำหนักเสียงทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรู้สึกขบขันหรือเฉื่อยชากันแน่
จบเรื่องพูดคุยกับศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือทางเผ่ามังกร
“ว่าแต่ท่านอาวุโสต้องการให้ข้าทำอันใดรึ”
“ไม่ยากเลยคุณหนู” อีกฝ่ายยกยิ้ม “ก็แค่... ประวิงเวลาเล็กๆ น้อยๆ”