SOMETHING 18
**************************
อึ้งสิทีนี้มีรุ่นน้องมาบอกชอบฉันกลางร้านชาบูแบบนี้ แถมน้องไม่ได้พูดเบาด้วย เหมือนอยากจะประกาศให้โลกรู้ว่าน้องชอบฉันมาก ทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเลยที่มี่คนมาบอกชอบตรงๆ อ่ะ
ถามว่าดีใจมั้ยที่มีคนมาชอบมันก็ดีใจนะ อย่างน้อยมีคนรักก็ดีกว่ามีคนเกลียด แต่ถ้ามาชอบหรือมารักแบบคนรักฉันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีใคร อยู่คนเดียวแบบนี้ก็ดีแล้ว
เอาตรงๆ เลยก็คือฉันอยากใช้ชีวิตเป็นอิสระน่ะไม่อยากเอาตัวเองไปผูกมัดกับใครทั้งนั้น เวลาที่อกหักมันเจ็บมากเลยนะ ฉันไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้น
“ชอบพี่รันเนี่ยนะ?” น้อยหน่าถามอย่างอึ้งๆ ก็อึ้งกันหมดทั้งร้านนี่ล่ะ
เพราะทั้งร้านมีแค่โต๊ะฉันกับโต๊ะของโฟร์เท่านั้น ทำไมต้องถามย้ำในเมื่อได้ยินเหมือนกันหมดทุกคน แล้วไอ้คำถามของเธอมันหมายความว่ายังไงทำไมน้องจะชอบฉันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ
“เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมไปงานนิทรรศการที่มหาลัยพี่แล้วบังเอิญได้เจอพี่ที่หน้างาน พี่น่าจะมาคนเดียวผมอยากเข้าไปทักแต่ไม่กล้าเลยได้แต่แอบมองน่ะครับ”
แน่สิตอนนั้นฉันยังไม่มีเพื่อนที่ไหนนี่ แล้วนี่มาบอกกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอ ใจกล้าเกินไปหรือเปล่า แอบมองฉันตลอดแบบนี้แอบขนลุกเหมือนกันนะเนี่ย ฉันได้แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร คือมันไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ
“พี่ยังไม่มีแฟนใช่มั้ยครับ?”
“เพื่อนพี่คนนี้โสดจ๊ะจีบได้” ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรน้อยหน่าก็พูดขึ้นมาซะก่อน
ฉันหันไปมองเธอเพื่อบอกให้เธอหยุดพูด จีบบ้าจีบบออะไรกัน ฉันไม่ได้เล่นตัวนะแต่ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาจีบคือมันทำตัวไม่ถูกอ่ะ และฉันก็ไม่อยากปฏิเสธเพื่อให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังด้วย
“จริงเหรอครับ?” ต้ายิ้มอย่างดีใจ
“อย่าเสียเวลาเลยน้อง” จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากโต๊ะข้างๆ
ซึ่งมีโฟร์และแฟนของเขานั่งอยู่ โฟร์ลุกเดินมาโต๊ะของฉันก่อนจะตบบ่าต้าสองสามที พวกฉันพากันทำหน้างงว่าทำไมโฟร์ต้องเข้ามายุ่งเรื่องของฉันด้วย จริงอยู่ที่เขาเป็นรูมเมทของฉันแต่เขาก็ไม่ควรมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันแบบนี้
“รันนี่จีบติดยากนะ”
“โฟร์” ฉันเรียกเขาเพื่อให้เขาหยุดพูด
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา และคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจก็คือฉันไม่ใช่เขา แล้วนี่เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้จักกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ
เขาเริ่มจะก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของฉันมากขึ้นแล้วนะ แค่ฉันให้เขานอนเตียงเดียวกับฉันเมื่อคืนไม่ใช่ว่าฉันยอมเป็นของเขานะ
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะรัน” คราวนี้โฟร์หันมามองหน้าฉันแววตาของเขาดูดุดันขึ้นมายังไงไม่รู้
เพื่อนๆ ต่างหันมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าฉันกับโฟร์มีเรื่องอะไรกัน ฉันหันไปมองแฟนเขาก็เห็นว่าเธอคนนั้นกำลังมองมาที่ฉันอยู่ หาเรื่องให้ฉันแล้วมั้ยล่ะ
“เดี๋ยวนี้ด้วย”
“พวกพี่เป็นอะไรกันเหรอครับ?” ต้าถามขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ โฟร์ทำให้คนอื่นเริ่มเข้าใจผิดเราแล้วนะ
“เพื่อนพี่น่ะ” ฉันรีบพูดขึ้นมาก่อนที่โฟร์จะพูด “ขอบใจนะที่มีความรู้สึกดีๆ ให้พี่ แต่พี่คงรับไว้ไม่ได้”
“เข้าใจแล้วนะน้องรีบกลับไปตั้งใจเรียนก่อนดีกว่านะ” โฟร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเองเหมือนเดิม
ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ต้าเป็นคนที่แปดแล้วที่ฉันปฏิเสธแบบนี้ ที่ฉันต้องปฏิเสธผู้ชายหลายคนเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถดูแลฉันได้ แค่ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลยแล้วจะเอาอะไรมาดูแลฉัน หาเงินใช้เองให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยคิดที่จะมีแฟน
“ถามไรหน่อยดิ” เชียร์ถามขึ้นมา ฉันพยักหน้าตอบสีหน้าของเชียร์ดูเป็นกังวลยังไงไม่รู้ ทำให้เพื่อนๆ ทั้งโต๊ะเงียบเสียงลงไปด้วย “โฟร์จีบเธอเหรอรัน?”
“มะ...ไม่ใช่” ฉันรีบปฏิเสธทันที
โฟร์เนี่ยนะจะจีบฉัน เขาก็แค่อยากแกล้งฉันเล่นเท่านั้นเองแหละ ฉันหันไปมองโฟร์ที่ตักชาบูให้แฟนของเขาก่อนจะรีบหันมาตอบเชียร์ก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“โฟร์มีแฟนอยู่แล้วนะเขาจะมาจีบฉันได้ยังไง เขาก็แค่แกล้งฉันไปอย่างนั้นเองแหละ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” เชียร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เหมือนว่าเขาสบายใจขึ้นมาแล้ว ทำให้น้อยหน่าตีแขนฉันเบาๆ เพื่อให้สังเกตอาการของเชียร์ว่าเขาดีใจมากแค่ไหนที่ฉันตอบว่าโฟร์เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
ฉันเองก็เริ่มรู้สึกว่าเชียร์อาจจะคิดอะไรกับฉันขึ้นมาก็ได้ แต่ฉันยังไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลยทำตัวเฉยๆ ไว้ก่อน แต่ถ้าเขาคิดที่จะจีบฉันอย่างที่น้อยหน่าพูดจริงๆ ฉันก็คงต้องถอยห่างจากเขาชั่วคราวเพราะฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาโดยการปฏิเสธเขาเป็นคนที่เก้า
“คืนนี้เจอกันหน้าหอนะจ๊ะทุกคน” น้อยหน่าพูดเตือนเพื่อนๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด
ฉันเองก็คงต้องกลับไปคุยกับโฟร์ ไม่รู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเมื่อคืนล่ะมั้ง
“เดี๋ยวก่อนรันแขนไปโดนอะไรมา?” ฉันกำลังจะเดินเข้าหอก็ถูกเชียร์คว้าข้อมือเอาไว้ซะก่อนก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าแขนข้างซ้ายของฉันมีแผลจากการโดนเล็บของพี่แพตข่วน “แผลใหญ่ด้วยนะ”
“แมวข่วนน่ะ พอดีเมื่อวานไปเล่นกับแมวที่ร้านคาเฟ่” ฉันโกหกและดูเหมือนว่าเชียร์จะเชื่อด้วย
ฉันกับเชียร์แยกทางกันก่อนที่ฉันจะเดินเข้าลิฟต์เพื่อขึ้นห้องตัวเอง ตั้งแต่ที่รู้จักกับโฟร์มาบอกเลยว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะการใช้ชีวิตของฉันผิดเพี้ยนไปจากเดิม ตอนนี้ฉันกลายเป็นอะไรไม่รู้ให้คนอื่นนินทา
เวลาเดินไปที่ไหนถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และจะเป็นแค่กับผู้หญิงเท่านั้น ทำไมโฟร์ถึงมีอิทธิพลกับพวกผู้หญิงเหล่านั้นนักนะ เขาเป็นใครกันแน่ แล้วที่ฉันเห็นอยู่มันคือตัวตนของเขาจริงๆ หรือเปล่า เหมือนว่าตัวเองไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ยังไงยังงั้นเลย
ฉันไขกุญแจเข้าห้องก่อนจะพบเข้ากับโฟร์ที่นั่งอยู่ที่เตียงของฉันอย่างถือวิสาสะ ฉันแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเพื่อให้เขารับรู้ว่าฉันไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้
ข้อตกลงของเราคือการไม่ล้ำเส้นกัน แต่ทุกครั้งเขาก็มักจะล้ำเส้นฉันอยู่เสมอ ข้อตกลงของเรามันเหมือนไม่มีความหมายสำหรับเขาเลย
โฟร์เงยหน้าจากหน้าจอมือถือของเขาก่อนจะถอดหูฟังออก เวลาที่เขาว่างเขามักจะดูอะไรของเขาก็ไม่รู้ นี่ก็สงสัยเหมือนกันว่าดูอะไรนักหนาทำไมถึงได้ติดขนาดนี้ ฉันไม่เคยเห็นเขาอ่านหนังสือเลยแล้วทำไมถึงสอบแพทย์ได้นะ งงใจจริงๆ
“มาแล้วเหรอ?”
“กลับไปนั่งที่ของตัวเองได้แล้ว นี่มันส่วนของฉันนายไม่มีสิทธิ์ล้ำเส้นแบบนี้”
ฉันกระชากแขนโฟร์ให้เขากลับไปอยู่ที่ของเขาแล้วห้ามมาที่ของฉันอีก เขายอมเดินไปนั่งที่เตียงของตัวเองแต่โดยดีพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลศนัย ไม่ชอบที่เขายิ้มแบบนี้เลยมันเหมือนว่าเขามีแผนร้ายอยู่ในใจตลอดเวลา
“แล้วนี่มีอะไรจะคุยอ่ะ ถ้าเป็นเรื่องเมื่อวานไม่ต้องหรอกนะเพราะมันผ่านมาแล้ว”
“พูดดักหน้าเลยนะ” คนตรงหน้าเสยผมตัวเองขึ้นพลางมองไปที่กระจกก่อนจะเบนสายตามาทางฉันที่มองเขาอยู่ นึกว่าตัวเองหล่อนักหรือไง
ก็ใช่! เขาหล่อ แต่ขอโทษฉันไม่ได้ชอบคนหล่อเท่าไหร่ เพราะคนที่มันหน้าตาดีมักเจ้าชู้ และฉันก็ไม่อยากได้มาเป็นพ่อของลูกในอนาคตด้วย
“ที่จะพูดไม่ใช่เรื่องเมื่อวานหรอก”
“...” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้คุยเรื่องเมื่อวาน เขาหุบยิ้มก่อนจะเข้าสู่โหมดจริงจังเหมือนตอนที่อยู่ร้านชาบู
“แต่เป็นเรื่องของวันนี้”