“แล้ววันนี้หนูจะไปเที่ยวที่ไหนอีกรึเปล่า?”
“ไม่หรอกค่ะ แค่นี้ก็จะไม่รอดแล้วขืนหนูไปเที่ยวอีกคืนคงต้องห่ามส่งโรงพยาบาลแน่” แค่สองวันที่เล่นน้ำยังต้องหาซื้อยามากินเลย ลองถ้าเที่ยวเหมือนคนอื่นสิยังไงก็ป่วยแน่นอน
เขากำลังจะหันไปบอกว่ามีเพื่อนเป็นหมอที่โรงพยาบาลถ้าเป็นอะไรก็ให้บอกเดี๋ยวจะพาไปเอง แต่สายตากลับไปสะดุดรอยสีขาวที่แก้ม นี่มันรอยโดนปะแป้งชัดๆเลย
“หนูหลินใครปะแป้งที่แก้มหนู?” อยากจะส่งคนไปสั่งสอน
“คนรู้จักค่ะ” เธอนึกว่าหลุดออกหมดแล้วซะอีก
“ชายหรือหญิงเสี่ยหวงรู้ไหม?”
“หวงเหรอคะ?”
“แล้วเสี่ยหวงหนูได้ไหมละ?” ตอนนี้ถึงจะรู้ว่าไม่ได้สิทธิ์อะไรในตัวเธอ แต่เขาก็หวงมากถึงขนาดนอนเฝ้า
เธอไม่รู้เลยว่าจะตอบอะไรดีกับคำถามง่ายๆที่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น แล้วเสี่ยไทม์ก็มองเธอรอคำตอบอยู่
“หวงรุ่นน้องเหรอคะ?” คงเป็นเหมือนรุ่นพี่ทั่วไปที่เป็นห่วงรุ่นน้องเลยแสดงออกมาแบบนี้ เธอต้องคิดแบบนี้เข้าไว้
“หวงในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง” เขาตอบแล้วสบตาไปพร้อมกัน หนูหลินยังไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่ากันแน่ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ได้สิคะ เสี่ยไทม์อิ่มยังคะ?” เธอต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีแววตาที่มองกันตลอดเวลาเพราะเริ่มจะรู้สึกอึดอัด
“อิ่มแล้ว แล้วนี่เป็นอะไรถึงซื้อยามา หนูไม่สบายเหรอ?”
เธอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหยิบชามที่กินเสร็จแล้วไปล้างให้เรียบร้อยก่อนจะถือน้ำมาให้เสี่ยไทม์แล้วก็กินยาด้วย เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆเลยต้องกินยากันเอาไว้ก่อน
“ยาแก้หวัดค่ะ แล้วก็ยาแก้ไข้ด้วย” เธอกำลังจะหยิบถุงยาแต่ว่าเสี่ยไทม์หยิบไปก่อน
เขาอ่านตัวยาแต่ละตัวซึ่งมันก็เป็นยาสามัญทั่วไป แต่ยาแก้หวัดกินไปแล้วจะง่วงนี่ แล้วอย่างนี้ใครจะดูแลถ้าเป็นอะไรไป เห็นทีว่าเขาจะปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว
“ไปบ้านกับเสี่ยนะ” เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรนะแค่อยากดูแลแบบใกล้เฉยๆ อย่างน้อยจะได้เบาใจขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปหาคุณย่าแล้ว”
“แล้วหนูจะกลับมาวันไหนครับ?” หมดกันความหวังที่อยากจะดูแลหนูหลินทั้งวันทั้งคืน
“น่าจะวันมะรือค่ะ เสี่ยไทม์มีอะไรรึเปล่าคะ?” สีหน้าของเสี่ยไทม์เหมือนมีอะไรจะถามแต่ก็ไม่พูดออกมา
“เสี่ยไปส่งนะ เสี่ยอยากรู้จักญาติผู้ใหญ่ของหนูบ้าง”
“คงไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าลุงนิดจะมารับแทน”
เขาพึ่งจะมารู้ว่าภายใต้หน้าตาใสซื่อนี้มีความดื้อซ่อนไว้อย่างแนบเนียบ แต่ก็ดีเขาชอบ อีกอย่างเด็กอายุแค่ 17 ปีคงไม่มีความเจ้าเล่ห์เท่าเขาที่อายุ 30 หรอก
“งั้นเสี่ยฝากเฟอร์รารี่ไว้ที่นี่นะ ถ้าขับออกไปเดี๋ยวคนจะสาดน้ำใส่ เสี่ยขี้เกียจเอารถไปล้าง”
“แล้วเสี่ยไทม์จะกลับยังไงเหรอคะ?”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวลูกน้องเสี่ยก็มารับแล้ว หนูไปหาย่าให้สนุกนะไม่ต้องห่วง”
“ค่ะ งั้นหนูฝากปิดบ้านด้วยนะคะ” เธอเห็นรถลุงนิดมาพอดีเลยหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กๆไปแล้วโบกมือลาเสี่ยไทม์
รู้สึกแย่จริงๆนะที่ทิ้งเข้าไว้ที่บ้านแบบนี้
ในเมื่อเขาชวนหนูหลินดีๆแล้วไม่ไปที่บ้านด้วยกัน งานนี้คงต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันหน่อย เธอไปหาคุณย่าวันอื่นก็ได้แต่วันนี้ และคืนนี้หนูหลินต้องอยู่กับเขาเท่านั้น
“เสี่ยแน่ใจเหรอ?” เอมถามอีกครั้งเพราะมันเป็นการเสี่ยงเหมือนกันที่จะทำแบบนนี้
“เออดิ รถกูก็จ่ายประกันทุกปีมึงจะกลัวอะไรนักหนา” เขาไม่ได้ให้มันไปไล่ชนคนนะ พวกมันก็ทำหน้าเครียดไปได้
“แต่ว่า…”
“กูสั่ง! เอาใครที่หนูหลินยังไม่เคยเห็นทำเข้าใจไหม?” ต้องรัดกุมนิดๆเพราะหนูหลินไปบ้านจะได้ไม่รู้สึกสงสัยอะไรได้
“ครับเสี่ย”
“แล้วถ้าเด็กกูมีรอยช้ำแม้แต่นิดเดียวโดนตีนกูยกทีมแน่”
ในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวและคนอออกมาเล่นน้ำกันตลอดทางทำให้รถติดมาก แบบนี้มันน่าเบื่อจังเลย เธอกินยาแก้ไขและยาแก้หวัดไปด้วยเลยรู้สึกง่วงนอนมาก แต่นอนไม่หลับเพราะเสียงเพลงที่เปิดกันดังลั่นแทบทุกคันเลย
“คุณหนูง่วงมากไหมครับ?”
ลุงนิดคงเห็นสภาพเธอแล้วสงสารมั้ง เอาจริงๆก็แทบจะไม่ไหวแล้วละ เธอปวดหัวปวดตัวแล้วยังแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
“ก็ไม่มากค่ะ แต่หนูหนาวลุงช่วยลดแอร์หน่อย”
“นอนพักก่อนเลยเดี๋ยวถึงแล้วลุงจะปลุกเอง”
“ค่ะ”
ในที่สุดเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มกันเมื่อกี้ก็ลดลงแล้วเพราะว่าขับรถออกมาจากเมืองได้ ที่นี่เธอก็จะได้หลับสบายสักทีพอตื่นมาก็น่าจะถึงบ้านย่า จากนั้นค่อยคิดดูอีกทีว่าจะทำอะไรต่อ
โครม!!!
“ใครมาชนท้ายอีกวะ!”
เธอสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจมาก แล้วเดินลงจากรถไปดูท้ายรถกับลุงนิดท่ามกลางสภาพอากาศที่จัดจ้านเสียแทบไหม้
“คุณหนูไม่รอลุงในรถละครับ”
“ก็หนูอยากดูด้วยนี่คะ แล้วอย่างนี้เอาไงต่อคะ?” เธอมองสภาพท้ายรถที่ยับเยินไม่ใช่น้อยเลย
“เดี๋ยวลุงคุยกับเขาก่อน”
แต่ในระหว่างที่รอผู้ใหญ่สองคนเคลียร์กันเรื่องรถแดดก็แรงมาก คอก็แห้งและหิวน้ำแบบสุดๆ เธอเลยเดินไปซื้อน้ำที่ร้านข้างทางมาให้ลุงนิดแล้วก็ตัวเองด้วย ดูแล้วว่าคงรอประกันนานแน่เลย ยิ่งอยู่ในช่วงเทศกาลแล้วยิ่งนานเข้าไปใหญ่
แต่อากาศร้อนแบบนี้จะทำให้ปวดหัวยิ่งกว่าเดิมอีก
คิดผิดรึเปล่าที่กลับบ้านวันนี้
เขาเห็นแล้วแหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะคิดแผนนี้มาเอง แต่ก็รอสักพักก่อนจะขับรถตามมาทำเนียนเฉยๆ แล้วได้มองแบบนี้ก็น่าสงสารหนูหลิน แต่ทนนิดหนึ่งนะทูนหัวของเสี่ย
“เสี่ยเอาไงต่อผมว่านานไปแล้วนะ”
“ถ้ากูไปตอนนี้คงจับได้พอดีว่าเป็นกูทำ”
“แต่ว่าคุณหนูหลินไม่สบายนะเสี่ย”
“งั้นไปเลยก็ได้แต่เอาเนียนๆนะพวกมึง!”
เอมขับรถไปไม่เร็วมากเพื่อความแนบเนียน แล้วในใจก็แอบตลกเจ้านายตัวเองที่อยากให้เขามาอยู่ด้วยมากขนาดนี้ แต่เสือกไม่กล้าบังคับจนต้องใช้แผนนี้แทน แม่งโคตรลงทุน
ว่าแล้วก็กดแตรทักทายว่าที่เมียเจ้านายหน่อย
ปรี๊ดๆ
“หนูหลินเกิดอะไรขึ้น” เขาจอดรถที่ข้างทางก่อนจะเดินไปถามด้วยความเป็นห่วงมากทั้งที่รู้เรื่องทั้งหมด
“รถชนกันน่ะค่ะ เสี่ยไทม์จะไปไหนเหรอคะ?” ถนนเส้นนี้สามารถขับออกนอกเมืองได้เร็วมาก เธอเลยสงสัย
“หน้าหนูซีดจังเลย ไปกับเสี่ยดีกว่าไหมหนูไม่สบายเดี๋ยวเป็นลมเอา” เขาเป็นห่วงจริงๆก็หนูหลินเล่นหน้าซีดมาก
“แต่ว่า…”
“ไปเถอะตรงนี้มันร้อนนะ ไว้หนูหายไข้ก่อนค่อยไปหาย่าก็ได้” ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องดื้อกับเขาด้วยเนี่ย
“แต่คุณย่าน่าจะรอหนูอยู่นะ” ตอนนี้คุณย่าคงเตรียมขนมอร่อยๆรอแล้ว เธอก็อยากค้างที่บ้านด้วย
“แต่หนูเป็นไข้เกิดเอาไปติดคุณย่าขึ้นมาละ ท่านแก่แล้วนะฟื้นตัวยากกว่าเรา หายแล้วค่อยไปดีกว่า” งานตะล่อมเด็กเขาโคตรถนัด ดูจากสีหน้าหนูหลินแล้วคงต้องออกแรงอีกนิดนะ
“ถ้าคุณย่าไม่สบายเพราะหนูจนต้องเข้าโรงพยาบาลละ หนูลองคิดตามเสี่ยสิว่าจะรู้สึกผิดขนาดไหน”
เธอลองนึกตามเสี่ยไทม์แล้วมันก็จริงนะ ถ้าเกิดคุณย่าไม่สบายเพราะติดไข้จากเธอจนอาการหนักเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาละ เธอคงรู้สึกผิดแน่ๆดังนั้นคงต้องไปตอนหายแล้วดีกว่า
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไปบอกลุงนิดก่อนนะ”
เธอเดินไปบอกลุงนิดให้เข้าใจแล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา จากนั้นถึงเดินกลับไปขึ้นรถเสี่ยไทม์ที่จอดรอแล้ว
“ไปบ้าน” ไม่อยากจะระบุว่าที่ไหนแต่ลูกน้องมันรู้เรื่องแน่
“ง่วงก็นอนเลยตัวหนูร้อนมากเลยรู้ไหม?” เขานั่งติดกับหนูหลินพอดีเลยรู้สึกได้ว่าตัวเธอร้อนมากจริงๆ
“ถ้าหนูหลับก็ปลุกด้วยนะ” เธอแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้วทตอนนี้หวัดและไข้มาพร้อมกันเลย
“ครับ…ทูนหัว” คำหลังเขาพูดดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว แต่หนูหลินคงไม่ได้ยินเพราะหลับไปแล้ว