ตอนที่ 16 ลินิน (2)

1902 Words
ด้านภากร “อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้นะยัยภา” ลินินพูดใส่มือถือของภากรที่เธอแอบเอามาส่งรูปให้ชัยรัมภา ด้วยเจ้าของโทรศัพท์ดื่มเหล้าจนเมาหลับคาโต๊ะไปแล้ว หญิงสาวจึงอาศัยจังหวะที่เขาเมาไม่ได้สติ จัดท่าทางทำเป็นกำลังกอดและนัวเนียกับภากรอยู่ โดยให้เด็กเสิร์ฟของที่ร้านช่วยเอามือถือของเขาถ่ายรูปให้ ก่อนจะส่งรูปนั้นไปให้ชัยรัมภาและทำการกดลบออกจากห้องแชทของภากรและอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เขาจับได้ “แปดปีก่อนฉันแยกเธอกับเขาออกจากกันได้ ครั้งนี้ฉันก็ต้องทำได้อีก” ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันด้วยกำลังคิดหาแผนร้ายในใจ ก่อนจะนึกย้อนไปถึงสมัยเรียนมัธยม เธอที่ในตอนนั้นเป็นแค่เด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ ใส่แว่นหนาเตอะเพราะสายตาสั้น ได้แต่คอยตามหลังชัยรัมภาต้อยๆ ทุกคนเพียงรู้จักลินินในฐานะเพื่อนของชัยรัมภาเท่านั้น ตลอดมาเธอเปรียบเหมือนเงาที่อยู่ภายใต้แสงสว่าง และแน่นอนว่าแสงสว่างนั้นก็คือชัยรัมภา หญิงสาวแสนสวยและเพียบพร้อม มีแต่คนหมายปองและอยากจะได้เธอเป็นแฟน ตรงกันข้ามกับลินินที่ถูกมองข้าม ผู้ชายทุกคนที่เธอเคยสารภาพรัก ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…ที่ยอมคุยกับเธอ ก็เป็นเพราะเธอคือเพื่อนของชัยรัมภาเท่านั้น จากที่เคยชื่นชอบและปลาบปลื้มกับการได้เป็นเพื่อนรักขอผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียน ลินินก็เริ่มมองมิตรภาพนี้เปลี่ยนไป เธอไม่ต้องการอยู่ใต้เงาของใครอีก เธอต้องการถูกรู้จักในฐานะของ ‘ลินิน’ ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนรักของใคร! “คุณรู้ไหมคะ ว่าคุณคือแสงสว่างในชีวิตของฉัน” นิ้วเรียวลูบไล้ไปที่แก้มของภากรที่เมาหลับอย่างทะนุถนอม ที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยสารภาพความในใจกับเขา เพราะกลัวจะต้องเสียมิตรภาพดีๆ ที่เขามอบให้ไป แต่คิดไม่ถึงว่า…ในขณะที่เธอพยายามจะเป็นเพื่อนผู้แสนดีให้เขา ผู้หญิงที่เปรียบเหมือนศัตรูหัวใจมาตลอดของเธอจะมาแย่งเขาไปง่ายๆ แบบนี้ “ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งคุณไปทั้งนั้น คุณต้องเป็นของฉันคนเดียว” ลินินกำมือแน่น ความแค้นที่เคยมีต่อชัยรัมภาปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเพื่อจะทำให้ภากรเป็นของเธอคนเดียวตลอดไป ต่อให้ต้องทำลายใครจนพินาศย่อยยับ ลินินก็ไม่สนใจ! “อ๊ะ ให้ตายสิ ผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้วครับเนี่ย” ภากรที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเอ่ยถาม เขายังไม่สร่างเมาและยังมีอาการปวดศีรษะจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีกด้วย “ไม่นานหรอกค่ะ คุณเมาหลับไปแค่สองชั่วโมงเอง” “สองชั่วโมง! ไม่ได้ละ ผมต้องรีบกลับบ้าน พรุ่งนี้คุณพ่อนัดทานข้าวไว้ด้วย” ภากรพยายามจะลุกขึ้นเดินไปที่รถ แต่ก็เมาจนเซไปทางนั้นทีทางนี้ที ลินินรีบเข้าไปช่วยประคองเขาไม่ให้ล้ม “เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่าค่ะ” “ไม่เป็นไรครับๆ เรียกคนขับรถให้ผมก็พอ” “จะดีเหรอคะ?” “ครับ มันดึกแล้ว คุณรีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมโทรหา” คำว่าเดี๋ยวเขาจะ ‘โทรหา’ ทำให้หล่อนใจฟู อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ ผู้หญิงที่เขาเห็นความสำคัญมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นตัวเธอแน่ๆ “ค่ะๆ เดี๋ยวฉันให้คนโทรเรียกรถให้” ลินินส่งซิกเรียกเด็กเสิร์ฟให้เข้ามาประคองเขาแทน ก่อนจะเดินไปบอกพนักงานของร้านให้โทรเรียกรถมาให้ ยืนรออยู่ไม่นาน รถที่เรียกก็มาจอดที่หน้าร้าน ภากรถูกพาขึ้นนั่งที่เบาะหลังคนขับ “ไปตามที่อยู่นี้นะคะ” ลินินส่งที่อยู่ของเขาให้กับคนขับพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง “ได้ครับ” “เซียนคะ ถ้าถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วยนะ” เธอเดินมาที่เบาะหลังแล้วเอ่ยกับเขา คนเมาแทบไม่ได้สติพยักหน้ารับ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ลินินยืนยิ้มมองเขาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหมายจะจูบแก้มชายหนุ่ม ทว่า… “ฮื่ออออ!” ภารกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วเอามือขึ้นเกาแก้มตัวเอง ลินินรู้สึกเสียหน้าด้วยมีสายตาของพนักงานและคนขับรถกำลังมองอยู่ “ไปได้เลยค่ะ” เธอจำต้องบอกให้คนขับออกรถแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านทันที คนขับออกรถมาได้ครู่หนึ่ง ภากรที่กึ่งหลับกึ่งตื่นก็ขยับตัวขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะเอ่ยคำสั่งกับคนขับที่กำลังจะขับไปทาบ้านของเขา “ไปที่ชุมชนใต้ทางด่วนตรงสี่แยกข้างหน้าแทนนะครัย” “อ้าว แล้วไม่กลับบ้านเหรอครับ” คนขับเอ่ยถาม “ผมก็จะไปบ้านผมนี่ไง” “แต่ว่าที่อยู่ที่แฟนคุณให้มา…” “ลินินเป็นเพื่อน ไม่ใช่แฟน เอาเป็นว่าไปที่ชุมชนนั้นแล้วกัน เดี๋ยวผมจ่ายเงินเพิ่ม” “แต่…” “ผมจะไปบ้านเมียผม ทีนี้จะไปได้หรือยังครับ” ภากรเริ่มใส่อารมณ์ คนขับเลยได้แต่พยักหน้ารับแล้วทำตามที่เขาสั่ง ด้วยตั้งใจว่าถ้าไปถึงแล้วไม่มีบ้านใครจริงๆ ค่อยโทรหาลินินที่เขียนเบอร์ใส่ไว้ในกระดาษที่อยู่ด้วยภายหลังเอาก็ได้ ด้านชัยรัมภา กว่าจะเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วเอาต้นกล้าเข้านอน เวลาก็ล่วงเลยมาจนเที่ยงคืนกว่า ชัยรัมภาเพิ่งจะอาบน้ำทาแป้งหอมๆ เสร็จ เธอเดินสำรวจกลอนประตูรอบบ้านว่าลงกลอนเรียบร้อยดีแล้วเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเดินไปดูต้นกล้าที่หลับอยู่ในมุ้งอีกครั้ง เมื่อพบว่าลูกชายหลับสนิทดีก็เดินไปปิดไฟ เหลือทิ้งไว้แค่โคมไฟสีส้มอันเล็กๆ พอให้มีแสงสว่างตอนกลางคืน ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งพิงผนังบ้านไม้ผุๆ ของตัวเองพลางคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้อยู่นานสองนานกว่าจะสงบลง ซ้ำยังเช็ดน้ำตากับเสื้อของเชฟกอร์ดอนจนเปียกปอนอีกต่างหาก โชคดีที่เขาไม่ถามอะไร พอเห็นว่าเธอหยุดร้องไห้แล้วก็ให้เธอกับต้นกล้าเข้าบ้านและขอตัวกลับ ชัยรัมภาตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้ หลังจากไปทานข้าวกับภากรและครอบครัวของเขาเสร็จแล้ว เธอจะแวะไปที่ร้านอาหารเพื่อบอกทุกคนถึงเรื่องการแต่งงานด้วยตัวเอง รวมถึงขอโทษเชฟกอร์ดอนที่วันนี้เธอทำเรื่องน่าอายใส่ไปตั้งเยอะ ทั้งที่เขาอุตส่าห์มาหาด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ “ภา! ชัยรัมภา!” “???” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก หญิงสาวขมวดติ้วมุ่นด้วยคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไป “ชัยรัมภา! ได้ยินไหม! ภา!!!” “ภากร?!” หล่อนอุทานกับตัวเอง ไม่ใช่การหูฝาดแต่เป็นเสียงของเขาจริงๆ ร่างบางระหงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้านเพื่อยืนยันว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเขาจริงๆ ทันทีที่เปิดประตูออกไป ก็เจอกับภากรที่ถูกผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังประคองเอาไว้ยืนอยู่ “คุณ…มาทำอะไรที่นี่คะ?” หญิงสาวเดินออกมาหาเขา เธอค่อยๆ ปิดประตูลงเพราะไม่อยากให้ต้นกล้าตื่นมาได้ยินเสียง “นี่ไงเมียผม ผมบอกแล้วว่าผมจะมาบ้านเมียผมจริงๆ คุณก็ไม่เชื่อ” ภากรหันไปโวยวายใส่คนขับที่ประคองเข้าเดินเข้ามาจนถึงด้านในเพราะไม่สามารถขับรถเข้ามาในซอยเล็กๆ นี้ได้ “ขอโทษนะครับ คุณเป็นเมีย เอ๊ย เป็นแฟนเขาใช่ไหมครับ พอดีเขาเมาอยู่ที่บาร์ เพื่อนของเขาเลยเรียกคนขับให้พามาส่งน่ะครับ” “เอ่อ…ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเป็น…” ชัยรัมภาอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “นี่เงินครับ ขอบคุณมากที่มาส่งผมถึงที่ กลับไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวเมียผมดูแลเอง” ภากรยัดเงินใส่มือของคนขับแล้วไล่ให้อีกฝ่ายกลับไป ก่อนจะเดินโงนเงนเข้ามาทางชัยรัมภา หญิงสาวรีบปรี่เข้าไปรับตัวเขาก่อนที่ชายหนุ่มจะเอาหัวโหม่งพื้นโลก “คุณภากร!” เขาตัวหนักกว่าที่เธอคิด ทำเอาแทบจะล้มไปด้วยกัน ชายหนุ่มยังคงไม่ได้สติเต็มร้อย เขาทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของชัยรัมภาแบบไม่มีกั๊ก “อ๊ะ คุณภากร ฉันหนักนะคะ เดินดีๆ ได้ไหม” หล่อนไม่สามารถเปลี่ยนท่าไปเดินประคองเขาดีๆ ได้เลย สภาพในตอนนี้จึงเหมือนทั้งสองคนกำลังกอดกันกลมเสียมากกว่า และนั่นทำให้เธอต้องค่อยๆ เดินถอยหลังเพื่อพาเขาเข้าไปในบ้านแทน “ชัยรัมภา” ภากรเอ่ยเรียก น้ำเสียงของเขายังขาดๆ หายๆ เพราะยังไม่สร่างเมา ชายหนุ่ปรือตามองคนตัวเล็กกว่าที่พยายามอย่างสุดฤทธิ์เพื่อแบกเขา ปึง! “อ๊ะ คุณภากร! เดินดีๆ สิคะ ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ” หล่อนเริ่มบ่น ภากรดันตัวชัยรัมภาจนติดกับกำแพงบ้านของหล่อน สองแขนวางนาบไปกับผนังบ้านเพื่อล็อกเธอให้อยู่ใต้อาณัติของเขา ใบหน้าหล่อคมคายโน้มเข้าไปกล้ เขามองเห็นหน้าหล่อนไม่ชัด และไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่ แต่อย่างน้อย ถ้าหากนี่เป็นความฝัน เขาก็หวังว่าตัวเองจะสามารถพูดสิ่งที่คิดและค้างคาใจกับหล่อนในความฝันของตัวเอง “ทำไม…” “…” “ทำไมถึงรังเกียจที่จะจูบกับฉัน” “นี่คุณเมามากแล้วนะ ฉันว่าคุณไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า…” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องแล้วดันตัวเขาออก ด้วยอารมณ์ของเขาตอนนี้ บวกกับการขาดสติจากฤทธิ์เหล้า ทำให้เธอไม่อยากเข้าใกล้หรือพูดคุยด้วยมากนัก “ไม่ จนกว่าเธอจะตอบฉัน” “คุณภากร!” “จูบของฉัน…เธอรังเกียจมันจริงๆ เหรอ” เขาถามย้ำอีกครั้ง ชัยรัมภาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา จากที่ตั้งใจจะเอ่ยปากให้เขาหยุดพูด ทว่าพอเห็นนัยน์ตัดพ้อของชายหนุ่มที่มองมาแล้วก็พูดไม่ออก “คือฉัน…” หล่อนอ้ำอึ้ง “ฉันอยากจูบเธอ” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจและตั้งรับไม่ทัน หัวใจดวงน้อยสั่นๆ ระรัวจนแทบทะลุออกมาจากอก “คะ…คุณพูดอะไรน่ะ เมามากแล้วใช่ไหมคะ” “จริงๆ นะ” “…” “ฉันขอจูบเธอได้ไหม?” ภากรถามด้วยน้ำเสียงจริงจังและสายตาที่เว้าวอน ชัยรัมภาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง เมื่อทั้งสองคนได้สบตากัน ก็เหมือนมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น ค่อยๆ ผลักให้พวกเขาเข้าใกล้กัน ทีละนิด… ทีละนิด… หญิงสาวหลับตาพริ้ม สองมือจับต้นแขนกล้ามแน่นของอีกฝ่ายเอาไว้ ขณะที่ภากรเองก็ค่อยๆ ก้มหน้าจรดริมฝีปากลงมา…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD