เย็นวันศุกร์
“คืนนี้พี่เลิกงานทุ่ม กิ๊กชวนปุยมาที่ร้าน Chill หน้ามอนะ” พี่ท็อปรุ่นพี่คณะวิศวะไฟฟ้าที่ตอนนี้กลับจากการฝึกงานที่ระยองเพื่อมาทำโปรเจ็คสุดท้ายก่อนจบ ท็อปจะสนิทกับกิ๊กเพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกันและรู้จักปุยฝ้ายตั้งแต่ ปวส.
“โอเค….แต่พี่ต้องเลี้ยงพวกเรานะ มีเพื่อนใหม่จะแนะนำ” กิ๊กท้าทายพี่ท็อปเพราะรู้ว่าเขาชอบเอาใจและเป็นคนอยู่ด้วยแล้วสนุก
“ระดับเสี่ยท็อป ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกไปชวนยัยปุยเพื่อนแกให้เสด็จมาให้ได้ก่อนเถ๊อะ..” ท็อปจะรู้นิสัยปุยฝ้ายดีว่าเธอไม่ค่อยชอบออกมานั่งดริ้งน้อยมากที่จะเจอปุยฝ้ายในร้านเหล้า
“ถ้ากิ๊ก บังคับไอ้ปุยมาได้พี่ต้องจ่ายค่าเหล้านะคืนนี้” หลังจากวางสายกิ๊กก็ไปหาปุยฝ้ายที่ห้อง
“ปุย…พี่ท็อปกลับมาแล้ว เพิ่งมาถึงเมื่อวานพี่เค้านัดเราไปเจอที่ร้านหน้า ม. ” กิ๊กพูดเชิงบังคับรวบรัดตัดตอน
“ไม่ชอบคนเยอะอ่ะ ชวนแกมาที่อพาร์ตเมนต์เราไม่ได้เหรอ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเพราะเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะทำงานค้างที่จะส่งอาจารย์
“มึง….พี่มึงกลับจากระยองมึงจะกล้าปฏิเสธเหรอ” ปุยฝ้ายนับถือท๊อปเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
“เดี๋ยวกูจะชวนเต้ยด้วย ขานั้นน่ะไม่พลาด” เต้ยเป็นสาวเปรี้ยวชอบแต่งตัวและเที่ยวเก่งมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่ยากในการที่จะชวนหล่อน
“อ่ะ ก็ได้ ๆ ถ้าขออนุญาตขุนต้องไม่ให้ไปแน่ ๆ” ปุยฝ้ายรู้ดีว่าขุนพลไม่ชอบให้เธอเที่ยวกลางคืนถ้าเขารู้ต้องทะเลาะกันปางตายแน่ ๆ
“เดี๋ยวกูช่วยเคลียร์” กิ๊กอาสาวางแผนช่วยเพื่อนสาว
@ร้าน Chill
เจเจ ต้นไผ่ อินดี้ วันนี้พวกเขานัดกันมาที่ร้านดังหน้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ อันที่จริงพวกเขาอยากจะพาวิชญ์มาผ่อนคลายกับเรื่องของน้ำผึ้งและอยากจะถามเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะวิชญ์ยังไม่ยอมเปิดปาก บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยนักศึกษาหนุ่มสาวสดใสมองไปทางไหนก็ชื่นตาชื่นใจไปหมด ข้างในร้านไม่ได้หรูหราแบบใน Club ที่พวกเขาชอบไปนั่งกันแต่มันก็พอบรรเทา อินดี้และเจเจวันนี้พวกเขาได้ชวนสาวสวยมานั่งด้วยเป็นสาวคณะบริหารรูปร่างหน้าตาสะสวยระหว่างที่รอวิชญ์มาถึงพวกเขาก็นั่งดื่มกับสาว ๆ รอ
“เอ้า….พี่ท็อป สวัสดีค่ะ” กิ๊กปุยฝ้ายและเต้ยทักทายท็อปรุ่นพี่วิศวะไฟฟ้าที่วันนี้เขาชวนเพื่อนมาด้วยอีกคน
“มา ๆ พี่สั่งเบียร์สดรอไว้ล่ะ” ทั้งสามสาวนั่งร่วมโต๊ะและสวัสดีเพื่อนอีกคนของท็อปที่มาด้วยกัน
“นี่พี่โหน่งเพื่อนพี่เองมันอกหัก พี่เลยพามาย้อมใจ” โหน่งชายหนุ่มบุคลิกดีดูท่าทางอบอุ่น
“นี่เพื่อนใหม่พวกเรา...เต้ย” กิ๊กแนะนำเต้ยให้พี่ ๆ รู้จักเต้ยยิ้มทักทายอย่างสดใส
“งั้นวันนี้เรามาฉลองให้น้อง ๆ ที่เข้ามาเรียนในมหาลัยเดียวกัน ถือเป็นพี่น้องร่วมสถาบัน” ปุยฝ้ายวันนี้เธอแต่งตัวด้วยเบา ๆ สวมเสื้อครอปสีขาวเอวลอยรัดรูป โชว์หน้าอกอวบอิ่มที่ซ่อนรูปกับโอวบางคอดผิวขาวผ่องกับกางเกงยีนส์เอวสูงขาด ๆ ดูสดใสมีเสน่ห์ ผมสีน้ำตาลธรรมชาติดัดลอนปลายแบบวอลลุ่มแต่งหน้าบางเบาดูแล้วผิดไปจากลุคนักศึกษาใส ๆ ดูรวม ๆ แล้วสวยลงตัวแบบละมุนไปอีกแบบส่วนเพื่อนอีกสองสาวก็ดูแซ่บบบไปอีกแนว
ต้นไผ่ที่ไม่มีสาวมาควงวันนี้เขาก่ะจะฉกสาวสักคนในร้านมานั่งเคียง สายตาคมของนักศึกษาวิศวะหนุ่มกวาดไปมองเหยื่อรอบ ๆ ร้านก็ไปสะดุดตากับโต๊ะของสามสาวจึงเผลอร้องอุทานออกมา
“เชี้ย! นั่นมันเด็กไอ้วิชญ์นี่นามาก่ะใครว่ะ ผู้ชายใส่เสื้อชอปไฟฟ้า” ทุกคนหันหน้าไปมองพร้อมกันต่างไม่มีใครรู้จักเพราะ รุ่นพี่ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากการฝึกงานที่ต่างจังหวัดและไม่ค่อยเข้ามาในมหาลัยเพราะใกล้จบแล้ว
“ไอ้วิชญ์มันดวงตกเรื่องผู้หญิงเปล่าว่ะ ช่วงนี้หนีเสือป่ะจระเข้ว่ะ” อินดี้พูดพร้อมกับแอบถ่ายรูปปุยฝ้ายและส่งให้วิชญ์ทันที ไม่นานนักเจ้าของร่างสูงโปร่งก็ขับบิ๊กไบค์เข้ามา วิชญ์ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์ตัวแพงดูเท่และมีออร่ามาแต่ไกลสาว ๆ ในร้านต่างพากันมองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะของสามสาวที่มองคนที่เดินเข้ามาใหม่
“เฮ้ยปุย คู่อริเมิงง” กิ๊กทำเสียงยาน ๆ เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้า ปุยฝ้ายต้องไม่สงบแน่ ๆ ถ้าเขาเห็นว่าเธออยู่ที่นี่
“ใครเหรอ รุ่นน้องที่โต๊ะนั้น” ท็อปสงสัยเพราะแก็งค์ยากูซ่าดูมีอิทธิพลและสาว ๆ ในร้านให้ความสนใจพวกเขาเอามาก
“อ๋อ…ต่อเนื่องคณะวิศวะโยธาพวกคนรวยน่ะพี่ไม่ต้องไปสนใจ” ปุยฝ้ายตอบรุ่นพี่ใบหน้าเรียบนิ่ง
“แล้วพี่ไม่รวยตรงไหน…” ท็อปก็เป็นลูกนักการเมืองในจังหวัดที่จัดว่ามีเงินและมีอิทธิพลคนหนึ่ง เขาเป็นคนไม่ถือตัวและค่อนข้างจะเก็บตัว
“พี่จะไปรู้อะไร ไม่มาเฝ้าน้อง ๆ ยัยปุยน่ะโดนไอ้หมอนั่นคนที่ใส่เสื้อสีขาวที่เด่น ๆ ในกลุ่มน่ะแทะโลมจนจะเหลือแค่กระดูกล่ะนั่น” กิ๊กแซวปุยให้ท็อปฟังถึงเรื่องที่เธอถูกตามตื้อ
“น้องปุยฝ้าย น้องมีแฟนยังครับ” โหน่งที่เงียบมานานถามเธอเพราะเพิ่งจะเค้วงและบวกกับเขาชอบปุยฝ้ายตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามา
“มึงหยุดไอ้โหน่งนั่นน้องกู ปุยมันมีคู่หมั้นแล้วไอ้เด็กนั่นก็น้องกู” ท็อปกันท่าเพื่อนเพราะเขารู้จักขุนพลเป็นอย่างดี
“ม่ะ…เรามาชนแก้วดีกว่า” เต้ยที่ตอนนี้เริ่มเบื่อกับการพูดถึงแก็งค์ยากูซ่า เพราะเธอสนใจโหน่งมากกว่าตอนนี้เธอส่งสายตาหวาน ๆ ไปหยอดเขาโหน่งก็เล่นหูเล่นตากลับ
“ไอ้วิชญ์! มึงเปิดแชทที่กูส่งให้ในไลน์ยัง” อินดี้ถามวิชญ์เพราะเขาเห็นว่าเพื่อนไม่มีทีท่าอะไร ด้านวิชญ์ก็เปิดมือถือและสตั้นไปหลายวิเมื่อเห็นยัยหน้าจืดของเขาในลุคที่ดูแปลกตาไปแถมยังนั่งร่วมโต๊ะถือแก้วกับผู้ชาย
“โต๊ะไหน” วิชญ์ถามเพื่อนในกลุ่มและทุกคนชี้ไปที่โต๊ะมุมด้านขาว และเป็นเธอจริง ๆ วันนี้เขาต้องมาหัวเสียก่ะยัยหน้าจืดอีกแล้ว
“ไอ้วิชญ์….มึงมานั่งนี้ มึงจะเอาสาวกี่คนในร้านนี้ก็ได้กูจะบอกอะไรมึงให้นะกูรู้ประวัติยัยเด็กบัญชีนั่นมาน่ะ เพราะไอ้ยูริห้องเรากำลังคบกับกิ๊กเพื่อนสนิทของปุยฝ้าย” ต้นไผ่เล่าให้วิชญ์ฟังและให้เขาสงบใจลง
“บัดดี้กูน่ะ เป็นคนนิสัยดีเรียบร้อยอ่อนนอกแข็งใน ครอบครัวมีฐานะปานกลางเรียนเก่งมากระดับหัวกะทิ แถมเธอมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วเพิ่งหมั้นตอนปิดเทอมนี้เองส่วนคู่หมั้นก็หล่อรวยสมกันดี” วิชญ์กระดกเหล้าเข้ม ๆ ออนเดอะร็อคลงคอแบบน้ำเปล่าหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวของสาวสวยคณะบริหาร ที่เขานั้นแอบชอบ
“เฮ้ย…มึงจะอกหักซ้ำอกหักซ้อนไม่ได้ มึงไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า” อินดี้ปรามเพื่อนเพราะวิชญ์ยกแก้วไม่พักกลัวว่าเขาจะเมาก่อน
“แล้วกูไปแย่งแฟนคนอื่นตอนไหน กูแค่อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ กูคือผู้พิทักษ์ โว้ยย! ยัยหน้าจืดนั่นน่ะดูดิ๊…ว่าธรรมดาที่ไหนเห็นหน้านิ่ง ๆ แอบคู่หมั้นมาอ่อยผู้ชาย ชิ! ร้ายชะมัด” วิชญ์บ่นไปสายตาก็มองไปที่ปุยฝ้ายซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจและชายตามามองเขาแม้แต่น้อย
สองชั่วโมงต่อมาเสียงโทรศัพท์ปุยฝ้ายได้ดังขึ้นเป็นขุนพลที่โทรมาและตอนนี้ปุยฝ้ายที่กำลังกรึ่ม ๆ เพราะฤทธิ์เบียร์ เธอจัดว่าเป็นสายอ่อนก็ว่าได้ผิวขาว ๆ กลายเป็นอมชมพูไปทั้งตัว
“กูขอตัวไปรับสายก่อนนะ” ปุยฝ้ายลุกขึ้นและเบี่ยงตัวออกมาเดินไปข้าง ๆ ร้านเพื่อหาที่สงบคุยกับคู่หมั้นหนุ่ม วิชญ์ที่ตอนนี้เขากำลังเมาได้ที่ตลอดเวลา เขาไม่วางสายตาจากยัยคนสวยหน้าจืดเลยเมื่อเห็นเธอลุกไปข้างนอกก็แอบย่องตามไปเงียบ ๆ เขาได้ยินทุกบทสนทนาจะว่าเขาเสียมารยาทก็ได้
ปุยฝ้าย : ปุยขอโทษนะขุน…วันนี้พี่ท็อปชวนมาพี่เค้าเพิ่งกลับมาจากระยอง
ขุนพล : ปุย…เราไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันตอนนี้
ปุยฝ้าย : ฮัลโล ๆ ขุน ๆ อย่าทำแบบนี้
“ฮือ ๆ ๆ” เสียงสะอื้นพร้อมน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มใสปุยฝ้ายพยายามเรียกคนปลายสายที่กดสายทิ้งทั้งคู่มีปากเสียงกัน ร่างบางค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้ที่เป็นชิงช้าเหล็กอย่างสงบส่วนวิชญ์ภศุที่เห็นเหตุการณ์และได้ยินทุกอย่างก็รู้สึกเจ็บไปทั้งใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเธอร้องไห้เขาทนไม่ได้จริง ๆ คราวแรกก่ะว่าจะมาหาเรื่องตอนนี้เขาทำไมลงสองขายาวค่อย ๆ ก้าวแล้วมานั่งลงข้าง ๆ สาวสวยที่กำลังสะอื้นอีกคนก็ยังไม่รู้ตัว
พรึบบ! ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ และมือหนาค่อย ๆ เลื่อนมาปาดน้ำตาของเธอปุยฝ้ายเงยหน้าขึ้นลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ที่มีกลิ่นบุหรี่ไฟฟ้าแอลกอฮอล์และน้ำหอมติดตัวเขาวิชญ์ที่ตอนนี้เขาเมาแต่ก็รู้ตัว
“มานั่งร้องไห้ทำไมตรงนี้อยู่คนเดียวมันอันตรายคนเมากันแล้วตอนนี้” วิชญ์ถามแต่เขารู้ทุกอย่างแล้ว
“ไม่มีไรแค่…เข้าใจกันผิดน่ะ” ปุยฝ้ายยิ้มกลบเลื่อนเป็นครั้งแรกที่ยัยเฉิ่มยิ้มให้เขา รอยยิ้มนี้มันช่างหวานฟันซี่เล็ก ๆ เรียงตัวสวยขาวสะอาดเพราะเธอจัดฟันมาแล้ว และสังเกตเห็นลักยิ้มที่แก้มป่อง ๆ คนที่ตกอยู่ในภวังค์ก็ยิ้มตามโดยอัตโนมัติ
“นายมากับใครเหรอ…” ปุยฝ้ายถามเขากลับ
“วิชญ์มากับเพื่อน ๆ น่ะ” เขาดึงสติกลับมาจากภวังค์
“แล้วปุยฝ้ายมากับแฟนเหรอ” เขาหลอกถามเธอเพราะอยากจะรู้ว่าผู้ชายสองคนที่มาด้วยคือใคร
“อ้อ…พี่ท็อปวิศวะไฟฟ้าก่ะพี่โหน่งเพื่อนเค้าเพิ่งกลับมาจากฝึกงานที่ต่างจังหวัด” ปุยฝ้ายพูดไปยิ้มไปซึ่งมันผิดวิสัยเพราะปกติเธอจะชอบทำหน้านิ่ง ๆ และไม่ค่อยยิ้มอาจเป็นเพราะเธอเริ่มเมา
“อ้าวเหรอ! นึกว่าหนุ่ม ๆ ที่มาจีบซะอีก” เขาทิ้งหมัดเข้ามุมให้ปุยฝ้ายตอบเสียแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้พี่ท็อปน่ะหรอ…ฮ่า ๆ” เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอเมาและหัวเราะร่า
“คนอะไรน่ารักเป็นบ้า…เมาแล้วโคตรน่ารัก” วิชญ์ภศุคิดในใจยิ่งเขาได้อยู่ใกล้และได้สัมผัสเขายิ่งรู้สึกหลงใหลสาวบัญชีคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“พี่เค้าเป็นรุ่นพี่ที่เรานับถือน่ะ พวกเราคือก๊วนเดียวกันพี่เค้าคอยดูแลเรามาตลอด” สิ้นบทสนทนา วิชญ์หัวใจฟู เขาดีใจมากที่เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงชอบยั่วสวาทปั่นหัวผู้ชายแบบที่เค้าพบเจอ….ในใจเขาตอนนี้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง