ตอนที่ 1

2610 Words
ณ โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาสี่โมงเย็น เป็นเวลาที่นักเรียนต่างมาออกกำลังกายบ้าง เดินเล่นหาอะไรกินบ้าง หรือกลับบ้านในกรณีที่ไม่อยู่หอพักของโรงเรียน หลินสาวน้อยวัย 17 ปีเรียนชั้นม.5 ห้องคิง เธอคือดาวเด่นลำดับต้นๆของโรงเรียนที่มีการจัดอันดับในปีนี้ แต่ความจริงนั้นเธอได้เป็นนักเรียนดีเด่นมาสองปีติดแล้ว “พี่หลินขอถ่ายรูปด้วยนะคะ” รุ่นน้องสามคนตามมาขอถ่ายรูปเป็นเรื่องปรกติ “ได้ค่ะ” เธอมักจะมีคนมาแอบตามหรือขอถ่ายรูปเสมอเช่นเดียวกันกันนักเรียนคนอื่นที่ได้ตำแหน่งนี้ ที่โรงเรียนจะมีการจัดอันดับนักเรียนดีเด่นซึ่งเธอติดมาลำดับต้นๆของกลุ่มเสมอ “พี่สวยจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” “คนอื่นสวยกว่าเยอะนะ” เธอส่งโทรศัพท์คืนแล้วไปตามนัดกับเพื่อนสนิทเพราะวันนี้คือวันเกิดเพื่อนที่เป็นดาวเด่นไม่ต่างกันเลย แต่น่าเสียดายที่มีแฟนกันหมดแล้ว เพื่อนเธอเลี้ยงฉลองง่ายๆในร้านไอติมหน้าโรงเรียนและแน่นอนว่าเด็กสาวดาวเด่นของโรงเรียนรวมตัวกันทำให้คนแอบมองเป็นธรรมดา เธอและเพื่อนก็ค่อนข้างชินเรื่องนี้แล้ว “แฮปเบิร์ดเดย์นะป่าน” “จ้าหลินแล้วคืนนี้ยังไง จะไปบ้านเค้าไหม?” ป่านชวนเพื่อนรักเพราะที่บ้านจะจัดงานเล็กๆกันคงจะดีถ้ามีเพื่อนรักไปด้วย เธอหนักใจเพราะต้องเข้าหอก่อนสามทุ่มนี่สิ “คงไม่ได้หรอก เค้าต้องรีบเข้าหอเดี๋ยวลุงยามจะโทรบอกแม่เค้าอีก ไม่อยากโดนแม่ดุ” ลุงยามดุมากด้วย เธอไม่กล้า “ก็ได้ งั้นเค้ากลับก่อนนะ” แฟนมาจอดรถรอรับแล้วถึงบอกลาเพื่อนรักที่กำลังจะกลับเหมือนกัน เธอมองตามเพื่อนตาละห้อยเลย “เมื่อไรจะเรียนจบนะหลิน!” อีกแค่ปีกว่าๆเท่านั้น แต่ให้ตายสิมันยากมากเพราะต้องสอบสารพัดเลย เธอตัดใจรีบกินไอติมจนหมดแล้วแวะซื้อของต่อนิดหน่อย ไปเดินเล่นและจะอ่านหนังสือจะได้ไม่ง่วงมากเกินไป นี่ขนาดอยู่หอนอกนะ ถ้าอยู่หอในไม่อยากจะคิดเลยว่าจะอึดอัดขนาดไหน โรงเรียนเธอกฎค่อนข้างเคร่งครัดมาก แล้วหอพักช่วงนี้ก็ชอบมีคนหน้าแปลกเข้ามาบ่อยๆ เธออยู่คนเดียวเลยกลัวเพราะญาติที่นี่ไม่มีเลยนอกจากย่าที่อยู่อีกอำเภอโน้นแหนะ ในขณะที่ชายชุดดำนับสิบคนต่างก้มมองพื้นไม่กล้าสบตาผู้เป็นนายเพราะทำงานใหญ่พลาดจนเกือบถูกจับได้ เสี่ยไทม์นั่งกระดิกนิ้วเคาะโต๊ะทำงานเป็นจังหวะ นัยน์ตามองลูกน้องฝีมือดีที่ส่งไปซื้อตึกมาไม่สำเร็จสักทีแถมขู่แล้วยังไม่ได้อีก ผลั้ว!! ตับ!! ตุบ!! ผลั๊ก!! อักกก… “เสี่ยครับอีแก่นั่นมันดื้อมากอีกอย่าง…” ริวรีบรายงานก่อนจะมีคนเจ็บเยอะกว่านี้เพราะเจ้านายโมโหร้ายเกินไป “แล้วพวกมึงไม่มีปัญญากันรึไงวะ!?” เสี่ยไทม์มองลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องทีละคน แล้วไม่มีคนไหนไม่ได้เลือด “คือลูกอีแก่มันเป็นนายตำรวจใหญ่นะเสี่ยถ้าผมทำอะไรรุนแรงผมเกรงว่ามันจะมีปัญหาถึงเสี่ยได้” ริวอธิบายเพิ่มเติมแต่ต้องก้มหน้าเพราะแววตาแข็งของเสี่ยจ้องอยู่ เขาควรจะเข้าใจเหตุผลตื้นๆของพวกขี้ขลาดตาขาวนี้ไหม? “ถ้ามันขายยากนักก็เผาแม่งซะ กูอยากจะรู้นักว่ามันจะทนได้ซักกี่น้ำ” เขาก็ไม่อยากจะรังแกคนแก่เท่าไรหรอก แต่ในเมื่อขอซื้อดีๆแล้วไม่ขายก็ต้องบังคับกันบ้าง “เสี่ยแต่ว่า…” “หรือต้องทำกูทำเองห๊ะ!?” “มะ...ไม่ครับเสี่ย เรื่องนี้ผมจะจัดการทันที!” ถ้าถึงมือเสี่ยไทม์แล้วฉิบหายมากแน่นอน ไอ้ริวมันรีบก้มหน้าหลบสายตาเขาทันที ก็ลองมันปฎิเสธสิได้เจอของจริงแน่ว่าเป็นยังไง เขาหยิบบุหรี่มาสูบแก้เครียดกับงานที่ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง แค่เรื่องง่ายๆยังทำพลาดได้ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้นแน่ “แม่งเอ้ย!” เวลาผ่านไปเกือบเดือนที่เขาให้คนไปจัดการอีแก่ที่มันดื้อด้านเกินไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เขาจะมาจัดการเองกับมือ ฉิบหายแน่มึงอีแก่กูจะเผาให้คนไม่กล้าอยู่เลย “มึงไปจัดการกล้องเรียบร้อยใช่ไหม?” เขาใส่ถุงมือพร้อมกับปิดหน้าจนเหลือเพียงแค่ตาที่เห็น “เรียบร้อยแล้วครับเสี่ย” ริวตอบอย่างหนักใจ เขาก็แอบไปก่อนเลยเพราะจำได้ว่ามันจะมีหมาสามตัวเฝ้าตรงหน้าทางเข้า เขาเตรียมอาหารผสมยานอนหลับมาแล้ว “ไอ้ริวมึงไปจัดการหมาสามตัวเร็วๆที่เหลือตามกูมา” เขาแยกทางกันไปคนละทางกับลูกน้องเพื่อจัดการเผาตึกนี้ซะ แต่จะทำให้เนียนเหมือนว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจรแทน ใครจะมาสงสัยได้ละในเมื่ออีแก่มันเฝ้าและสายตาอาจจะฟางไปบ้างจนมองไม่เห็น แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นใครด้วย “เรียบร้อยครับเสี่ย” ประกายไฟเริ่มมาแล้วแต่เขาอยู่รอดูจนมันลุกลามกว่าเดิมก่อน ถึงได้ไปนั่งดูผลงานห่างๆอีกที “ไม่มีสัญญานเตือนก็ตายกันยกตึกแล้วกันถ้าดับเพลิงมาไม่ทัน” ไฟลุกแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็นั่งบนท้ายรถกระบะสูบบุหรี่มองควันไฟที่ลอยขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว “เสี่ยแล้วถ้าอีแก่มันยังไม่ยอมขายละ” “กูจะจับมือมันเซ็นเองถ้ายากมาก!” เขาไม่ชอบให้ใครมาดื้อใส่เท่าไร จะหัวหงอกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดูเหมือนจะยังไม่มีคนรู้ทั้งที่ควันไฟมันลอยขึ้นมาบ้างแล้ว อาจจะเพราะว่าจุดที่เขาทำมันอยู่ชั้นสี่มั้งแถมยังดึกมากด้วย แต่ถ้ามันจะนอนเหมือนซ้อมตายก็ตายไปจริงๆเลยก็ดี ขณะที่หลินนอนพลิกไปมาอย่างไม่สบายตัว อากาศที่มีตอนนี้กำลังจะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น เธอพยายามดึงผ้ามาปิดหน้ากอดหมอนข้างแน่นแต่ก็ไม่หายจนต้องตื่นมาเจอกับควันไฟ “เกินอะไรขึ้น!?” เธอแสบตาแสบจมูกไปหมดแล้ว ควันก็หนามากจนมองแทบไม่เห็นทางเลย เธอจะตายไหมเนี่ย? “แค่กๆๆอะไรกันเนี่ย!?” เธอเริ่มจะหายใจไม่ออกหนักขึ้น แล้วแสบอกไปหมดแล้ว เธอรีบวิ่งไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฎว่าไฟไหม้ที่ข้างห้องเธอนี้เอง “กรี๊ด…ช่วยด้วยไฟไหม้!” เธอตะโกนดังลั่น สติตอนนี้มันแทบไม่หลงเหลือแล้ว เธอออกไปไม่ได้เพราะบันไดและลิฟท์ต้องผ่านไฟไป แต่ก่อนที่เธอจะสติแตกก็โทรไปตามรถดับเพลิงพร้อมกับโทรบอกป้าเจ้าของหอนี้ทันทีจะได้มีคนมาช่วย “เอาไงดีแค่กๆ” เธออยู่ห้องสุดท้ายพอดี แล้วจะให้กระโดดระเบียงคงไม่ได้หรอกเพราะชั้นสี่มันสูงใช่เล่นเลยนะ ผ่านไปราวๆสิบนาทีรถดับเพลิงก็มาพร้อมกับคนที่แตกตื่นกันทั้งหอ แต่ไฟไม่ได้ลุกลามไปไกลมากนอกจากเธอที่อยู่ห้องสุดท้าย เธอไม่มีทางหนีได้เลยนอกจากจะกระโดดลงไปแต่สูงจัง! เธอเริ่มหอบอย่างหนักเพราะควันไฟบวกกับความร้อนเริ่มเข้ามาจนเต็นห้อง “หนูมาทางนี้เร็ว!” เธอได้ยินเสียงคน “ช่วยด้วยค่ะ!” “มาทางหน้าต่างนี้เร็วๆไม่ต้องกลัวนะ” ใครไม่กลัวก็บ้า แล้วแต่ตอนนี้ต้องทำตามที่เขาบอกก่อน “หนูมองไม่เห็นเลยช่วยหนูด้วย!” ตอนนี้แค่ลืมตายังลำบากเลย นับประสาอะไรกับการเดินไปหาเขา เธอพยายามคล่ำทางไปที่หน้าต่างจนมาถึงกระเช้าที่มารอรับอยู่พร้อมกับพี่ดับเพลิงยื่นมือมาช่วยเธอแล้ว “ไม่ต้องกลัวนะหนูปลอดภัยแล้ว” “หนูหายใจไม่ออก” เธอจับมือพี่ดับเพลิงขึ้นกระเช้าก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไปหมดทันที เวลาผ่านไปนานขนาดไหนเธอไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ในตอนนี้ได้ยินเพียงเสียงที่คุ้นเคย “หลินเป็นไงบ้างลูก?” เธอลืมตาช้าๆแต่แสงไฟมันแสบตามากจนต้องยกมือขึ้นบัง แล้วกะพริบตาถี่ๆจนน้ำตาไหล “แม่…มาได้ไงคะ?” แม่อยู่เมืองนอกนะไม่มีทางมาไวได้ขนาดนี้หรอก เธอเลยสงสัยนิดหน่อย “ก็มาเฝ้าหลินไง ดูสิเกือบถูกย่างสดแล้วเนี่ย” เธอแค่จะมาเซอร์ไพรส์ลูกสาวแต่เจอเซอร์ไพรส์กลับยิ่งกว่า เธอจำเหตุการณ์ได้ดีจนถึงช่วงที่ขึ้นกระเช้านั้นแหละถึงจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว “หลินมาที่นี่ได้ไงคะ?” “แล้วเรื่องที่อยู่ละคะ” “เอาไว้แม่ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ให้หมอตรวจก่อนนะ” ทั้งหมอและพยาบาลต่างมาตรวจหลายอย่าง เวลาผ่านไปสองวันเธอก็ออกจากโรงพยาบาลมาพักที่บ้านที่แม่เช่าให้ใหม่หนึ่งปีเต็มก็ดีหน่อยฉันยังกลัวอยู่เลย “ความจริงย้ายไปอยู่กับแม่ที่สกอตแลนด์ก็ได้นะ” เธอบอกลูกสาวหลายครั้งแล้วแต่ไม่ยอมไปอยู่ด้วยกันสักที แม่เธอหย่ากับพ่อไปแต่งงานใหม่ เธอเลยเกรงใจไม่กล้าไปอยู่ด้วย แล้วก็กลัวเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของแม่ด้วย “ไม่เป็นไรค่ะ แม่ก็เห็นว่าหลินไม่ได้ลำบากอะไรเลย” “งั้นมีอะไรก็โทรหาแม่นะ” “ค่ะ รักแม่นะคะ” เธอกอดแม่แน่นมากก่อนที่แม่จะขึ้นรถไปสนามบินต่อ ส่วนเธอต้องมาจัดของในบ้านใหม่ให้เรียบร้อยก่อนจะทำอะไรต่อไปจากนี้ “ใครนะเป็นคนทำใจร้ายจังเลย” เธอหมายถึงคนที่วางยาหมาพันธุ์ไซบีเลียนของป้าถึงสามตัว แต่โชคดีที่ไม่ตายแต่ก็สาหัส Rrrrrrr… ‘ว่าไงป่าน?’ เพื่อนโทรมาคงจะมาช่วยเธอมั้ง [เดี๋ยวไปหาสั่งพิซซ่ารอด้วย] ‘โอเครีบมากนะต้องกำลังเสริมด่วนเลย’ เธอต้องจัดบ้านใหม่แล้วเดี๋ยวให้เพื่อนช่วยด้วย หลังจากเผาตึกที่อยากได้จนเกือบไหม้หมด เจ้าของตึกก็ยอมขายให้เพราะไม่อยากเสียเงินซ่อมบำรุงที่เยอะเกิน “เสี่ยครับตอนนี้ลูกชายอีแก่มันสงสัย” ไอ้ริวมันมารายงาน “ช่างมัน!” “คุณฟอร์มโทรมาบอกจะแวะมาหาเสี่ยจะให้พบไหมครับ?” เพื่อนเก่าเขาเองแหละ แต่เสียดายเพราะว่ามันสายขาวไปนิดเลยไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไร แต่ก็พอคุยๆกันได้ทั่วไป “เออ ถ้ามันมาถึงก็มาตามกูด้วย” เขาก็นึกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าของโรงเรียนหรูมาหาถึงที่บ้าน มันแค่มาเชิญให้เขาไปเป็นแขกในงานประจำปีของโรงเรียนที่จะจัดขึ้นในวันสุดท้ายของภาคเรียนเพื่อให้นักเรียนได้คลายเครียดกัน แล้วพอดีว่าเขาก็เป็นศิษย์เก่าเลยต้องไป “เรื่องแค่นี้มึงโทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นต้องมาเองเลย” เบอร์เขามันก็มีไงจะถ่อมาทำไมขนาดนี้ “ก็พ่อกูใช้ให้มามึงอย่าลืมละ อาทิตย์หน้านะ” “เออ กูจะพลาดได้ไงทั้งมึงทั้งพ่อมึงชวนขนาดนี้” แล้วงานนี้เขาก็ไปเป็นแขกพิเศษด้วยสิ “งั้นกูไปก่อน” “เออเดี๋ยวแดกเหล้ากับกูก่อนดิวะนานๆทีจะเจอกัน” มันก็นั่งต่อแล้วกินเหล้ากับเขา แม่บ้านก็ยกของแกล้มมาพอดีเลย เขาจบมาสิบกว่าปีแล้วมั้ง ซึ่งถ้าไปเขาคงดูแก่มากๆเลย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปหาเด็กมัธยมนมใหญ่ๆมาเลี้ยงซักคนน่าจะดี เด็กโรงเรียนเก่ายังไงก็ต้องดูแลอย่างดี แค่คิดก็คึกละ ในที่สุดก็สอบเสร็จแล้ว เธอดีใจที่สุดเลยเพราะจะได้พักสมองบ้างๆ ตอนนี้เธอรอแค่วันปิดเทอมอย่างเป็นทางการในอาทิตย์หน้า แล้วก็เตรียมตัวเป็นรุ่นพี่มอ.6 “หลินตามครูมาหน่อยสิ” คุณครูประจำชั้นเรียก “ค่ะ” คุณครูเรียกมาพบเพราะอยากจะให้เธอจัดการแสดงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มยอดบริจาคของแขกที่มา แล้วทางโรงเรียนจะนำเงินไปบริจาคให้เด็กที่ขาดแคลนทุกปี “ได้ค่ะหลินจะพยายามนะคะ” “ครูมั่นใจในตัวหนูนะจ้ะ กลับบ้านได้แล้ว” บ้านที่แม่เช่าไว้ให้นั้นค่อนข้างไกลกว่าเดิมหอพักเดิมมาก แล้วเธอก็ขับรถไม่เป็นด้วยสิ ถึงแม้ว่าแม่จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่เอี่ยมให้จะได้ไปไหนสะดวกขึ้นก็ตาม เธอเลยต้องจ้างพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้มารับส่งทุกวันที่โรงเรียน “ถึงบ้านสักที แล้วฉันจะแสดงอะไรดีเนี่ย” คือถ้าเป็นความสามารถทางด้านดนตรีเธอไม่มีเลย สงสัยคงต้องไปซ้อมรำกับคุณย่าที่บ้านแล้วละ ย่าเป็นครูสอนนาฎศิลป์แล้วก็มีลูกศิษย์ค่อนข้างเยอะมาก เธอเองก็พอจะรำเป็นบ้างเพราะย่าเคยสอน เช้าวันเสาร์ที่สดใสเธอต้องรีบไปเรียนรำไทยกับคุณย่าก่อนเลยเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเอาได้ ซึ่งบ้านคุณย่าอยู่ต่างอำเภอกันเลยนี่สิ กว่าจะเดินมาถึงก็ปาไปเกือบสองชั่วโมง “เดินทางมาไกลเหนื่อยไหมลูก?” คำถามสั้นๆพร้อมวางขนมที่หลานสาวชอบไว้ให้ แล้วยิ้มอย่างเอ็นดูมาก คุณย่าเตรียมวุ้นกระทิของโปรดรอเธอด้วย “นิดหน่อยค่ะ พอดีนี่เป็นงานด่วนมากเลย หนูกลัวจะทำได้ไม่ดีพอแล้วคุณย่าจะเสียชื่อ” ถึงเธอจะรำเป็นบ้างเพราะย่าเป็นคุณครูสอนนาฎศิลป์มาก่อนจะเกษียน แต่นั่นก็นานแล้วนะ “กินขนมเสร็จย่าจะสอนระบำอัปสราที่หลินเคยช่วยยายตอนนั้นจำได้ไหม?” ในงานเกษียนของผู้อำนวยการโรงเรียน เมื่อปีที่แล้วนี้เองทำไมเธอจะจำไม่ได้ เพียงแค่ตอนนั้นเธอไม่ใช่นางรำเด่นเหมือนลูกศิษย์ของย่า เธอแค่บังเอิญต้องช่วยแก้ปัญหาเฉพาะกิจที่นางรำอีกคนล้มแล้วข้อเท้าพลิก “ได้ค่ะ แต่ว่าหนูมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวเองนะคะย่า” คืองานประจำปีจะจัดขึ้นวันศุกร์หน้าแล้ว เธอต้องทำการแสดงเลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าจะไหวแต่ก็รับปากครูแล้ว “คนมีของปัดฝุ่นนิดเดียวเดี๋ยวก็เป็นเชื่อย่าสิ” เธอกินขนมได้นิดหน่อยก็เริ่มหัดซ้อมรำให้เป็นเร็วๆเพราะระบำอัปสราไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่ก็สวยและมีเสน่ห์มาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD