บังคับรัก 06 ปกป้องมัน?

1103 Words
ร่างหนาผลักฉันลงกลางพื้นห้อง เขาถอดเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มกายตัวเองทิ้ง จากนั้นก็ลงมาคร่อมร่างฉันไว้อารมณ์โรคจิตของฮอลล์กำลังพลุ่งพล่าน และไม่มีใครสามารถดับความโรคจิตของเขาได้ ฉันปล่อยให้เขาฉีกกระชากชุดนักศึกษาออกจากเรือนร่าง ปล่อยให้เขาขบกัดตามหน้าอกนูน หน้าท้องแบนราบ รวมถึงขาอ่อน ทุกอย่างที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาจะทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของ เหมือนหมาหวงของต้องฉี่ทับที่! ทุกครั้งที่มีปากเสียง ต่อให้เขามีอารมณ์โกรธมากเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยทำรอยให้คนอื่นได้เห็น เพราะเรื่องนี้คืออีกเรื่องที่เราตกลงกันไว้ ฉันนอนแผ่หลาหลับตาปล่อยให้เขาปู้ยี่ปู้ยำ เขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำ หนำใจเมื่อไหร่เขาก็พอเอง... “เฮ้อ...” ฮอลล์ลุกออกจากตัวฉันในเวลาต่อมา แล้วผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วจุดบุหรี่ดูดอย่างใจเย็น หลังจากที่เขาทารุณร่างกายของฉันจนเสร็จสม! ภายในห้องรับแขกเงียบสนิท ฉันนอนเปลือยกายแผ่หราหมดอาลัยตายอยาก มีเพียงน้ำตาที่มันอัดอั้นภายในจิตใจเท่านั้นที่หลั่งรินไหล ไม่มีแม้เสียงสะอื้นมันแค่ไหลออกมาเงียบๆ ประมาณ20นาทีต่อมา ฮอลล์เดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วกลับมาพร้อมชุดคลุมตัวใหญ่ เขาเอาเสื้อคลุมมาคลุมตัวฉันไว้แล้วอุ้มฉันเดินออกจากห้องรับแขก พาฉันขึ้นมาชั้นบนที่เป็นห้องนอนของเรา ฮอลล์เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกับกะละมังและผ้าขนหนู แล้วเขาก็เดินตรงมาที่ฉัน “ต่อไปจะใจเย็นมากกว่านี้” มือหนาเกลี่ยปอยผมที่บดบังใบหน้าแล้วเขาก็ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทั่วใบหน้าของฉัน จากนั้นก็เริ่มเช็ดตามเรือนร่างทุกซอกทุกมุมทุกจุดซ่อนเร้น เมื่อเช็ดตัวเสร็จเขาก็เดินไปหยิบชุดนอนมาสวมใส่ให้ฉัน ชุดนอนที่เป็นเสื้อยืดตัวใหญ่สวมใส่แบบสบายๆของเขานั่นแหละ ฉันน่ะทำเหมือนคนไร้ความรู้สึก เป็นเหมือนตุ๊กตายางให้เขานั่งจัดแจงอยากจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไป หลังจากที่ใส่เสื้อให้ฉันแล้วเขาก็เอาแซมบัคมาทาที่ใบหน้าและลำคอของฉัน แต่รอยกัดรอยช้ำที่เขาทำไว้เขาไม่ได้ทา บางทีฉันก็คิดนะว่าแซมบัคไม่ได้ช่วยอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากจะพูดกับเขาไง “ตบคืนไหม” ฮอลล์จับมือของฉันไปทาบที่แก้มสาก ฉันชักมือกลับแล้วพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทางหนึ่ง “อย่าเงียบดิจิว ฮอลล์รู้ว่าที่ทำลงไปมันแรง... ขอโทษ” เขานอนลงข้างกายฉันแล้วกอดฉันไว้ คำขอโทษที่ฉันฟังจนเบื่อหน่าย มันไม่ได้มีความหมายอะไรด้วยซ้ำ ถ้าคนกระทำไม่คิดสำนึกผิดชอบชั่วดี “สัญญาว่าต่อไปจะไม่เอาใครเข้าบ้าน” เขายังคงพล่ามเมื่อฉันไม่ปริปากพูด “จิวอย่ารักใครนะ” และนี่คือคำขอหรือคำสั่งหรือคำขู่ก็ไม่รู้ เขามักจะพูดเป็นประจำเวลาที่เราทะเลาะกันจบ “จิวเกลียดฮอลล์ได้ แต่อย่ารักชายอื่นก็พอ เพราะฮอลล์ไม่เอาไอ้คนที่จิวรักไว้แน่” เขากอดฉันไว้และบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังดูจริงจัง ซึ่งฉันรู้ว่าคนบ้าๆแบบเขาน่ะทำจริง... “มึงหนาวหรือแฟชั่นวะจิว” ดีม่อนร้องถามเมื่อเห็นการแต่งตัวที่มันแหวกผิดมนุษย์มนา ความจริงนักศึกษาหลายคนที่ฉันเดินผ่านอาจจะสงสัยหรือคิดว่าฉันบ้าไปแล้วด้วยซ้ำ อากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่อิจิวพันผ้าพันคอหนาเตอะ! “แล้วหน้ามึง?” ดีม่อนถามต่อโดยไม่รีรอคำตอบแรกของฉัน “วัยรุ่นมีเรื่องกัน กูเดินผ่านเลยโดนลูกหลง” ฉันพูดปดแก้ต่างบิดเบือนจากความจริงที่เป็น อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเพื่อนฉันไม่ค่อยยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของกัน “มึงจะบอกว่ามึงโง่” ป้างเลิกคิ้วเอ่ยถาม โดยที่คนลงมือนั่งมองฉันนิ่งๆพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก ฉันรู้ว่าเขากำลังขำกับการแถที่โคตรห่วยแตกของฉัน “ประมาณนั้น แล้วแต่จะคิด” ฉันไหวไหล่ทำทีไม่ใส่ใจ “อะ” ยูโรโยนถุงหูหิ้วของร้านสะดวกซื้อ24ชั่วโมงที่บรรจุอะไรสักอย่างมาตรงหน้าฉัน “หืม?” ฉันทำหน้าสงสัยพร้อมกับหันมองหน้ายูโร “ไอ้น้องนาวฝากอาหารเช้าไว้ให้ มันบอกโทรหาแล้วมึงไม่รับ” ยูโรเฉลยคำตอบและมันทำให้คนข้างกายของยูโรสีหน้าแปรเปลี่ยนในทันที “อ้อ สงสัยปิดเสียง” ฉันบอกพร้อมกับนั่งแกะของในถุงมาดู มันคือแซนวิชปูอัดยี่ห้อหนึ่งที่มีขายในร้านสะดวกซื้อ และนมจืดไขมันต่ำ ซึ่งฉันชอบทาน2อย่างนี้ทุกเช้าก่อนมาเรียน เรื่องอาหารเช้าฉันเล่าให้น้องนาวฟังไปงั้นๆ ฉันไม่ได้คิดว่าน้องมันจะจดจำ! น้องมันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่จำ กำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย และเมื่อฉันหยิบของออกมาวางตรงหน้า ไอ้คนบ้าอำนาจก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือยิกๆพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขรึม ติ๊ง! (ฮอลล์: ถึงกับให้เบอร์เลยเหรอจิว มากไปนะ) ติ๊ง! (ฮอลล์: แล้วเรื่องของโปรดคือ?) ติ๊ง! (ฮอลล์: สงสัยมันไม่อยากตายดี) และนี่คือคำขู่ที่เขาพยายามเก็บอารมณ์ไม่อาละวาดต่อหน้าเพื่อนฝูง (จิว: อย่ายุ่งกับน้องนาว) (จิว: จิวไม่ได้คิดอะไรกับน้อง) (ฮอลล์: ปกป้องมัน?) (จิว: ขอร้องอย่าเถื่อนไปทั่ว แค่มั่วไม่เลือกก็เกินจะทน) “ม่อน! ฝากกินทีนะพอดีกูกินมาละ” ฉันยื่นขนมและนมให้ดีม่อนหลังจากที่โต้วาทีกับสามีบ้าๆที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่ทำดีกับฉัน “ลาภปาก” ดีม่อนฉีกยิ้มแล้วไหวไหล่จากนั้นเธอก็หยิบขนมและนมไปทานอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งการที่ฉันไม่กินของที่ชายอื่นฝากมาให้ มันไม่ได้แปลว่าเขาจะอารมณ์คงที่หรือดีขึ้น ทุกอย่างจะดีได้ก็ต่อเมื่อเขามั่นใจว่าใครคนนั้นเลิกคิดไม่ซื่อกับฉัน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD