สหายของท่านอา 3.3

1919 Words
หลิวฟางซวงไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ครั้งล่าสุดที่นางยื่นจมูกเข้าไปเอี่ยวก็ทำให้นางโดนลงโทษจนต้องลงมาบนโลกมนุษย์นี่ นางเข็ดแล้ว ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองให้น่าปวดหัวเพิ่ม ลาแล้วลาขาด ไม่ขอดึงตนกลับมายังบ่วงวุ่นวายเหล่านี้อีก หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งสะท้อนใจ นางควรจะนอนหลับอยู่ในถ้ำ ปล่อยให้อากาศร้อนผิดปกติมันผ่านหูผ่านตาไปเสียก็ดี ไม่น่าปล่อยให้ศิษย์พี่รองลากออกมาที่นี่เลย ‘อือ... ถ้านอนแล้วตื่นขึ้นมาจะอยู่ในถ้ำเลยหรือเปล่านะ’ คนขี้เกียจหาทางกลับครุ่นคิดอย่างใจลอย กระทั่งเห็นว่ามีเงาดำทาบทับลงมาถึงหันไปมองยังทิศทางดังกล่าว แสงอาทิตย์ยามบ่ายทางด้านนอกสาดผ่านบานหน้าต่างทรงกลมเข้ามาด้านใน ตกกระทบลงบนชายชราร่างสูงโปร่งไว้เคราขาวยาวจนถึงช่วงท้องที่กำลังส่งยิ้มให้พวกนาง หลี่ลู่พิจารณาอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนก็ได้ข้อสรุปในใจ… เป็นเทพ “คุณหนูท่านนี้ มิใช่คนที่นี่ใช่หรือไม่” ผู้มาใหม่พุ่งเป้าไปยังหญิงงามเป็นอันดับแรก ผู้ถูกถามชายตามองกลับ ไม่วางตัวคุ้นเคยแต่ก็ไม่วางตัวห่างเหิน “ท่านผู้อาวุโสกล่าวไม่ผิดนัก” นางมาอยู่บนโลกมนุษย์สักพักหนึ่งแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวชมย่านที่มนุษย์อยู่อาศัย ก่อนหน้านี้ถ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องลากลงมาจากหุบเขาทีไร นางก็มักจะหาที่ไปแอบงีบหลับตลอด ดังนั้นจะพูดว่ามันเป็นครั้งแรกก็คงใช่ ทว่านั่นปะไร นางควรเชื่อสัญชาตญาณของตนเองเสียตั้งแต่แรก ยังมิได้จากไป ปัญหาก็เหมือนจะพุ่งมาหานางโดยไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย “มิน่าเล่า” อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนตาหยี “หากมีหญิงงามเช่นคุณหนูอยู่ในเมือง ก็ย่อมมิอาจเล็ดรอดจากสายตาผู้เฒ่าเยี่ยงข้าไปได้” ปึง! เสียงกระแทกจอกน้ำชา เรียกความสนใจจากหญิงสตรีและหนึ่งบุรุษผู้เฒ่าได้เป็นอย่างดี “ตาเฒ่าหัวงู อย่าคิดว่าแก่แล้วข้าจะไม่เกรงใจ!” หลี่ลู่คำรามในลำคอจนคนทั้งร้านหันมามอง หลิวฟางซวงหันไปเลิกคิ้วมองศิษย์พี่รองของตนที่ทำตัวเสียมารยาทไม่เข้าท่า “หากท่านใช้แต่อารมณ์เยี่ยงนี้ ข้าจะกลับแล้ว” กล่าวเสร็จก็ต้องชะงักเมื่อรับรู้ถึงมือใหญ่ที่วางลงบนไหล่บางของตน “ช้าก่อนคุณหนู” โฉมสะคราญไล่สายตากลับไปยังคนพูดอย่างเชื่องช้า ไม่แยแสเรื่องการถูกเนื้อต้องตัว คนโดนไม่เดือดร้อน ทว่าอีกคนดันร้อนใจแทนเสียนี่ เจ้าของเรือนผมสีแสดผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ประจันหน้ากับชายชราคราวปู่พร้อมกับแผ่รังสีอำมหิตออกมา หลิวฟางซวงเห็นท่าไม่ดีจึงชิงพูดขึ้นมา “วันนี้ท่านลุงของข้าหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี เชิญผู้อาวุโสรีบแจ้งกิจของท่านเถิด” แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่อิดออดให้เสียเวลา นัยน์ตาเจนโลกเบนไปมองคนจากชนเผ่ากิเลน พริบตาเดียวก็หันมาให้ความสนใจหญิงสาวดังเดิม “โบราณว่าไว้ การได้พบกันเกิดจากวาสนา ในเมื่อคุณหนูกับข้ามีบุญสัมพันธ์ได้พบกัน ข้าก็หวังว่าท่านจะช่วยเหลือกันสักครั้ง” ม่านพลังโปร่งแสงถูกบุรุษผู้สูงวัยกางออกมา ปิดกั้นพวกเขาออกจากมนุษย์ภายนอก สิ่งที่พวกเขาพูดจะไม่เล็ดลอดออกไปเป็นอันขาด หลิวฟางซวงตาปรือจนต้องหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด เมื่อตาเริ่มสว่างก็กล่าวขึ้นอีกครา “ว่ามาเถิด” ชักช้าเช่นนี้รังแต่จะทำให้นางต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่มากขึ้น ยามนี้นางกำลังโหยหาเตียงในถ้ำเสียเต็มแก่ ไหนจะมีเจ้าตัวน้อยอีกสามคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปก่อความวุ่นวายที่ไหนหรือไม่ ผู้เฒ่าจางกั๋วเหล่ามอบพวกเขาให้แก่นาง หากนางดูแลไม่ดี นอกจากจะลดหย่อนโทษทัณฑ์ไม่ได้แล้ว มันอาจก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างตามมาก็เป็นได้ “ข้าขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ข้ามีชื่อว่าจิ้งฉาย เมื่อครู่นี้ข้ามิได้ตั้งใจแอบฟัง แต่เผอิญได้ฟังพวกท่านคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพ่อตากับลูกเขย” ผู้กล่าวเปรยเสียงเนิบนาบ “ข้าเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเช่นเดียวกัน” ชายหนุ่มผมแดงตวัดสายตามองคนพูด “อายุก็ปูนนี้แล้ว...” “ศิษย์พี่รอง” หญิงสาวปิดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง “ท่านมิใช่ศิษย์น้องสี่เสียหน่อย” “ซวงซวง” หลี่ลู่กะพริบตาถี่ ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางถามเสียงสูง “เจ้าหาว่าข้าโง่?” หลิวฟางซวงไม่ตอบ แต่หันไปให้ความสนใจอีกคนหนึ่งแทน “ท่านปลอมเป็นคนเฒ่าหวังปกปิดฐานะ” “คุณหนูเดาได้ถูกต้อง” จิ้งฉายประสานมือไว้เบื้องหน้า “พวกเราสองสามีภรรยามีเหตุจำเป็นต้องออกจากบ้าน การที่ท่านพ่อตาออกมาตามหาด้วยตนเองทำให้เราค่อนข้างลำบาก...” “เสียใจด้วย” หลี่ลู่พูดโพล่งขึ้นมาโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ “เผ่ากิเลนกับเผ่ามังกรต่างคนต่างอยู่ พวกเราจะไม่ก้าวก่ายปัญหาภายในของเผ่ามังกร ดังนั้นเห็นทีคงช่วยมิได้” “ข้ามิได้หมายถึงท่าน แต่หมายถึงคุณหนูผู้นี้ต่างหาก” “นั่น...!” ชายหนุ่มส่งเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ หากก็ไม่กล้าลงมือเพราะเห็นแก่หลิวฟางซวงซึ่งอยู่ที่นี่ด้วย เขากับนางมิได้พบกันนาน ก่อนหน้านี้แม้เขาจะชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ทว่าความเกรงใจต่อหญิงสาวก็มีอยู่ประมาณหกส่วน ซึ่งหลิวฟางซวงก็เหมือนจะรู้จึงได้ส่งสายตาปรามเขาอยู่บ่อยๆ จิ้งฉายหันไปยังเทพธิดาคนงามที่เป็นความหวังเดียวของเขาในยามนี้ “คุณหนู ท่านมิใช่คนของเผ่ากิเลน เรื่องนี้ข้ามั่นใจ” “ท่านผู้อาวุโสเข้าใจถูกต้องแล้ว” “เผ่าสวรรค์?” หลังจากหลิวฟางซวงพยักหน้า เจ้าของกลิ่นกายหอมกรุ่นก็ยืนขึ้น รูปร่างอรชรน่าจับตาภายใต้อาภรณ์สีฟ้าโปร่งช่วยให้ภายในโรงน้ำชาดูมีชีวิตชีวาขึ้นผิดหูผิดตา จิ้งฉายค่อนข้างมั่นใจ เผ่ามังกรเป็นพันธมิตรกับคนของเผ่าสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรท่านพ่อตาก็คงไม่มีวันทำร้ายเทพธิดาตนนี้ หากคราวนี้หนีพ้นแล้วไปถึงแดนวิหคที่สหายของเขาอยู่ ถึงตอนนั้นท่านพ่อตาก็คงเลิกตามพวกเขาแล้ว “หากจะให้ช่วย แน่นอนว่าต้องมีค่าตอบแทน” น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะจากหญิงสาวดึงดูดให้ชายชราหลุดออกจากห้วงคิด “แน่นอน คุณหนู” ฝ่ายหลี่ลู่มองดูศิษย์น้องร่วมอาจารย์ด้วยแววตาเป็นกังวล ก่อนหน้านี้หลิวฟางซวงมีนิสัยเป็นเช่นไร เขาย่อมรู้ดี ไฉนผู้ที่ไม่ชื่นชอบสอดเรื่องชาวบ้านจึงได้ยอมรับปากง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้ หากจะให้เขาเดา คาดว่าคงมีบางสิ่งที่นางอยากได้จากชนเผ่ามังกร ทว่าเทพธิดาซึ่งถูกทำโทษให้ลงมาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์จะเอาของวิเศษแปลกพิสดารไปทำอันใดกัน ชายหนุ่มสงสัยเพียงไม่นาน ในที่สุดโฉมสะคราญก็แจ้งเจตจำนงของตน “ไข่มุกสีรุ้ง” ชายหนุ่มจากชนเผ่ากิเลนไม่มั่นใจว่าตนฟังผิดไปหรือไม่ ไข่มุกสีรุ้งถือเป็นของวิเศษขั้นสูงของเผ่ามังกร มีเพียงคนระดับสูงเท่านั้นจึงจะมีไว้ถือครอง ไข่มุกสีขาวนวลสาดแสงรุ้งเจ็ดสียามต้องแสง เปล่งประกายรัศมีดั่งผู้บำเพ็ญเพียรมาหนึ่งพันปี หากถึงกระนั้น ของชิ้นนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมอบให้เด็กเล็กในเผ่ามังกรหรือคนทั่วไปที่ยังมิได้ฝึกฝนบำเพ็ญตบะแกร่งกล้า หลิวฟางซวงฝึกฝนมาร่วมหมื่นปีถือเป็นเทพระดับสูง ของดังกล่าวต่อให้มีไว้ก็เปรียบเสมือนไม่มี จากของวิเศษคงมีค่าไม่ต่างจากเครื่องประดับสวยงามอย่างหนึ่ง ประหลาดนัก ประหลาดนัก... หลี่ลู่พึมพำอยู่ในใจ ขณะที่ลอบสังเกตดูสีหน้าของจิ้งฉาย คนจากเผ่ามังกรซึ่งซุกซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงไว้ภายใต้ร่างของมนุษย์ชราผู้หนึ่ง แววตาของอีกฝ่ายลึกลับซับซ้อน คาดว่าน่าจะสงสัยถึงเรื่องการขอสิ่งตอบแทนของหญิงสาวอยู่เช่นเดียวกัน “ท่านต้องการหนึ่งเม็ด?” เสียงแหบชราเอื้อนเอ่ยหลังจากความเงียบกลืนกินบรรยากาศระหว่างพวกเขาไปสักพักใหญ่ เขารับรู้ถึงกลิ่นอายของเผ่ามังกรที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่องนี้จะชักช้ามิได้ นัยน์ตาสีอำพันเปรยมองคนถาม สีหน้ามิเป็นเดือดเป็นร้อนกับสีหน้าร้อนรนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด “ท่านบอกเองมิใช่รึว่าเราพบพานกันเพราะวาสนา” “ถูกต้อง” จิ้งฉายพยักหน้า มือใหญ่ลูบเคราสีขาวของตนเอง ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเทพธิดาองค์นี้ดูท่าทางเกียจคร้านไม่เอาอ่าว แต่แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นได้ หลิวฟางซวงยกยิ้มมุมปากก่อนจะชูจำนวนนิ้วที่นางต้องการ “วาสนาในครั้งนี้มีมูลค่าเท่ากับไข่มุกสีรุ้งสามเม็ด” ผู้ฟังชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมตอบตกลง หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ในเมื่อมีของที่ต้องการจากชนเผ่ามังกรอยู่แล้ว เรื่องการช่วยเหลือคราวนี้ก็ตีเสียว่าเป็นการจ้างวาน หลังจากนี้ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไรก็ไม่ต้องถือเรื่องบุญคุณความแค้น ต่างฝ่ายต่างแยกทาง ตัวใครตัวมัน ทางเทพธิดาแสนขี้เซาดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว จิ้งฉายเองก็ยอมรับเงื่อนไขของนาง จะมีก็แต่หลี่ลู่นี่แหละที่ตามพวกเขาไม่ทัน นี่เขายืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่เยี่ยงนี้ ศิษย์น้องของเขาไม่คิดจะถามไถ่หรือปรึกษากันสักคำหรืออย่างไร! “เดี๋ยวๆ ช้าก่อน” มือใหญ่กร้านคว้าไหล่บางของหลิวฟางซวง ใบหน้าคมคายโน้มลงมาป้องปากกระซิบ “ไข่มุกสีรุ้ง ประเดี๋ยวข้าจะหามาให้เจ้าห้าเม็ดเลยก็ได้ เจ้าอย่าตกลงเลยซวงซวง ข้าว่ามันไม่คุ้มกันหรอก” หลิวฟางซวงยกคิ้วส่งให้ “ศิษย์พี่รอง ท่านพูดเหมือนท่านกำลังกลัว?” พอมาไม้นี้ สีหน้าของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนทันควัน “ฮึ! ก็แค่เผ่ามังกร ไยต้องกลัวด้วย” คนจากชนเผ่ามังกรยโสโอหังเช่นไร ชนเผ่ากิเลนถือตนเป็นสัตว์เทพชั้นสูง ถือว่าหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีไม่แพ้กัน “ท่านไม่กลัวก็ดีแล้ว” นางหัวเราะนิดๆ จากน้ำหนักเสียงทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรู้สึกขบขันหรือเฉื่อยชากันแน่ จบเรื่องพูดคุยกับศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือทางเผ่ามังกร “ว่าแต่ท่านอาวุโสต้องการให้ข้าทำอันใดรึ” “ไม่ยากเลยคุณหนู” อีกฝ่ายยกยิ้ม “ก็แค่... ประวิงเวลาเล็กๆ น้อยๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD