@ คอนโดวิชญ์
“ว่าไง…อาร์มึงสืบเรื่องของเมียกูไปถึงไหน?” คนปลายสาย อาร์ คือเพื่อนที่สนิทในวัยเด็กของวิชญ์ เแต่เขาได้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่กรุงเทพเมื่อตอน ม.ต้น ทั้งคู่เป็นเครือญาติกันและคอยติดต่อกันมาตลอด
“เอ่อ….มึงพร้อมจะรับฟังมั๊ยล่ะ” อาร์ ที่เขาสืบเรื่องราวของน้ำผึ้งและไม่ติดต่อวิชญ์กลับเพราะเขากลัวว่าเพื่อนจะรับเรื่องราวนั้นไม่ไหว
“กูไม่เป็นไร…มึงพูดเรื่องที่รู้มาให้หมด” วิชญ์ขบกรามแน่นจนเห็นเป็นสันพร้อมรับฟังอาร์เหมือนเขาทำใจมาบ้างแล้ว
“มึงต้องตั้งสตินะ….และถ้ากูเล่าไปมึงจะไม่ไปเอาเรื่องน้ำผึ้งแน่นะโว้ย!” คนปลายสายกับวลใจและรู้สึกเป็นห่วง
“ลีลา…ไอ้อาร์ มึงก็พูดมาสักทีสิสรุป เมียกูมีชู้ใช่ไหม” วิชญ์ตะคอกใส่เพื่อนอย่างหัวเสียเพราะอาร์เอาแต่อ้ำอึ้งและไม่ยอมเปิดปากพูดสักที
“อืม พวกมันคบกันตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วไอ้หมอนั้นเป็นรองเดือนคณะวิศวยานยนต์” วิชญ์เงียบไปสักพักเพราะเขากำลังอึ้งและพยายามตั้งสติ
“ไอ้วิชญ์ ๆ วิชญ์…มึงไหวมั๊ย” อาร์สัมผัสถึงพลังงานเย็นยะเยือกที่วิชญ์นิ่งเงียบไปพักใหญ่
“มึงรู้อะไรอีก” วิชญ์เค้นคำตอบ
“เมียมึง…หลงมันมากและไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดา มันเจ้าชู้และมีอิทธิพลพอตัวขาใหญ่ในมอ”
“และมึงคิดว่ากูจะกลัวมันเหรอ” วิชญ์เดือดดาลเขาโมโหจัด…หยิบแก้วน้ำที่ใกล้ตัวเขาเขวี่ยงทิ้งทันที
เพล้งงงง! เสียงแก้วน้ำแตกกระจายบนพื้นจนอาร์รู้สึกสงสารเพื่อนจับใจที่ถูกคนรักหักหลังในเวลาที่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เดือน
“มึงตามสืบพวกมันต่อไป สนุกนักใช่ไหมเล่นละครหลอกกู” อาร์ถอนหายใจยาว ๆ ตกลงทำตามที่เพื่อนขอ
“เฮ้อ….กูอยู่ข้างมึงเสมอ”
“เออ ๆ กูขอบใจมึงมากไว้กู ลงไปจะเลี้ยงเหล้ามึงฝากสวัสดีแม่ต้อยด้วย”
หลังจากวางสายวิชญ์ก็เดินไปสูบบุหรี่ไฟฟ้าและกระดกเหล้าพร้อมกับเหม่อลอยที่ระเบียงคอนโด เฝ้าครุ่นคิดว่าตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเขาทำอะไรพลาดไปเขาไม่มีน้ำตาสักหยดมีเพียงความแค้นและคำถามมากมายในใจ เขาไม่ได้เสียใจถ้าน้ำผึ้งจะเลิกกับเขาแบบแฟร์ ๆ แต่ทว่าเขาเกลียดการหักหลังและสวมเขาให้เขาดูเป็นคนโง่
@คณะวิศวกรรมศาสตร์
“ไอ้เจ มึงไปดูเพื่อนมึงดิไอ้วิชญ์มันนั่งหลับตั้งแต่คาบแรก กลิ่นเหล้าหึ่งมึงไปถามมันดิ” ต้นไผ่ให้เจเจที่นั่งข้าง ๆ วิชญ์สะกิดเรียกเขา
“วิชญ์เที่ยงแล้วไปโรงอาหารกันหาไรแดก” วิชญ์ตื่นและมองหน้าเพื่อน ๆ ของเขาเพราะยังเมาค้างจากการดื่มเมื่อคืน
“มึงเป็นอะไรวะ วันนี้สภาพอย่างก่ะศพเดินได้” ต้นไผ่ถามเพราะความเป็นห่วง
“เออ มีปัญหากับน้ำผึ้ง” วิชญ์ไม่ปิดบังเพื่อนเขาตอบสั้น ๆ
“หนักเลยล่ะสิ…ปกติถ้าแค่ยัยนั่นวีนมึงก็แค่ง้อนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หาย นี่มึงอาการหนักนะเนี่ย” อินดี้เดินเข้ามาตบบ่าปลอบวิชญ์เบา ๆ พร้อมกับเอ่ยชวน
“วันนี้เราไปกินข้าวที่โรงอาหารตึกบริหารกัน”
“กูไม่หิว” วิชญ์ปัดเพื่อนเพราะเขากินอะไรไม่ลง
“เชื่อกูเถอะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องโว้ย!” สิ้นเสียงอินดี้ลากวิชญ์ลุกจากโต๊ะและขับบิ๊กไบค์คันโปรดตามกันไปที่โรงอาหาร โดยแกงค์ยากูซ่าจะเป็นจุดเด่นที่สาว ๆ สนใจทุกการกระทำของพวกเขาเสมอพวกเขาถือเป็นคนดังในมหาวิทยาลัย
@โรงอาหารตึกบริหาร
แกงค์ยากูซ่าทั้งสี่คนปรากฏตัวที่โรงอาหารของคณะบริหารทุกสายตาจับจ้องมองมาที่พวกเขา ชายหนุ่มทั้งสี่ดูเท่และโดดเด่นเป็นเอกลักษ์บวกกับลุคเด็กวิศวะที่ดูแมน ๆ เถื่อน ๆ แบดบอยกร้าวใจเป็นที่หมายปองของสาวหลายคน และอย่างว่า ทั้งสี่คนเป็นคนดังเป็นที่รู้จักของทุกคนโปร์ไฟล์พวกเขารวยหล่อเก่งกันทุกคนพ่วงตำแหน่งเป็นพี่ว๊ากอีกแต่จะมีแค่วิชญ์คนเดียวเท่านั้นที่ดูเป็นคนนิ่งที่สุด และไม่เจ้าชู้เพราะเขามีแฟนแล้วนั่นเองสาว ๆ จึงยกให้เขาเป็นตัวท็อปของคณะวิศวะที่ไม่อาจเอื้อมถึงเพราะเขามีสาวในใจอยุ่แล้วนั่นเอง
“ปุย ๆ มึงแก็งค์นี้มาโรงอาหารคณะเราได้ไงว่ะ” กิ๊กที่กำลังนั่งกินข้าวและได้ยินเสียงสาว ๆ ซุบซิบถึงพวกสี่หนุ่มก็มองเห็นพวกเขาไกล ๆ
“ไม่รู๊…สงสัยมาแอ้วสาวมั้ง” ปุยฝ้ายไม่สนใจและกินก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใสที่ไม่ต้องปรุงอะไรก็อร่อย เธอถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวลงใน IG เป็นรูปที่น่าทานมาก ๆ สักครู่ก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา
ติ๊งง!...
MUNG DOWN : น่ากินจัง ขอกินด้วยคนนะครับ
เขาส่งข้อความพร้อมกับรูปก๋วยเตี๋ยวของเธอปุยฝ้ายอ่านแต่ไม่ตอบ และตลึงเมื่อเห็นวิชญ์และเพื่อน ๆ ของเขาเดินมาทางโต๊ะของเธอ
“สวัสดี...บัดดี้ต้นไผ่เอ่ยทักทายบัดดี้สาวอย่างเป็นมิตร”
“สวัสดีไผ่” ปุยฝ้ายยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับเป็นมารยาท
“โต๊ะมันเต็มพวกเราไม่รู้จักใครเลย ขอนั่งโต๊ะด้วยคนนะ” เจเจรีบวางจานข้าวพร้อมกับเรียกให้
เพื่อน ๆ มานั่ง สามสาวก็ไม่กล้าปฎิเสธจึงจำใจให้พวกแก็งค์ยากูซ่าร่วมโต๊ะ
“ได้ข่าวว่าที่นี้กับข้าวอร่อยกว่าโรงอาหารวิศวะ” อินดี้ชวนสาว ๆ คุยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่แสนเงียบ… วิชญ์สบโอกาสจึงมานั่งข้าง ๆ ปุยฝ้ายและเธอก็ขยับหนีห่างเขาออกไป เขายิ้มมุมปากเอ็นดูท่าทางของเธอที่กลัวเขาไม่น้อย
“วิชญ์ชอบกินเผ็ดนะ แต่วันนี้จะลองกินแบบไม่ใส่พริกแบบปุยฝ้ายมั่ง” เขากินก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวกับเธอและไม่ปรุงแบบเดียวกันปุยฝ้ายยิ้มแบบเจื่อน ๆ และอยากวิ่งหนีออกไปไกล ๆ
“ทำไมกินน้อยจังครับ” วิชญ์ถามเธอพร้อมกับเปิดขวดน้ำยื่นให้ปุยฝ้าย และตอนนี้ทั้งโรงอาหารมีสายตาริษยาหลายคู่จ้องมองมาที่โต๊ะของพวกเธอ ต่างพากันแชทบ้างซุบซิบกันบ้างจึงทำให้ปุยฝ้ายกินไม่ลง
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับขวดน้ำจากมือเขาและดื่มแล้วรีบเอ่ยขอตัว
“คือพวกเราอิ่มแล้วน่ะ ขอตัวก่อนนะ” เธอรีบจูงมือเต้ยกำลังจะลุกขึ้น…แต่มือของวิชญ์คว้าข้อแขนเล็กเอาไว้
“นั่งเป็นเพื่อนวิชญ์ก่อน…ขอให้เราได้ใช้เวลาสักห้านาทีก็ยังดี” วิชญ์จับแขนเธอแน่นปุยฝ้ายพยายามแกะแต่ก็สู้แรงคนตัวใหญ่ไม่ไหว เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตเธอจึงยอมนั่งลงกลิ่นหอมจากเธอที่หอมแบบกลิ่นเด็ก ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ ยิ่งหอมชวนให้เคลิ้ม วิชญ์ที่ตอนนี้ใจเขากำลังเศร้ากลับลืมเรื่องนั้นไปสนิทเขารู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เธอ
“วันนี้เรียนหนักไหม”
“อืม! ก็ไม่ค่อยนะ” ปุยฝ้ายพยายามแกะมือหนาออกเขายังจับไว้แน่น
“เอ่อ....วิชญ์ขอโทษนะเจ็บไหม” เมื่อนึกขึ้นได้เขารีบปล่อยข้อแขนเรียวและมองเห็นรอยแดง ๆ เพราะผิวขาวบางของเธอเวลาเป็นรอยจะเห็นชัดมาก
“อือ ไม่เป็นไรวันหลังอย่าทำแบบนี้อีกเราไม่ชอบ” ปุยฝ้ายทำหน้างอและเสียงเย็นชากลบเกลื่อนทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นหัวใจเต้นตึก ๆ เธอรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“ครับ…ขอบคุณนะที่นั่งเป็นเพื่อน” เขาชอบเวลาที่เธอทำตัวเย็นชาแบบนี้และใบหน้าที่ไร้อารมณ์เดาไม่ถูกว่ายัยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขามองด้านข้างใบหน้าเล็กปากนิดจมูกหน่อยที่โด่งรับกับรูปหน้าเล็กปุยฝ้ายไม่ชอบแต่งหน้าเพราะผิวเธอเนียนอยู่แล้ว แก้มที่มีเลือดฝาดเกิดจากความประหม่าที่ตอนนี้มีหนุ่มหล่ออย่างวิชญ์มานั่งข้าง ๆ
“ถ้าอิ่มแล้วเราไปก่อนล่ะนะ” ปุยฝ้ายพอวิชญ์เผลอ…ก็รีบลุกและกระชากแขนเพื่อนสาวออกจากโต๊ะ วันนี้เธอใส่กระโปรงพีชสั้นบนเข่าและรองเท้าผ้าใบจึงคล่องตัวมาก ๆ รีบเดินกึ่งวิ่งออกมาจากโรงอาหาร
“ฮ่า ๆ ๆ” เจเจ ต้นไผ่ อินดี้หัวเราะลั่นขนาดวิชญ์ยังอดหัวเราะไม่ได้ในความโก๊ะของยัยเฉิ่มของเขา
“วิชญ์…มึงนี่ตาถึงนะดูใกล้ ๆ ยัยนี่น่ารักฉิบหายว่าสวยละนะตอนมองไกล ๆ ยิ่งมองดูใกล้ ๆ สวยแบบไม่ต้องแต่งเติมอะไรเลยว่ะนางฟ้าชัด ๆ มึงมีเมียแล้วเก็บไว้ทำไมกูยังโสดขอได้ไหม” อินดี้พ่อหนุ่มนักรักเอ่ยชมปุยฝ้ายอย่างลืมตัวเขาแอบมองสาวบัญชีที่เพื่อนรักนั้นคลั่ง
“อ่ะ เฮ่อ!…ข้ามศพกูไปก่อนไอ้ดี้” เสียงวิชญ์กระแอมในความขี้หวงของเขาทั้งที่ไม่ได้มีสถานะเป็นอะไรกับเธอด้วยซ้ำ
“เอ้อ ๆ กูคิดไม่ผิดที่ชวนมึงมากินข้าวที่โรงอาหารนี้” อินดี้ยิ้มและดีใจที่เห็นวิชญ์ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา “ดีขึ้นมาบ้างยะง…มึง” เจเจถามวิชญ์ด้วยความเป็นห่วง
“กูไม่ได้เป็นไร…” วิชญ์ผายมือและยักไหล่ท่าทีกวน ๆ
“งั้นคืนนี้ปาร์ตี้ที่ร้านหน้ามอนะ ใครมาช้าเลี้ยงเหล้านะโว้ย!” ต้นไผ่ชวนเพื่อนทุกคน