ตอนที่ 18 ใจสั่น (2)

1790 Words
“คุณอ้วกใส่ฉัน” “ฮะ?” “คุณ อ้วก ใส่ ฉัน ค่ะ!” เธอเน้นย้ำทีละคำก่อนจะชี้นิ้วไปที่หลังบ้าน ภากรหันไปมองตามก็พบว่าที่ราวเล็กๆ หลังบ้านมีเสื้อของเขาถูกตากเอาไว้อยู่ และข้างๆ ก็เป็นเสื้อของผู้หญิง ซึ่งคาดว่าคงเป็นเสื้อของชัยรัมภาที่ถูกอ้วกใส่ “ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ว่าตัวคุณไม่ได้ใส่เสื้อ” หล่อนชี้ไปที่ร่างกายท่อนบนของเขา ภากรก้มมองตามก่อนจะรีบยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้เพื่อปกปิดร่างกายราวกับสาวน้อยที่กำลังโป๊เปลือยต่อหน้าสาธารณชน “เธอนี่มันยังไงกัน มีผู้ชายมายืนถอดเสื้ออยู่ตรงหน้าแต่กลับทำเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเนี่ยนะ?” “ทำไมล่ะคะ ฉันเห็นต้นกล้าโป๊บ่อยไป” “นี่เธอ! เธอเอาฉันไปเปรียบกับเด็กอนุบาลได้ยังไง ของฉันมันไม่ได้อันเท่าอนุบาลนะเว้ย” เขาเถียงคอเป็นเอ็น รู้สึกเสียศักดิ์ศรีอยู่หน่อยๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าประหม่าหรือรู้สึกอายเลยที่เห็นเขาในสภาพนี้ “เป็นเด็กประถมหรือไงคะ คิดจะแข่งอะไรกับเด็กอนุบาลเหรอ” เธอไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขานัก ชัยรัมภาเดินไปเปิดตู้กับข้าวแล้วหยิบถ้วยชามออกมาเตรียมแกะข้าวต้มให้ลูกชาย “ฉันซื้อมาเผื่อคุณด้วย ทานต้มเลือดหมูร้อนๆ แก้แฮงก์ก่อนสิคะ” “มี…ของฉันด้วยเหรอ” เขาถามพลางเดินไปยืนซ้อนที่ด้านหลังเธอแล้วชะโงกมองสิ่งที่หล่อนกำลังทำ “มีค่ะ ถุงละห้าสิบบาท ขอเป็นเงินสดนะคะ” หล่อนตอบแบบติดตลกก่อนจะหมุนตัวกลับไปเพื่อจะไปหยิบผ้ามาเช็ดน้ำข้าวต้มที่กระเด็นหก โดยไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ด้านหลัง ทำให้ชนเข้ากับเขาแล้วเซถลาเข้าซบกับอกกว้างอย่างจัง “อ๊ะ!” “ระวัง!” ภากรรีบโอบเอวหล่อนที่ทำท่าจะหงานหลังเอาไว้ เหมือนเวลาหยุดเดิน ทั้งสองต่างสบสายตามองกันด้วยความตกใจ ก่อนที่แก้มนวลของชัยรัมภาจะค่อยๆ ขึ้นสีเลือดฝาด เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันฉายย้อนเข้ามาในหัวในเวลาแบบนี้น่ะสิ ‘ฉันขอจูบเธอได้ไหม?’ หลังจากที่พูดคำๆ นั้น เขาก็โน้มหน้าเข้ามาหาเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ชัยรัมภาไม่อาจปฏิเสธความต้องการของหัวใจตัวเองได้จึงหลับตาพริ้ม รอรับสัมผัสที่โหยหาในใจ ปลายจมูกของเขาแตะลงบนแก้มนวล อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของทั้งสองคนก็จะสัมผัสกัน… ‘อ้วกกกก!’ ยังไม่ทันจะได้สมดังใจรารถนา ภากรที่เมาไม่ไหวแล้วได้อาเจียนใส่ตัวเองและเธอแทนที่จะเป็นจูบหวานๆ อย่างที่ต้องการ “ไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าแดงแบบนี้ล่ะ” คำถามของเขาดึงสติของหล่อนที่หลุดเข้าไปในภวังค์ของเหตุการณ์เมื่อคืนกลับมา เธอรีบผลักเขาออกแล้วเขยิบตัวออกห่าง “ปะ…เปล่าสักหน่อย ฉันแค่ร้อน” “ร้อน? ร้อนตรงไหนกัน นี่มันจะสิ้นปีแล้วนะ อากาศค่อนข้างหนาวด้วยซ้ำ” “เอาเป็นว่าฉันร้อนก็แล้วกันค่ะ เสื้อคุณคงแห้งแล้ว รีบไปใส่เสื้อเถอะค่ะ จะได้มาทานมื้อเช้าด้วยกัน” เธอหลบตาเขา รีบเดินไปเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะแล้วหาอะไรทำไปเรื่อย เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการสนทนาร่วมกัน ภากรมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ที่จู่ๆ เธอก็แสดงท่าทีแปลกๆ ใส่แบบนี้ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองมาสวมใส่ แล้วใช้น้ำที่โอ่งหลังบ้านในการล้างหน้าล้างตา เขามองสภาพบ้านของเธออีกรอบ นึกอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้ลูกคุณหนูอย่างชัยรัมภาตกอับได้ถึงขนาดนี้ แปดปีที่ผ่านมา… เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันแน่ เขาชักสงสัยเสียแล้วสิ “ฉันซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันมาให้ค่ะ” ชัยรัมภาส่งถุงแปรงสีฟันให้เขา ภากรพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปรับของจากเธอ ทำให้มือของทั้งสองคนแตะกันเบาๆ หญิงสาวสะดุ้งโหยง รีบชักมือกลับ ‘รังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง’ ภากรคิดในใจและเริ่มจะหงุดหงิด กว่าจะผ่านความวุ่นวายในช่วงเช้าไปได้ ชัยรัมภาก็แทบหมดแรง เพราะต้นกล้าเอาแต่ถามคำถามภากรไม่หยุด หนำซ้ำตัวเขาเองก็ยังสอนเรื่องแปลกๆ ให้ลูกชายของเธอ รวมถึงสอนให้ต้นกล้าเตะต่อยและใช้ความรุนแรงอีกด้วย “อย่าลืมนะต้นกล้า ถ้าใครมาแกล้งหรือมาล้อเลียนต้นกล้าอีก ตะบันหน้าแบบที่ลุงสอนเลย เข้าใจไหม” ภากรย้ำกับต้นกล้าขณะที่เด็กชายกำลังก้มใส่รองเท้านักเรียนเพื่อเตรียมเดินไปโรงเรียน “ครับคุณลุง!” ต้นกล้ารับคำ ช่วงมื้อเช้า ทั้งคู่เอาแต่คุยกันจนเริ่มสนิทสนมและภากรก็บอกให้ต้นกล้าเรียกเขาว่าลุง ชัยรัมภาได้แต่ส่ายหน้าระอา ไม่รู้จะห้ามอย่างไรดี “ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าอย่าสอนให้ต้นกล้าใช้ความรุนแรง ต้นกล้า ห้ามทำแบบนั้นนะลูก” หล่อนปรามลูกชาย “ครับแม่” ต้นกล้ารับคำเสียงหงอย “นี่เธอ มันไม่ได้เรียกว่าการใช้ความรุนแรง ฉันสอนให้ต้นกล้ารู้จักปกป้องตัวเองมันผิดตรงไหน” “แต่ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องจบด้วยการใช้ความรุนแรงเสมอไปนี่คะ ถ้าต้นกล้าติดจนเป็นนิสัยจะทำยังไง” เธอเถียงกลับ “แต่เราจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกลูกเราไม่ได้!” ภากรเองก็เถียงกลับเช่นกัน ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ชัยรัมภาชะงัก หัวใจที่สงบนิ่งไปแล้วเริ่มกลับมาสั่นระรัวอีกครั้ง “ตะ…ต้นกล้าเป็นลูกของฉันค่ะ ไม่ใช่ของเรา” “คือ…ฉันหมายถึงว่า…เธอไม่ควรยอมให้ใครมารังแกต้นกล้า” เขารีบเฉไฉ “ฉันไม่ได้ยอมให้ใครมารังแกต้นกล้านะคะ ฉันแค่ไม่อยากให้ลูกติดนิสัยการใช้ความรุนแรงเท่านั้น” “แต่บางครั้งความรุนแรงก็ช่วยปกป้องเราจากเรื่องไม่ดีได้นะ ศิลปะป้องกันตัวน่ะ รู้จักไหม” ทั้งสองคนยังเถียงกันไม่เลิก ต้นกล้าได้แต่หันไปมองทางซ้ายที ทางขวาที ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายพลางส่ายศีรษะ “เฮ้อออ เด็กเพลีย” ร้านอาหาร คงเดชและคุณหญิงพิสมัยต่างมองหน้ากันสลับกับมองภากรและชัยรัมภาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัย หลังจากทั้งคู่มาถึงร้านอาหารตามเวลาที่นัดหมาย พวกเขาก็เอาตาเชิดหน้าใส่กันราวกับกำลังทะเลาะกันอยู่ ไม่มีใครยอมมองหน้าใครก่อนเลย “เป็นอะไรไปล่ะ ทั้งสองคน” คงเดชที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเอ่ยถาม “ถามว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดของคุณพ่อดูเองสิครับ ว่าดื้อด้านแค่ไหน” ภากรตอบ แต่มิวายเหน็บแนมเธอไปด้วย “ฉันไม่ได้ดื้อด้านนะคะ คุณนั่นแหละที่ดื้อ” เธอตอบกลับ พวกเขาหันมามองหน้ากันแล้วเริ่มเอ่ยปากเถียงกันอีกครั้ง ตลอดทางที่เดินจูงมือต้นกล้ากันคนละข้างไปส่งที่โรงเรียน จนกระทั่งถึงโรงเรียน และขับรถมายังสถานที่นัดหมาย พวกเขาเถียงกันไม่หยุด และลงเอยที่ไม่พอใจอีกฝ่ายจนไม่อยากจะคุยด้วย “เอ่อ มีใครพอจะบอกแม่ได้ไหมจ๊ะ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรอยู่” “ต้นกล้าครับ!” “ต้นกล้าค่ะ” “ต้นกล้า? หมายถึงลูกชายของหนูภาเหรอลูก” คงเดชถามต่อ “ใช่ค่ะคุณลุง พอดีคนแถวนี้เขาไปสอนให้ต้นกล้าหัดใช้ความรุนแรงค่ะ ภาไม่เห็นด้วยก็เลยโต้แย้งไป แต่คนแถวนี้ก็ไม่ยอม และคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกค่ะ” คำว่า ‘คนแถวนี้’ หล่อนเน้นเสียงและเหลือบไปมองทางภากร “ไม่ต้องมาคนแถวนี้หรอก ผมนี่แหละครับคุณพ่อ ก็ต้นกล้าเล่าให้ผมฟังเรื่องที่เด็กที่โรงเรียนแกล้งแล้วก็ล้อเลียน ผมเลยสอนไปว่าถ้าโดนใครทำแบบนั้นอีกก็อย่าไปยอม ให้สู้กลับ แล้วก็สอนเชิงมวยเล็กๆ น้อยๆ พอให้ป้องกันตัวได้ก็แถวนั้นเองครับ แต่คนแถวนี้! กลับเห็นว่าเป็นการใช้ความรุนแรง” ภากรตอบโต้กลับ คงเดชและคุณหญิงพิศมัยพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว พลางยิ้มอย่างเอ็นดูในการโต้เถียงกันเป็นเด็กๆ ของคู่ตรงหน้า “นึกว่าเรื่องอะไร จริงๆ ลุงเห็นด้วยกับเจ้าเซียนนะหนูภา ให้เรียนศิลปะป้องกันตัวเอาไว้ก็ไม่เสียหาย โลกใบนี้โหดร้ายขึ้นทุกวันๆ ลุงว่าเป็นเรื่องดีต่อต้นกล้ามากกว่านะ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา อะไรจะเกิดขึ้นบ้างเราไม่รู้ล่วงหน้าเลยนะลูกนะ” คงเดชตะล่อมและอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล “ภาเข้าใจค่ะ ภาเองก็เห็นด้วยกับคุณลุงนะคะ” “อ้าว อะไรอะ ทีตอนฉันพูดจนปากแทบฉีก เธอเถียงกลับทุกคำ ทำไมพอคุณพ่อพูด ถึงได้ยอมเห็นด้วยง่ายแบบนี้” ภากรแย้งด้วยความไม่พอใจ “ก็คุณพูดไม่มีเหตุผล” “ฉันพูดเหมือนที่คุณพ่อพูดเปี๊ยบเลยเหอะ” ชัยรัมภาไม่ตอบโต้กลับ และเมินเขาไปเสียดื้อๆ ภากรได้แต่เจ็บจำ และเก็บความหมั่นเขี้ยวหล่อนเอาไว้ในใจรอวันล้างแค้น “ผมจะให้คนไปจัดการเรื่องหาที่เรียนศิลปะป้องกันตัวให้ต้นกล้าเองครับคุณพ่อ เอาเป็นมวยไทยดีไหมครับ หรือเทควันโดดี แต่สมัยนี้ เรียน MMA ก็ดีครับ ได้เกือบทุกแขนงเลยด้วย” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องของต้นกล้า เดี๋ยวฉันจัดการเองได้ ไม่อยากรบกวนคุณ…” “ฉันทำเพื่อต้นกล้า ไม่ได้ทำให้เธอสักหน่อย” ภากรแย้ง แม้จะไม่อยากรบกวนเขา แต่ในเมื่อเจ้าตัวพูดมาขนาดนี้ ชัยรัมภาก็ไม่อยากขัด ทำได้เพียงยกมือไหว้ขอบคุณเขา “ขอบคุณนะคะ ที่เอ็นดูต้นกล้า” “เด็กก็คือเด็ก เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไร และไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันไม่มีทางใจร้ายกับเขาแค่เพราะว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงไม่ดีหรอก” “เจ้าเซียน!!!” คงเดชเรียกชื่อลูกชายเสียงดุดัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD