“ไม้ ตื่น ไม้ ตื่น ไอ้ไม้ กูบอกให้ตื่น มึงหูหนวกเหรอ!”
ได้ผล ไอ้ไม้เลิกนอนน้ำลายยืด สะดุ้งตื่นขึ้นตามเสียงตะโกน กำลังจะถามกลวัชรเรียกไม้ทำไม เห็นใบหน้าขาวซีดมีเส้นผมยาวปกคลุมกรอบหน้า ไม้ขวัญเสียแหกปากร้องลั่น กระแทกแผ่นหลังเข้ากับประตูรถฝั่งข้างคนขับยกเท้าขึ้นจะถีบผีให้รู้แล้วรู้รอด
บังเอิญกลวัชรยืดตัวเข้ามาจะถาม ว่ามันโหวกเหวกโวยวายทำไม ถูกรองเท้าเน่าเหม็นสอยเข้าเต็มๆ ปลายคาง
“เอาไป ที่นอน หมอน มุ้ง” พูดเสียงเหมือนใส่ฟันยางไว้ในปาก เพราะไอ้ไม้ตัวดีมันทำพิษ กลวัชรพูดคำว่าที่นอนจบ เขาโยนลงพื้น หมอนก็โยน มุ้งก็โยน รังเกียจผักกาดออกนอกหน้า ถึงขั้นไม่ยอมให้หลานสาวยายปอบเข้าใกล้
“น้ำดื่มอยู่ในตู้เย็นทางนั้น ส่วนห้องน้ำเปิดประตูออกไปอยู่ขวามือ ตอนออกไปจะลงกลอนประตูใหญ่ด้านนอกให้ แต่ถ้ากลัว ก็ล็อกกลอนจากห้องทำงานของฉันอีกชั้น จะได้ปลอดภัย”
คนที่ถูกรังเกียจก้มเก็บมากอดไว้ในมือ ห้องทำงานหลานชายย่าสมสมัยกะทัดรัดน่ารัก แค่โต๊ะทำงานกับชั้นวางเอกสารก็แทบจะเต็มห้อง มีที่ว่างให้ปูผ้านอนแค่พื้นไม้หน้าโต๊ะทำงานของเขา ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดกับหญิงสาว
เธออุ่นใจตอนที่สังเกตเห็นหน้าต่างมีเหล็กดัดและมุ้งลวด ประตูก็ดูแข็งแรงไม่น่าจะมีใครงัดเข้ามาได้ง่ายๆ
“มีหมอนใบเดียวเหรอ”
“จะเอาสองใบให้ยายเธอมานอนด้วยเหรอไง”
“กาดแค่ชอบนอนกอดหมอน”
“ใบเดียวก็พอ ตัวเธอสกปรก ฉันขี้เกียจส่งซักทีละเยอะๆ แต่ฉันว่านะ ก่อนจะถามหาหมอน เธอถามหาเสื้อผ้าเปลี่ยนใส่อาบน้ำไม่ดีกว่าเหรอ โคลนแห้งยังติดตามชายเสื้อเธออยู่เลย สกปรกมาก สมแล้วที่โตมาในบ้านปลายนา มีที่พักพิงแค่กระต๊อบเล็ก คงจะไม่เคยได้มานอนในห้องที่สะดวกสบายอย่างนี้”
ผักกาดไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปถ่าย จำความได้ก็มียายเป็นญาติแค่คนเดียว อาศัยอยู่ด้วยกันสองยายหลาน ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และไม่เคยอยากพึ่งพาใคร แต่ถึงอย่างนั้นสองยายหลานก็ถูกดูถูกสารพัดจากคนรอบข้าง
เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น ควรจะชิน ไม่ถือโทษโกรธ
เพราะทุกคำที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ผักกาดสกปรก ผักกาดหน้าเหมือนผี ผักกาดไม่น่าเข้าใกล้ ผักกาดน่ารังเกียจ เป็นจริงตามที่เขาพูดทุกคำ แต่อาจจะเพราะเพิ่งสูญเสียยายทำให้สภาพจิตใจของเด็กสาวไม่คงที่ จากควรก้มหน้าก้มตาฟังเขาต่อว่าเงียบๆ กลับมีน้ำตาไหลออกมา
กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดมอมแมมคราบโคนแห้ง ผักกาดลงลำห้วย ไปเก็บกู้เอาตุ้มและเบ็ด นำปลาที่หามาได้ไปขายในตลาด แวะเก็บผักบุ้ง ผักที่เกิดเองตามธรรมชาติ สภาพจึงดูมอมแมมไม่น่าเข้าใกล้ ไปช้า ตลาดวาย ขายไม่ได้เงินสักบาท กลับมาถึงบ้านยายก็ล้ม ถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาล จะเอาเวลาจากไหนไปทำความสะอาด แค่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีตกท้อง หิวก็หิว คิดถึงยายก็คิดถึง ทั้งยังอยากกลับบ้าน ไม่อยากนอนที่นี่
“คุณมีจักรยานให้กาดยืมไหม”
ผักกาดก้มหน้าถาม ถึงจะกลัวการอยู่บ้านตามลำพัง แต่ถ้ากลับไป อย่างน้อยผักกาดก็จะมีข้าวให้กิน เอาปลาที่หามาได้วันนี้ไปต้มใส่ตะไคร้ใบมะกรูด ผักบุ้งที่เก็บมาก็จะนำไปลวกน้ำร้อนมากินคู่กัน คงจะช่วยให้ท้องของเธอหยุดส่งเสียงร้อง
กลวัชรหรี่ตาแคบ เฝ้ามองเจ้าของเรือนร่างเล็กนำหมอนกับผ้าห่มไปวางบนโต๊ะทำงาน ดวงตาผักกาดแดงมากมีน้ำใสไหลออกมา เด็กสาวพยายามจะเก็บเสียงร้องไห้แต่เก็บไว้ไม่มิด
“ถามหาจักรยานทำไม ดึกดื่นป่านนี้ จะเปลี่ยนใจกลับไปนอนที่บ้านเหรอ”
“ไม่อยากให้หมอนกับผ้าห่มสกปรก”
เด็กคนนี้ยอกย้อนเขาหรือเปล่า
กลวัชรอาจคิดว่าผักกาดกวนประสาท ถ้าหากไม่ใช่เพราะผักกาดเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจ
เขาใจร้ายเกินไปเหรอ ก็ไม่นะ ออกจะใจดี ถ้าเขาใจร้ายจริง จะพายายจันทร์ไปส่งโรงพยาบาล อยู่เป็นเพื่อนจนยายจันทร์สิ้นใจ และโทรส่งข่าวให้ย่าสมสมัยมาที่โรงพยาบาลทำไม
อีกทั้งยังรับผักกาดกลับมาด้วยกัน เสียสละห้องทำงานให้ยายเด็กผักกาดมาอาศัยหลับนอน ใจดีขนาดนี้ยังจะมาร้องไห้ใส่เขาอีก
เสียงร้องไห้ ฮือ ฮือ ฮือ จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร น่าสยองก็น่าสยอง ไอ้ไม้นั่งรออยู่ในรถจอดอยู่ข้างนอก มันไม่หัวโกร๋นแล้วเหรอ กลัวดึกๆ ดื่นๆ จะมีผีโผล่มา
โครก...
สะอื้นหนึ่ง ท้องร้องสอง สะอื้นสาม ท้องร้องสี่
หิวก็น่าจะบอกเร็วๆ ว่าหิว
กลวัชรใจอ่อน เปิดตู้เก็บของ ในนั้นมีเสื้อผ้าของเขาอยู่ด้วย ส่งให้ยายเด็กผักกาดไปพร้อมกับไม้แขวน ดวงตาบนดวงหน้าขาวซีดมองเขาผ่านเส้นผมยาวที่ปกคลุมบนกรอบหน้า ไอ้เหี้ยเอ๊ย ไอ้ไม้อยู่ไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน มันไม่คิดจะปกป้องเขาเลยเหรอ หรือคิดว่าเขามีพลังพิเศษ วิ่งทะลุกำแพงกระโดดลงไปนอนจับกบบนหลังคารถ ให้มันปีนข้ามไปนั่งฝั่งคนขับเข้าเกียร์เหยียบรถร้อยแปดสิบ พาเขาขับหนีไปจากหลานสาวยายปอบ
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฉันไม่ได้ใจดี ฉันน่ะใจร้าย ใจร้ายมากๆ แต่ที่ให้ยืมเสื้อผ้า ที่นอน หมอน มุ้ง ก็เพราะย่าฝากให้ฉันช่วยดูแลเธอ อย่าสำคัญตัวเองผิดไปเชียว รอจัดการธุระงานศพยายเธอเสร็จเมื่อไหร่ เราจบกัน ห้ามไม่ให้เธอเอาหน้าตาน่าสยดสยองมาเข้าใกล้ฉันอีกเป็นอันขาด เจอฉันที่ไหน วิ่งหนีไปให้ไกล ถ้าฉันเห็นเธอ ฉันจะเอาไม้ไล่ทุบจริงด้วย”
“กาดไม่ใช่ตัวตุ่นนะ”
“ฉันจะบอกว่าเธอเป็นผีปอบต่างหาก”
“กาดไม่ใช่...”
“ไม่ต้องเถียง!”
บอกว่าเป็นผีปอบก็ผีปอบสิ ไม่ขอรับความเห็นต่าง
ยายเด็กน้อยใช้ดวงตาขาวซีดจ้องหน้าเขา ไม่ยอมรับเสื้อกับกางเกงที่เขายื่นให้ ขนอ่อนบนท่อนแขนกลวัชรลุกเกรียว ไม่อยากเข้าใกล้ แต่เขาก็ต้องจำยอมยัดเสื้อกับกางเกงใส่มือขาวซีดคู่นั้น ก่อนจะถอยหลังรวดเดียวไปหยุดอยู่ข้างประตูเตรียมเผ่นหนี เอื้อมมือยาวไปหยิบกระปุกมาม่าโยนไปทางผักกาด ผักกาดรับไว้แม่นยำ กอดไว้พร้อมกับเสื้อและกางเกงของเขา
“ถ้าหิวก็เอาไปกิน น้ำร้อนอยู่ตรงนั้นเสียบปลั๊กต้มเอง คืนนี้เธอนอนพักผ่อนให้พอ พรุ่งนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะ มีกฎสามข้อที่เธอต้องจำให้ขึ้นใจระหว่างที่นอนอยู่ที่นี่ ข้อแรกห้ามทำห้องฉันสกปรก ข้อสองห้ามส่งต่อความเป็นผีปอบผีกระสือของเธอผ่านทางน้ำลายทิ้งไว้ในห้องทำงานฉัน ข้อสุดท้ายสำคัญมาก ห้ามเรียกยายเธอมานอนด้วย ฉันไปล่ะ”
ดึงประตูปิดเสียงดัง ปัง กระทืบเท้าวิ่งหนีออกจากออฟฟิศตะโกนลั่นบอกไม้ให้สตาร์ทรถยนต์ไว้รอ
ผักกาดมองตามตาปริบ ไม่เข้าใจว่าเขากลัวอะไร ทำไมต้องออกคำสั่งพลางก้าวถอยหลัง ทำเหมือนว่าถ้าหันหลังเดินออกไปตรงๆ อาจจะถูกเธอเข้าไปกระโดดขี่คอ หรือเข้าสิงร่างเขาอย่างไรอย่างนั้น จากตรงนี้ ผักกาดได้ยินเสียงรถยนต์ที่บึ่งออกไป กลับมาสนใจกระปุกมาม่ากับเสื้อผ้าที่เขายกให้
เขาอาจจะแปลกไปหน่อย แต่ก็หล่อ และใจดีใช้ได้