บทที่1. ชีวิตที่เริ่มใหม่(2)

985 Words
หลายคนอาจจะพูดว่าสองมือแม่เป็นผู้โอบอุ้มและสร้างลูกแต่ตรงข้ามกับหญิงสาว เจ้ามืออวบนุ่มนิ่มนี่ต่างหากที่เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่กับเธอ  ในวันที่ต้องสูญสิ้นทุกสิ่ง ใครๆต่างเกลียดชังและผลักไส แม้วันที่หมดแรงหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ แต่กลับมีสิ่งมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้น ญาณิศารับรู้ว่าตนยังไม่ได้หมดสิ้นไปทุกสิ่ง หัวใจที่เคยหยุดเต้นกลับมามีจังหวะขึ้นอีกครั้ง เรียนรู้ว่าต้องเก็บรักษาชีวิตที่เหลือไว้เพื่อใคร ในวันที่เด็กหญิงญารินลืมตา เธอก็พบว่าความสุขที่ดิ้นรนไขว่คว้ามาตลอด แท้จริงคือของขวัญที่ฟ้าได้ประทานมาให้ตรงหน้า ลูก…คือของขวัญที่วิเศษที่สุด มีเพียงฝันร้ายที่ยังตามมาหลอกหลอน ถึงจะทิ้งอดีตเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ แต่เวลาสองปีเศษก็ยังไม่สามารถเยียวยาบาดแผลให้หายสนิทได้ ถึงพยายามเท่าไรแต่อดีตก็ยังเกาะกินฝังอยู่ใจของตน  หญิงสาวยกมือของลูกมาแนบกับแก้มของตน ลูกคือกำลังใจ คือยาใจที่ดีที่สุด ญาณิศาเชื่อว่าสักวันเธอจะลบอดีตอันเลวร้ายเหล่านั้นออกไปจากใจของเธอได้ เช้าวันใหม่หลายชีวิตต้องตื่นขึ้นมาดิ้นรนตามครรลองของตน ญาณิศาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น จอมนรีในอดีตคือสาวออฟฟิศ ขยัน คล่องแคล่วและมั่นใจในตัวเอง  แต่ตอนนี้เธอคือ ‘ญาณิศา’ สถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีพื้นเพมาจากจังหวัดหนึ่งของทางภาคอีสาน ที่ดั้นด้นมาเป็นสาวชาวไร่ในภาคเหนือ  บ้านไม้สองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ขนาดกะทัดรัดบนเนื้อที่ยี่สิบไร่เป็นสมบัติตกทอดมาจากมารดา เธอเลือกทิ้งอดีตอันขมขื่นแล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่บนพื้นที่ห่างไกลจากตัวจังหวัดพอควร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวกับฟาร์มผักออร์แกนนิค เริ่มแรกเธอลองปลูกจากหนึ่งโรงเรือนจากนั้นจึงค่อยๆขยายมากขึ้น แม้รายได้จะไม่มากมายแต่ก็สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสามชีวิตได้  หลังจากญารินอายุครบหนึ่งปี ญาณิศาก็คิดจะขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น ตอนนี้ผักของเธอได้ถูกวางขายบนซูเปอร์มาร์เก็ต แต่เพียงกำลังของเธอคนเดียวทำให้ไม่อาจเพิ่มผลผลิตให้มากไปกว่านี้ เธอจนมีแนวคิดจะเปิดฟาร์มผักเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตร แต่ก็เป็นเพียงแผนที่วางไว้ เพราะกลัวว่าหากโหมงานหนักเกินไป อาจทำให้ไม่มีเวลาดูแลญารินเท่าที่ควร  หญิงสาวจะเข้าไปดูแลแปลงผักแต่เช้า ลงมือให้น้ำให้ปุ๋ยรอคนงานที่เป็นชาวบ้านละแวกนั้นมาเก็บผักเตรียมส่งให้พ่อค้าแม่ค้าขาประจำที่มารับซื้อ พอสายหน่อยก็กลับเข้าบ้าน โดยมีสายหยุดดูแลเรื่องข้าวปลาอาหารและลูกสาวตัวน้อย เสียงพูดคุยสลับกับเสียงหัวเราะของเด็กทำให้ญาณิศาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง “ดูสิใครมา”สายหยุดชี้ชวนให้หนูน้อยบนเก้าอี้กินอาหารสำหรับเด็กมองมาที่เธอ “แมะ แมะ” เพียงเห็นว่าใครเดินมาเด็กน้อยแก้มยุ้ยที่กำลังมีข้าวเต็มปากก็ส่งยิ้มหวานจนอาหารในปากย้อยที่มุมปาก มือเล็กป้อมยกขึ้นตบกันจนเกิดเสียงแปะแสดงถึงความดีใจ “หายป่วยแล้วใช่ไหมคนเก่งของแม่”ญาณิศาเช็ดคราบอาหารที่มุมปากเล็กก่อนจะก้มลงไปหอมหน้าผากของลูกสาวหนึ่งครั้ง ยิ่งทำให้แม่หนูส่งเสียงกรี๊ดก๊าดอย่างถูกใจ สองแขนกลมป้อมยกชูกางขึ้นพร้อมกับส่งเสียงเรียกให้มารดาอุ้ม “อุ้ง อุ้ง” “หม่ำให้หมดก่อนค่ะ หม่ำหมดชามนี้แล้วแม่จะอุ้มหนู” ก่อนกลับเข้าบ้านหญิงสาวจะล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะมาสัมผัสลูก แม้ชีวิตต้องพลิกผันทำงานกลางแดดกลางดิน แต่ก็ไม่มองข้ามเรื่องความสะอาด โดยเฉพาะกับลูกยิ่งต้องใส่ใจเป็นสองเท่า สายหยุดเองก็รู้หน้าที่นางส่งชามข้าวของญารินที่เหลือไม่ถึงครึ่งให้ญาณิศา จากนั้นก็ตรงเข้าครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารเช้าให้หญิงสาว “อ้าปากเร็วคนเก่ง อีกนิดเดียวก็จะหมดแล้ว” “อ้ำ อ้ำ”ปากแดงๆเปิดอ้ารอคนเป็นแม่ป้อนของอร่อยพร้อมกับส่งเสียงตามจังหวะที่มารดาบอก “กินเก่งจังลูก อีกหน่อยตัวคงกลมเป็นหมู” “อู๋ อู๋”หนูน้อยพยายามพูดตามส่งยิ้มทะเล้นจนหญิงสาวต้องก้มลงไปฟัดแก้มกลมอย่างอดใจไม่ไหว เล่นเอาหนูน้อยล่งเสียหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างถูกใจ “เรานั้นแหละกำลังจะเป็นหมู แหนะ! ยังไม่รู้ตัวอีก”ญาณิศาก้มลงไปฟัดพุงกลมที่กำลังกระเพื่อมตามจังหวะเสียงหัวเราะ “หมู หมู ใครเป็นหมูยกมือขึ้น”ทันทีที่สิ้นเสียงของมารดาหนูน้อยยกแขนป้อมทั้งสองข้างขึ้นชู “มัวแต่เล่นกันทั้งแม่ทั้งลูก ข้าวปลาไม่กินกันพอดี”สายหยุดที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวทันเห็นแม่ลูกหยอกล้ออย่างมีความสุขก็มองทั้งคู่ด้วยความเอ็นดู สายหยุดมองญาณิศากำลังหยอกเล่นกับลูกน้อยก็อดคิดถึงใครบางคนไม่ได้ ในอดีตสายหยุดเป็นพี่เลี้ยงให้กับจอมขวัญมารดาของญาณิศา นางเลี้ยงของนางมาตั้งแต่จอมขวัญเป็นเด็กจนเริ่มเป็นสาวแรกรุ่น จนมาพบรักกับผู้ชายใจดำคนนั้น แม้จะเห็นเค้าลางของความผิดหวัง แต่ก็ไม่อาจทัดทานความดื้อรั้นของจอมขวัญได้ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD