บาร์แห่งหนึ่ง
“ไงคะ รอนานไหม” ลินินที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามากอดทักทายภากรที่ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“นั่งก่อนสิครับ ผมสั่งอาหารที่คุณชอบไว้รอแล้วนะ ทานอะไรมาหรือยัง” ภากรถาม
“ยังค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ยังรู้ใจฉันไม่เปลี่ยนเลย” เธอยิ้มหวานก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา
มีดนตรีเปิดคลอเบาๆ โต๊ะทุกโต๊ะแบ่งสัดส่วนการนั่งอย่างชัดเจนทำให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว บาร์แห่งนี้เขาและลินินมักจะมาด้วยกันบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยไปเรียนต่อโทที่ฝรั่งเศส แล้วมีโอกาสกลับมาบ้างในช่วงซัมเมอร์ มิตรภาพอันยาวนานของพวกเขายังคงมีอยู่ แม้ว่าพักหลังจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยก็ตาม
“แล้วตกลงมันยังไงกันคะ เรื่องของคุณกับยัยภา มาลงเอยแบบนี้ได้อย่างไร?” ลินินเข้าเรื่องทันที
ภากรวางแก้วค็อกเทลของตัวเองลงกับโต๊ะก่อนจะถอนหายใจยาว ท่าทางที่ดูไม่สู้ดีของเขาทำให้หล่อนแอบยิ้ม อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่ได้ยินดีและเต็มใจที่จะแต่งงานกับชัยรัมภา
“คือว่า…เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะ…” ภากรเริ่มเราเรื่องทั้งหมดให้ลินินฟัง
ด้านชัยรัมภา
เธอไปรับต้นกล้ามาจากบ้านของหมวดเรย์ สองแม่ลูกพากันกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายเข้าไปที่เรือนหอ แม้เธอจะไม่ได้ต้องการให้มีเรือนหอแยกเพราะเต็มใจที่จะอาศัยอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบันที่ภากรและบิดามารดาอาศัยอยู่ด้วยกัน หากแต่คงเดชก็ไม่ยอม และยืนยันที่จะซื้อเรือนหอหลังนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน
ครืดๆ
มีข้อความไลน์เด้งเข้ามา ชัยรัมภาจึงหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นข้อความจากภากร เขาส่งรูปของตัวเองที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงนัวเนียกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาให้ แม้ว่าในภาพจะเห็นหน้าเขาและอีกฝ่ายไม่ชัด แต่หล่อนก็จำได้ว่าผู้ชายในรูปคือภากรไม่ผิดแน่
หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม แม้จะรู้สึกหน่วงๆ ในหัวใจด้วยอีกไม่กี่วัน เขาก็จะมาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของหล่อนแล้ว ดูท่าชีวิตคู่ของเธอ คงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจเท่านั้นสินะ
“แม่ครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ต้นกล้าที่เห็นว่าจู่ๆ มารดาก็หยุดเดินเอ่ยถาม
“เปล่าจ้ะ แม่ไม่เป็นไรจ้ะ”
“แต่แม่ร้องไห้…” เด็กชายยังถามต่อ
ต้นกล้าเม้มปากแน่น มองมารดาด้วยความรู้สึกสงสาร อาจเพราะยังเด็กมาก จึงไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่ แต่ต้นกล้าก็พอจะมองออกว่าช่วงเวลาไหนที่แม่ของเขากำลังเสียใจ
“ตายละ ฝุ่นเข้าตาแม่ล่ะมั้งเนี่ย ไม่มีอะไรหรอกจ้ะต้นกล้า แม่สบายดี”
เธอยังยืนยันคำตอบเดิม หญิงสาวรีบปาดน้ำตาที่ไหลลงมาทิ้งเพราะไม่อยากให้ลูกชายต้องเป็นกังวลมากไปกว่านี้ เธอก็แค่ต้องอดทนเท่านั้น ถ้ำเป็นไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ โฟกัสแค่ว่ามารดาและลูกชายจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย ทุกการกระทำที่ทำให้ต้องเสียใจของภากรก็จะไม่เป็นผลต่อเธอ
“ภา…”
“เชฟ!” หล่อนตาโตด้วยความตกใจ
ที่หน้าบ้านของชัยรัมภา เชฟกอร์ดอนมานั่งรอเธอได้ร่วมชั่วโมงแล้ว พอเห็นหญิงสาวกำลังเดินมา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยเรียก
“มาได้ยังไงกันคะ มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”
“ฉันมา…ถามเรื่องนี้น่ะ”
เชฟกอร์ดอนเปิดรูปภาพในไลน์กลุ่มร้านที่ชัยรัมภาส่งเข้าไปให้ทุกคนเมื่อตอนเย็น มันคือภาพการ์ดงานแต่งงานของเธอกับภากร ที่ทางผู้จัดงานส่งเข้ามาให้
“เธอจะแต่งงานเหรอ” เขาถามน้ำเสียงกังวล
หญิงสาวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับในโชคชะตาที่โหดร้ายนี้ นอกจากหล่อน…คงไม่มีใครอีกแล้วบนโลกที่ต้องแต่งงานเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว
ยิ่งคิด…
ก็ยิ่งรู้สึกไร้ศักดิ์ศรี
“เธอมีแฟนด้วยเหรอ เมื่อไหร่กันล่ะ ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
เป็นครั้งแรกที่เชฟกอร์ดอนพูดคุยและเอ่ยคำถามกับเธอมากมายเช่นนี้ ที่ผ่านมาเธอคิดว่าเขาเป็นคนดุและเข้าถึงยากจึงไม่ค่อยกล้าคุยด้วยนัก แม้ในหลายๆ ครั้ง เขาจะดูใจดีกับเธอก็ตามที
“มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ฉันคงบอกเชฟไม่ได้ แต่ว่า…ฉันจะยังทำงานเหมือนเดิมนะคะ ถ้าผ่านพ้นช่วงงานแต่งไปสักพัก ฉันก็จะกลับไปทำงานค่ะ ถ้าเชฟยังให้โอกาส…”
“เรื่องนั้นฉันให้โอกาสเธออยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องแต่งงาน…” เชฟกอร์ดอนยังไม่ละความพยายาม
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมหล่อนถึงแต่งงานปุบปับแบบนี้
“ยังไงก็เรียนเชิญเชฟมาเป็นเกียรติในงานแต่งของฉันด้วยนะคะ ฉันเชิญทุกคนเลย แล้วก็…แล้วก็ไม่ต้องห่วง…”
พูดยังไม่ทันจะขาดคำ น้ำตาของหล่อนก็รินไหลออกมาอีกครั้ง ภาพที่ภากรนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมันยังติดตา ทำไมชีวิตของหล่อนต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมถึงจะต้องแต่งงานกับผู้ชายใจร้าย ที่ไม่เคยแม้แต่จะให้เกียรติเธอเสียด้วยซ้ำ
เธอที่กำลังจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา
ทำไมเขาถึงกล้าส่งรูปตัวเองกับผู้หญิงมาเยาะเย้ยแบบนี้กัน!
ชัยรัมภาท้อแท้ในโชตชะตาของตัวเองเหลือเกิน แค่เริ่มต้น ยังรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้ ต่อไป ชีวิตหลังแต่งงานของเธอคงเต็มไปด้วยความทุกข์แสนสาหัส
“แม่ครับ…” ต้นกล้าเริ่มเบะปากตาม
เชฟกอร์ดอนเห็นท่าไม่ดี ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นและยื่นมาเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน
“ยัยบ้า จะแต่งงานหรือจะไปออกรบ ร้องไห้ทำไมฮะ”
“นั่นสิคะ ฉันจะร้องไห้ทำไม ฮึก…”
แม้ปากจะตอบรับไปแบบนั้น หากแต่น้ำตามันกลับไม่หยุดไหล ต้นกล้าโผเข้ากอดขามารดาเอาไว้ ขณะที่เชฟกอร์ดอนไม่อาจทนมองน้ำตาของคนตรงหน้าได้อีกต่อไป จึงเอื้อมมือไปดันศีรษะของหล่อนให้โน้มมาข้างหน้าเพื่อซบกับไหล่กว้างของตัวเอง
“ฮืออออ” ต้นกล้าร้องไห้เสียงดังลั่น
“ฮึก…” ชัยรัมภาสะอื้นไห้เบาๆ
‘คนบ้า ถ้ามีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว แล้วจะมาจูบฉันทำไมกัน!’
หล่อนคิดในใจ ยิ่งคิด น้ำตาก็ยิ่งไหล ในสายตาของภากร หล่อนคงไร้ค่ามากเสียจนเขาคิดว่าอยากจะจูบเมื่อไหร่ก็ได้ หรือทิ้งขว้างยังไงก็ไม่เป็นไรสินะ