"แกเลิกปากเสียแล้วหันมาทำตัวดีๆ บ้างจะได้ไหม ใจคอนี่กะให้พ่อแม่หัวใจวายให้ได้เลยใช่ไหม" บิดาตำหนิเขา
"ครับๆ ต่อไปนี้ผมจะจับหมาในปากเอาไว้ให้ดี ไม่ให้มันออกมาเพ่นพ่านกัดคนแถวนี้เล่น คุณพ่อสบายใจหายห่วงได้เลยนะครับ" ภากรประชดประชัน
"เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้!"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง ภาโอเค อย่าโมโหเลยนะคะ" ชัยรัมภาช่วยห้ามทัพ
"อีกแค่สี่วันก็จะถึงงานแต่งของแกกับหนูรัมภาแล้ว ทำตัวให้ดี แล้วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยซะ เข้าใจไหม" บิดาย้ำพลางมองเขาด้วยแววตาจริงจัง
"รับทราบครับ ผมจะทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเลย" เขาตกปากรับคำ
ชัยรัมภาลอบมองสีหน้าที่ไม่พอใจของเขา แล้วได้แต่ก้มห้ายอมรับชะตาชีวิตคู่ของตนเองหลังจากนี้
การแต่งงานที่ไม่ได้เริ่มต้นมาจากความรัก ไม่ว่าจะพยายามยังไง ก็คงไม่สวยหรูเหมือนในเทพนิยายหรอก
เธอไม่รู้เลยว่า...หลังจากนี้ทุกอย่างขะดำเนินไปเช่นไร
ตลอดสามวันที่ผ่านมา ภากรถูกบิดามารดาบังคับให้ต้องตัวติดกับชัยรัมภาตลอดเวลาเพื่อเตรียมงานแต่งให้สำเร็จลุล่วง แม้เขาจะพยายามบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ได้เต็มใจจะไปเลือกของชำร่วยกับหล่อน หรือแม้แต่เลือกเมนูอาหารที่จะใช้รับแขกในงาน รวมถึงเค้กในงานแต่ง แต่ลึกๆ แล้ว ในใจของชายหนุ่มกลับเต็มใจจนต้องเตือนสติอยู่บ่อยครั้ง
“คุณว่าคุกกี้นี้เป็นยังไงคะ ถ้าใช้เป็นหนึ่งในขนมให้แขกในงาน ฉันว่าน่ารักดีนะคะ”
ชัยรัมภาส่งรูปคุกกี้ที่ถูกทำให้เป็นรูปคิวปิดตัวน้อยหลากหลายรสชาติให้เขาดู หลังๆ มานี้เธอดูอ่อนหวานกับเขาขึ้นเยอะ นั่นทำให้ภากรเริ่มจะใจร้ายกับเธอไม่ค่อยลง แม้จะยังมีอีกหลายเรื่องที่เถียงกันแบบหัวชนฝาก็ตามที
“ก็ดีนะ น่ารักดี”
“ถ้างั้นเอาคุกกี้นี้ด้วยนะคะ แล้วเรื่องอาหารอื่นๆ คุณอยากให้เพิ่มอะไรลงไปไหมคะ ฉันจัดเตรียมเป็นทั้งแบบบุฟเฟต์และแบบอาหารจานเดียวเสิร์ฟที่โต๊ะเลย ต้องการอะไรอีกไหมคะ” เธอถามความเห็นเขา
“ไม่ล่ะ เธอจัดการเถอะ” เขาตอบแบบเดิมๆ
ภากรดูไม่ยินดียินร้ายใดๆ ทั้งสิ้น เขาปล่อยให้เธอจัดการทุกเรื่องในงานแต่งครั้งนี้เพียงลำพัง โดยที่เขาแค่ทำหน้าที่เป็นสารถีพาเธอไปโน่นไปนี่ตามคำสั่งของบิดา ชัยรัมภาได้แต่ทนเก็บความขมขื่นไว้ในใจ แม้จะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี และเจ็บปวด เพราะนี่เป็นงานแต่งงานเพียงครั้งเดียวในชีวิตของหลิ่น แต่ก็จำต้องยอมกัดฟันทน เพื่อมารดาและต้นกล้า
ตัวชายหนุ่มเองก็คุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวก็ทำใจดีกับเธอ แต่ผ่านไปสักพักก็ทำใจร้ายใส่อีก เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกอยู่หลายครั้ง ด้วยรู้สึกว่าเขาช่างรับมือยากเหลือเกิน
"พอดีฉันมีธุระต้องไปจัดการ เธอจัดการตรงนี้ต่อเลยแล้วกันนะ"
"คุณจะไปไหนหรือคะ?" เธอถามออกไป ทว่าอีกฝ่ายที่ถูกตั้งคำถามใว่กับขมวดคิ้วมุ่น
"ยังไม่ทันจะได้แต่ง ก็ทำตัวเป็นเมียคอยจุกจิกจู้จี้แล้วเหรอ" สายตาของเขามันช่างกวนเบื้องล่างของหล่อนจริงๆ
"ฉันก็แค่ถามดูค่ะ เผื่อว่าคุณพ่อคุณจะถามอะไร ไม่ได้จะมาทำตัวเป็นเมียแบบที่คุณคิด" เธอรีบปฏิเสธ
"เดี๋ยวฉันโทรบอกคุณพ่อเอง มีอะไรด่วนก็โทรมาแล้วกันนะ"
เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็กดรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากร้านไป พนักงานที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยเพื่อรอคอนเฟิร์มรายละเอียดงานกับชัยรัมภาพากันยิ้มเจื่อนๆ
"เรามาคุยกันต่อดีกว่านะคะ" หล่อนจำต้องฝืนยิ้ม
ด้านภากร
เขาถูกเพื่อนๆ เรียกตัวให้มารวมกันที่ร้านประจำ หลังจากได้ทราบข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงาน แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้เป็นผู้ป่าวประกาศด่วยตัวเอง หากแต่บิดาและมารดาของเขาก็แพร่กระจายข่าวไปทั่ว ถึงขั้นลงหนังสือพิมพ์ของแวดวงไฮโซกันเลยทีเดียว
"ไอ้เซียน ทางนี้โว้ย"
'คณิณ' เพื่อนร่วมก๊วนที่มักนัดสังสรรค์กัรเป็นประจำตะโกนเรียกเขา ตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนมารวมตัวกันหมดแล้ว
"ไงครับว่าที่เจ้าบ่าว พอจะแค่งงานนี่หายหัวหายตูดเลยนะ ลืมเพื่อนลืมฝูงเลยว่างั้น"
'โจอี้' หนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าว ดีกรีนายแบบสุดฮอตปรอทแตกรีบเดินเข้ามากอดคอภากรแล้วลากให้ไปนั่งอยู่ตรงกลางท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ
มีเพียงลินินเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เธอนั่งจิบแชมเปญอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ของร้าน
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แค่ตอนนี้ยุ่งๆ เรื่องเตรียมงาน" ภากรตอบแบบขอไปที เขาไม่อยากลงรายละเอียดการแต่งงานครั้งนี้ให้เพื่อนๆ รู้มากนัก ด้วยบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของชัยรัมภาเกินกว่าที่เขาจะเอามาพูดต่อได้
"แล้วว่าที่เจ้าสาวเป็นใครวะ ไม่พามารู้จักบ้าง บอกตรงๆ นะ ทีแรกฉันคิดว่าแกจะได้กับลินินเสียอีก" คณิณพูดออกมาราวกับไไมไาได้คิดอะไร แต่ภากรถึงกับไปต่อไม่ถูก เขาอดไม่ได้ที่ตะหันไปมองหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงด้วยความเป็นห่วง
"พูดอะไรน่ะคณิณ อย่าไปฟังเขาเลยค่ะเซียน เมาแล้วก็ชอบเรื่อนแบบนี้" ลินินทำเป็นไม่ชอบใจ ทั้งที่ในใจตรงกันข้าม เธอต้องการให้มีคนชงเรื่องระหว่างเธอกับภากรเยอะๆ เพื่อที่เขาจะได้มีความรู้สึกอยากจะคิดทบทวนเรื่องของเธอดูบ้าง
"นั่นสิไอ้ณิณ พูดอะไร แบบนี้ลินินเสียหายหมด" ภากรปรามเพื่อน
"แกอย่ามาทำเป็นดูไม่ออก ลินินเธอชอบแก ใครๆ ก็รู้" โจอี้กระซิบ
ภากรเริ่มแสดงสีหน้าลำบากใจ แม้เขาจะไม่ได้ฟันธงเรื่องความรู้สึกที่ลินินมีต่อตัวเขาเอง หากแต่ก็พอจะมองออกอยู่บ้าง เพรยงแต่ว่า...
หล่อนเคยเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทของชัยรัมภา คงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าเขาจะคิดสานสัมพันธ์กับลินิน และอีกอย่าง...
เขาไม่ได้คิดกับเธอมากไปกว่าคำว่า 'เพื่อน' เลย
ลินินคือเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทที่สุดเท่านั้น
"น่าๆ มา ชนๆ เลี้ยงส่งท้ายความโสดให้ไอ้เซียนโว้ย"
'พงศกร' เพื่อนอีกคนที่เคยตามจีบลินินสมัยเรียนมหาวิทยาลัยพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ เขาชูแก้วเหล้าขึ้นรอให้คนอื่นๆ มาชนแก้วด้วย
"ฉลองๆ ยินดีด้วยกับการแต่งงานนะ พรุ่งนี้ก็จะได้เป็นเจ้าบ่าวแล้ว" โจอี้ยื่นแก้วชนเป็นคนแรก
เรื่องสถานที่การจัดงานต่างๆ บิดามารดาของเขาเป็นผู้จัดการทั้งหมด เขามีเพียงหน้าที่เดียวคือไปยืนหล่อๆ ในวันงานเพื่อเข้าพิธีให้เสร็จสิ้นเท่านั้น
พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เขาจะได้กลายเป็นสามีของผู้หญิงที่ทำให้เขาเจ็บเจียนตายมากที่สุดคนนั้น ความแค้นที่รอวันชำระล้างของภากรยังคงลุกโชนไม่เปลี่ยนแปลง