ด้านมุกรินวันนี้เธอตื่นสายนิดหน่อย เช้านี้อนงค์จึงได้ยินเสียงเท้าเหยียบย่ำบันไดลงมาด้วยความเร่งรีบซึ่งเป็นจังหวะที่อนงค์กำลังตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่จานพอดี
“อ้าวๆ ระวังจะล้มนะค่อยๆ ลงมาก็ได้” ผู้เป็นป้าเอ็ดหลานสาวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะสังเกตเห็นว่าวันนี้มุกรินฉีดน้ำหอมฟุ้งกว่าทุกวัน
“มุกสายแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบขณะตักข้าวเข้าปากอย่างทำเวลา
“วันนี้ต้องออกไปเจอลูกค้าสำคัญเหรอ” อนงค์ถามอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ความสงสัยของผู้เป็นป้าทำให้มุกรินชะงักเล็กน้อยก่อนจะรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดในชีวิต
“ทำไมถามมุกแบบนี้ล่ะคะ” สีหน้าของมุกรินตอนนี้เหมือนคนมีความผิดแล้วถูกจับได้
“ก็เห็นวันนี้มุกดูตื่นเต้น”
“มุกดูตื่นเต้นเหรอคะ” มุกรินทำตาโตเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นป้าจะดูออก ปกติเวลาหยิบจับเสื้อผ้ามาใส่มุกรินไม่เคยต้องพิถีพิถันแต่วันนี้เธอถึงกับรื้อเสื้อผ้าออกมาทั้งตู้เพื่อจะเลือกชุดที่สวยที่สุด ทว่าเสื้อผ้าตัวเก่งของเธอก็เห็นจะมีแค่กางเกงขายาวกับเสื้อเรียบ ๆ ที่เอาไว้ใส่ไปทำงานอยู่เพียงไม่กี่ชุด ไหนเลยจะมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่
“อะไรมุก ป้าก็ถามไปงั้นแหละ ทำไม หรือว่าวันนี้ต้องไปเจอลูกค้ารายใหญ่”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ คือ…วันนี้คนที่มุกต้องไปทำงานด้วยเป็นลูกชายของคุณลุงภพน่ะค่ะ”
“ลูกชายของคุณประภพ” คราวนี้อนงค์มีสีหน้าที่ตกใจเพราะรู้เรื่องที่มุกรินพยายามเลี่ยงหรือร่วมงานกับคนในครอบครัวอัครราช
แต่ยังไม่ทันที่มุกรินจะได้พูดอะไร เพื่อนร่วมงานที่บริษัทก็โทรมาตามเธอจึงต้องหันไปบอกอนงค์เป็นเชิงขอตัวไปก่อนจะสายไปมากกว่านี้
มุกรินนั่งแท็กซี่มาที่ร้านอาหารที่ลูกค้านัดหมายเธอกับอาทิตย์เอาไว้ อาทิตย์มาในฐานะสถาปนิกผู้รับผิดชอบออกแบบบ้าน ส่วนมุกรินรับหน้าที่ตกแต่งภายในทั้งหมด
หลังจากได้อาทิตย์พาไปที่บ้านหลังนั้นจนมุกรินเกิดไอเดียดี ๆ การคุยรายละเอียดงานในวันนี้จึงเป็นไปด้วยความราบรื่น ลูกค้าตอบตกลงให้มุกรินทำตามที่เธอเสนอก่อนจะคุยรายละเอียดงานที่เหลือกับอาทิตย์ต่อ
กระทั่งอาทิตย์คุยรายละเอียดงานกับลูกค้าเสร็จมุกรินก็เตรียมจะขอตัวกลับบริษัทเพราะงานในส่วนของเธอเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะการคุยงานลากยาวจนตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะบ่ายโมง ลูกค้าซึ่งสนิทกับอาทิตย์ในระดับหนึ่งจึงขอเลี้ยงอาหารทั้งคู่ มุกรินเลยจำเป็นต้องอยู่ต่อ
แต่ระหว่างที่นั่งทานข้าวกันอยู่นั้นจู่ ๆ ลูกค้าก็ต้องขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระด่วนตอนนี้จึงเหลือเพียงอาทิตย์กับมุกรินสองคน และบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ได้ถูกความเงียบเข้าปกคลุมโดยปริยาย
“คุณมุกอึดอัดที่ต้องทานข้าวกับผมสองคนหรือเปล่าครับ”
“คะ? เอ่อ…เปล่านี่คะ มุกจะอึดอัดทำไมล่ะคะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าหรือทำกิริยาอะไรอีกฝ่ายถึงได้ถามแบบนี้ออกมา
เธอไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่เป็นเพราะไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องมานั่งทานข้าวกับอาทิตย์สองต่อสองแบบนี้ เลยเผลอแสดงออกให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไป
“ไม่รู้สิครับ ผมเห็นคุณมุกไม่พูดก็เลยคิดว่าคุณมุกน่าจะอึดอัด” ชายหนุ่มแสดงความไม่มั่นใจในตัวเองผ่านทางสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนเพราะแบบนี้มุกรินจึงต้องรีบอธิบายแต่ก็เป็นท่าทีที่ประหม่าเล็กน้อย
“มุกไม่ได้อึดอัดนะคะ มุกแค่ไม่รู้จะคุยอะไร”
“งั้นเหรอครับ ค่อยโล่งใจหน่อย” ใบหน้าของชายหนุ่มพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที นั่นทำให้มุกรินเข้าใจว่าคำพูดของเธอมีผลต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย
“โล่งใจ?” ทว่าเธอก็หลุดปากถามออกไป
“ครับ โล่งใจ ก็ทีแรกผมนึกว่าคุณมุกอึดอัดที่จะต้องทำงานกับผมซะอีก” แม้รอยยิ้มเมื่อครู่จะหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นแต่สายตาที่อาทิตย์มองมุกรินก็ดูมีความหมายอย่างที่เธอแอบเข้าข้างตัวเอง ทว่าหลังจากรู้ตัวว่าเผลอจ้องมองนัยน์ตาคมคู่นั้นจนได้มุกรินก็รีบสลัดความคิดบ้า ๆ นี้ออกจากหัวก่อนจะบังคับสายตาเกเรให้กลับมาที่อาหารตรงหน้า
“คุณมุกอ่านข้อความที่ผมส่งไปเมื่อคืนนี้แล้วใช่ไหมครับ” มุกรินแทบจะสำลักน้ำเมื่อถูกอีกฝ่ายถามถึงเรื่องนี้
ใช่..เมื่อคืนเธอเปิดอ่านข้อความของเขาและได้อ่านครบทุกคำ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นั่นทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนคนมีความผิดติดตัว
“อ่านแล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับกลาย ๆ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“ขอโทษด้วยนะคะ คือเมื่อคืนมุกง่วงนอนเลยไม่ทันได้ตอบข้อความคุณอาทิตย์”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” จบประโยคเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาใครสักคน ก่อนที่โทรศัพท์มือถือของมุกรินซึ่งอยู่ในกระเป๋าจะสั่นครืดเป็นเหตุให้เธอต้องรีบหยิบขึ้นมาดู ซึ่งสีหน้าของเธอเหมือนไม่รู้ว่าเจ้าของเบอร์สวยที่โทรเข้ามาเป็นใคร
“คุณมุกยังไม่ได้เมมเบอร์ผมไว้เหรอครับ” แวบหนึ่ง มุกรินรับรู้ได้ถึงความตัดพ้อจากอีกฝ่ายราง ๆแต่ไม่หรอกมั้งเขาคงแค่ถามไปอย่างนั้น
“ว่าจะเมมเมื่อเช้าแต่ก็ลืมน่ะค่ะ” มุกรินเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าแล้วทานข้าวต่อโดยที่อาทิตย์ก็ไม่ได้พูดอะไรและในตอนนั้นพนักงานในร้านก็เดินมาที่โต๊ะพร้อมกับช่อดอกไม้ ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะหันไปพูดกับมุกรินด้วยท่าทางสุภาพ
“เนื่องในโอกาสครบรอบที่ทางเจ้าของร้านของเราพบรักกันที่นี่วันนี้ทางร้านเลยสุ่มมอบดอกไม้ให้กับลูกค้าหนึ่งท่านครับ ซึ่งผู้โชคดีก็คือคุณลูกค้าครับ” หลังจากได้ฟังพนักงานอธิบายถึงสาเหตุที่ถือดอกยิปโซสีขาวช่อโตมาให้ถึงโต๊ะ เธอก็ถามออกไปด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงอยู่
“ฉัน….เหรอคะ?”
“ครับ ช่วยรับไว้ด้วยนะครับ”
“เอ่อ…” มุกรินหันไปหาอาทิตย์เป็นเชิงขอความเห็น โดยอาทิตย์ก็ได้พยักหน้าบอกให้เธอรีบรับช่อดอกไม้เอาไว้เพื่อเป็นการให้เกียรติทางร้าน เธอเลยจำใจต้องรับเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ”
“ชอบไหมครับ” ทันทีที่พนักงานชายคนดังกล่าวเดินพ้นโต๊ะอาทิตย์ก็ถามด้วยสีหน้าอยากรู้
“จะว่าชอบก็ได้นะคะเพราะมุกชอบดอกไม้สีขาวอยู่แล้วค่ะ”
“ดีใจนะครับที่คุณมุกชอบ”
“คะ?” เครื่องหมายคำถามปรากฏบนดวงหน้างดงามทันที ทำไมอาทิตย์พูดเหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าของช่อดอกไม้แสนสวยนี้ แต่จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง
“ผมดีใจแทนเจ้าของร้านน่ะครับ” ได้ยินดังนี้มุกรินก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นทั้งคู่ก็ทานข้าวต่อ
หลังจากทานอาหารเสร็จอาทิตย์กับมุกรินก็เดินออกมายังหน้าร้านโดยอาทิตย์อาสาช่วยถือช่อดอกไม้ให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ งั้นมุกขอตัวกลับก่อนนะคะ” พูดจบเจ้าของร่างบางก็หมุนตัวออกไป ความจริงอาทิตย์ตั้งใจจะอาสาไปส่งมุกรินที่บริษัทแต่เพราะเขายังมีนัดกับลูกค้าต่อซึ่งไปคนละทางกัน เขาเลยต้องปล่อยให้มุกรินนั่งแท็กซี่กลับ แต่แท็กซี่ที่มุกรินนั่งไปยังไม่ทันจะขับไปถึงไหนมือถือของเธอก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเบอร์โทรที่เธอไม่ได้บันทึกเอาไว้
"สวัสดีค่ะ"
“ยังไม่ได้เมมเบอร์ผมสินะครับ”
“คุณอาทิตย์?” ฟังจากน้ำเสียง อาทิตย์ก็รู้ทันทีว่าเธอยังไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขา และดูเธอจะตกใจที่เห็นเขาโทรมาทั้งที่เพิ่งจะแยกกัน
“ผมจะโทรมาบอกว่าคุณมุกลืมเอกสารไว้ที่โต๊ะน่ะครับ เมื่อกี้พนักงานร้านเอามาให้ผม” มุกรินรีบตรวจสอบเอกสารที่อยู่ในแฟ้มทันทีก่อนจะพบว่าตัวเองลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ที่ร้านอาหารจริง ๆ
“งั้นฝากคุณทิตบอกพนักงานร้านว่ามุกจะเข้าไปเอาตอนเย็นได้ไหมคะ คือพอดีว่ามุกมีงานด่วนน่ะค่ะคงไปเอาตอนนี้ไม่ได้” มุกรินอธิบายความจำเป็นพร้อมกับมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
“ทำไงดีล่ะครับผมก็ออกมาแล้วด้วย” น้ำเสียงทุ้มตอบกลับขณะสายตามองออกไปยังท้องถนนด้วยความใจเย็น และในตอนที่เธอยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไง อาทิตย์ก็พูดขึ้นว่า
“เอางี้ไหมครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมขับรถเอาเอกสารไปให้ที่บริษัทคุณมุก”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวมุกไปเอาเองดีกว่า คุณทิตสะดวกที่ไหนนัดมาได้เลยค่ะ” มุกรินรีบปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับตอนเย็นผมต้องไปทำธุระแถวนั้นพอดี”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณทิตมากนะคะ มุกน่าจะเสร็จงานประมาณสี่โมงแต่คุณทิตไม่ต้องรีบมาก็ได้นะคะ มุกรอได้” เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธยังไงสุดท้ายมุกรินเลยต้องรับน้ำใจเขาเอาไว้อีกครั้ง
"งั้นตอนเย็นเจอกันนะครับ" ยังไม่ทันที่มุกรินจะตอบกลับอาทิตย์ก็ชิงวางสายก่อน เธอจึงได้แต่มองดูเบอร์โทรศัพท์ที่ยังไม่ได้บันทึกชื่อ ขณะที่อาทิตย์ใจจดใจจ่อรอให้ถึงตอนเย็นแทบจะไม่ไหว