“ทำไมปุยฝ้ายถึงชอบหลบหน้า วิชญ์ด้วยล่ะ?” วิชญ์ถามเธอไปตรง ๆ เพราะเขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่เอาแต่หนีเขาแบบเธอมาก่อน ยิ่งเขาให้ความสนใจหรือพยายามแสดงตัวเธอก็เอาแต่เมินและหลบซึ่งสาว ๆส่วนมากที่เจอเขามีแต่จะวิ่งใส่กันทั้งนั้น
“ปุยไม่ได้หลบนะ คิดไปเองหรือเปล่า” วันนี้ช่างเป็นใจที่เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดผู้หญิงที่เขาชอบตั้งแต่แรกเจอ…..และปุยฝ้ายดูเฟรนลี่กับเขามากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยและใกล้ชิดเธอขนาดนี้
“งั้น วิชญ์ขอเรียก ปุยฝ้าย แบบคนอื่น ๆ นะ” เขาทำตาโตเมื่อได้ยินเธอแทนตัวเองว่า ปุย เพราะกับคนสนิทและเพื่อนซี้ของเธอเท่านั้นจะเรียกเธอแบบนี้
“หึ ๆ ได้สิ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย....ทำไมต้องขออนุญาตด้วยตลกจัง” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสวยอมชมพูระเรื่อหัวเราะและแปลกใจแค่เรียกชื่อเธอเหมือนคนอื่น ๆ ต้องขออนุญาตเธอก่อน วิชญ์เขาที่ไม่เคยจะได้คุยกับเธอเกินสิบคำในแต่ละครั้งที่มีโอกาสพบหน้ากันนั้นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิง อาจเป็นเพราะทั้งคู่เริ่มเมาจึงลดความตึงลงมาได้มาก คนที่คออ่อนอย่างปุยฝ้ายไม่เกินสามแก้วเธอก็ออกอาการเมามายแล้ว
ด้วยเดือนนี้เป็นฤดูหนาวของภาคเหนือเสื้อที่เธอใส่มันปิดสัดส่วนไม่มิด เพราะบรรยากาศที่ลมและน้ำค้างก็เริ่มแรงเพราะเริ่มดึกแล้วทุกคนในร้านก็เริ่มเมากันได้ที่ เสียงเพลงก็ดังเวลาคุยกันต้องกระซิบข้าง ๆ หูถึงจะได้ยินวิชญ์และปุยฝ้ายคุยกันเพลินจนเกือนจะครบชั่วโมง
“ไม่หนาวเหรอ....แต่งตัวมาชุดนี้” วิชญ์ที่เขาดูชุดเธอและบวกกับลมพัดมาจนเขายังรู้สึกเย็น ๆ
“ก็นะ มันเป็นแฟชั่นย่ะ” ปุยฝ้ายขำและตลกวิชญ์ที่วิจารณ์การแต่งตัวของเธอ
“งั้นปุยขอตัวไปหาเพื่อน ๆ ก่อนนะออกมาตั้งนาน” ปุยฝ้ายขอตัวลาและกำลังจะลุกขึ้น
“เดี๋ยว! วิชญ์คว้ามือนุ่ม ๆ ของเธอไว้” ปุยฝ้ายสะดุ้งหัวใจเต้นแรงที่ถูกจับมือแบบนี้
“มีอะไรไว้คุยกันวันอื่นดีไหม” ร่างบางสะท้านในใจเมื่อมืออุ่น ๆ ของเขาสัมผัสที่มือบางของเธอครั้งแรก
“ปุย….” วิชญ์เรียกชื่อคนร่างบางที่ตอนนี้มือเย็นเฉียบ
“หนาวมั๊ย…..มือเย็นมาก” เขาพูดจบแล้วจึงยกมือเธอขึ้นมาเป่า…ลมอุ่น ๆ จากปากเขากระทบมือเธอทำให้ปุยฝ้ายถึงกับเคลิ้มไปเลยทีเดียว สักพักวิชญ์ดึงแขนเธอมานั่งคราวนี้เธอล้มเซมาเกือบทับตัวเขา
“อุ๊ย!” ปุยฝ้ายอุทานและเซมาทางเขาเพราะความเมาและแรงของวิชญ์ที่ตัวโตกว่า ในจังหวะนั้นก็ได้ประคองและโอบร่างบางเข้ามานั่งชิดกับตัวเอง
“จะทำอ่ะไรน่ะ” ปุยฝ้ายเริ่มได้สติและไม่ไว้วางใจในสถานการณ์แบบนี้สายตาของทั้งคู่สอดประสานกัน จากนั้นหน้าหล่อเหลายื่นมาใกล้ ๆ กลิ่นตัวของปุยฝ้ายนั้นหอมฟุ้งบริสุทธิ์เป็นกลิ่นเด็กที่เขาจำได้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้ใจเขามันเตลิดควบคุมตัวเองไม่ได้เสียแล้วเผลอตัวหอมไปที่แก้มแดง ๆ ของปุยฝ้าย ที่ตอนนี้ผิวเธออมชมพูไปทั้งร่างคนที่ถูกขโมยหอมถึงกับสตั้นทำตัวไม่ถูกเหมือนโดนเขาร่ายมนต์สะกด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากริมฝีปากนิ่ม ๆ ของเขาเลื่อนมาประกบปากบางสีชมพูทันที
จุ๊บ! เป็นสัมผัสที่นุ่มละมุนค่อย ๆ ประคองจูบอย่างอ่อนหวานปุยฝ้ายไม่ได้ขัดขืนเธอยอมให้นักศึกษาวิศวะหนุ่มคนดังอย่างวิชญ์ภศุบดจูบอย่างดูดดื่ม ด้วยบรรยากาศและความเมาบวกกับปัจจัยอะไรต่าง ๆ ที่มันเป็นใจให้คนหนุ่มสาวทั้งคู่ทำให้ควบคุมความต้องการของตัวเองไม่อยู่เขาบรรจงจูบเธออย่างหอมหวานเป็นจูบที่เชื่องช้าเนิ่นนานอบอุ่น วิชญ์ได้กอดและสัมผัสร่างกายหญิงสาวที่เขาเฝ้าฝันใฝ่ว่าจะมีช่วงเวลานี้กับเธอมันเหนือจินตนาการมากจึงไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หลุดออกมาจากออมแขนแกร่งของเขาอย่างแน่นอน ปุยฝ้ายเมื่อเธอเริ่มหายใจติดขัดจากรสจูบของเขาเธอจึงรีบดึงสติผละตัวออกมาจากเขาได้ในที่สุด
“ขอโทษ…..” วิชญ์รู้ตัวว่าเขาทำอะไรลงไปแต่ถ้ามีโอกาสเขาก็เลือกที่จะทำแบบนี้อยู่ดีเพราะหัวใจมันเรียกร้อง
“เรามีคู่หมั้นแล้ววิชญ์…อย่าทำแบบนี้กับปุยอีก” ปุยฝ้ายน้ำตาคลอเพราะเธอรู้สึกผิดต่อขุนผลถึงแม้จะทะเลาะกันแต่เธอไม่ควรทำกับเขาแบบนี้ลับหลัง
“วิชญ์รู้…รู้ทุกเรื่องของปุย” เขาสำนึกผิดแต่มันคือสิ่งที่ใจเขาต้องการและรู้ตัวดี แต่เขาก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน
“เรื่องที่มันเกิดขึ้นเราจะลืมมันไป…” ปุยฝ้ายถึงแม้เธอจะดูเป็นคนอ่อนโยนดูนิ่ม ๆ แต่ถ้าเธอตัดสินใจอะไรแล้วเธอจะดูแน่วแน่มาก
“วิชญ์ชอบปุยมาก ๆ นะ เคยพยายามจะไม่สนใจแล้วแต่มันทำไม่ได้” วิชญ์พรั่งพรูความรู้สึกที่มีต่อเธอออกมาทั้งหมดอย่างจริงจัง สายตาของเขามุ่งมั่นและจ้องมาที่ดวงตาคู่งามของเธอที่ตอนนี้มันสั่นไหวมีน้ำตาคลออยู่ในนั้น
“วิชญ์คงจะเมามากแหละ กลับไปหาเพื่อน ๆ เถอะ” ปุยฝ้ายไล่วิชญ์และเธอก็รีบเดินจากเขาไปโดยไม่มองย้อนกลับมา ร่างสูงจึงมองดูสาวสวยที่ตนนั้นคลั่งไคล้วิ่งหายเข้าไปข้างในร้านจนสุดสายตา
ข้างในร้าน
ปุยฝ้ายหลังจากที่เธอเดินเข้ามาที่โต๊ะเธอก็ได้ยกแก้วเบียร์ดื่มเอา ๆ จนเพื่อนและรุ่นพี่สังเกตเห็น ก็พอจะเดาออกว่าที่เธอหายไปเกือบชั่วโมงน่าจะมีปัญหากับคู่หมั้นหนุ่มเพราะระยะทางและความห่างกัน
“ปุย…มึงทะเลาะก่ะขุนมาเหรอ” เต้ยและกิ๊กถามด้วยความเป็นห่วงและเพื่อนก็ออกไปรับโทรศัพท์นานผิดปกติ
“อื้อ…” ปุยฝ้ายตอบสั้น ๆ และยกแก้วขึ้นมาดื่ม
“ดีนะ ที่พี่โสด…” ท็อปยีหัวปุยฝ้ายเล่นจนมันยุ่งกระเซงปุยฝ้ายตอนนี้เธอคิดหนัก ทั้งเรื่องสิ่งที่เธอได้กระทำลงไปกับวิชญ์และคำสารภาพของเค้าและเรื่องที่เธอผิดใจกันกับขุนพลอีก
“หมดแก้ว” เต้ยยกโชว์และทุกคนยกตามตอนนี้ทุกคนเริ่มเมาจนได้ที่
วิชญ์ในตอนแรกเขาเมาตอนนี้เขาได้สติและไม่ค่อยดื่มเพราะเขาเฝ้ามองดูปุยฝ้ายจากโต๊ะปล่อยให้เพื่อน ๆ เมาคลอเคลียสาวที่โต๊ะ ในสมองเขาตอนนี้มีแต่ใบหน้าสวยหวานปุยฝ้ายที่ยิ้มและหัวเราะกับเขา
“วิชญ์ มึงไปไหนมาตั้งนานไปเคลียร์ก่ะเมียมาหรือไงว่ะ” เจเจที่ตอนนี้เมาเสียงอ้อแอ้ถามเพื่อนวิชญ์
กระตุกยิ้มที่มุมปากเขาไม่ตอบคำถามใด ๆ จนเวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน ร้านกำลังจะปิดโต๊ะของปุยฝ้ายและเพื่อนก็พากันกลับเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่เขาเฝ้ามองเมาหนักจึงแอบขับรถตามไปไกล ๆ จนไปถึงอพาร์ตเมนต์ของพวกเธอจึงแอบตามมาส่งเมื่อเห็นว่าห้องของปุยฝ้ายไฟดับลงเขาก็ขับรถกลับคอนโดของตัวเองอย่างสบายใจ