“จิววันนี้ไปเป็นเพื่อนซื้อเสื้อในหน่อยดิ เสื้อในลดราคา50%” ‘ดีม่อน’ เพื่อนในกลุ่มที่เป็นผู้หญิงพูดขึ้นขณะที่พวกฉันนั่งรออาจารย์
“วันก่อนก็เพิ่งไปเถอะ” ฉันบอกด้วยท่าทีที่เหนื่อยหน่ายกับการเดินเลือกซื้อเสื้อในหรือข้าวของอะไรต่อมิอะไรของเพื่อนคนนี้
ฉันชื่อ ‘จิว’ เป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการแต่งตัว เพราะฉันมั่นใจว่าฉันสวยในแบบของฉัน เรื่องเสื้อในกางเกงในนี่ยิ่งแล้ว ฉันไม่ค่อยจะสนใจหรอก เพราะมีคนสนใจแทนฉันอยู่แล้ว เขาคนนั้นแทบจะเป็นคนเลือกทุกอย่างให้ฉันเลยมั้ง
เหอะ! เลือกให้ทุกอย่างทั้งๆที่ฉันไม่เคยต้องการอะไรสักอย่าง
“วันนั้นลด20%ไง แต่วันนี้ลด50%ไปเถอะนะจิว” ดีม่อนยังคงคะยั้นคะยอเกาะแขนฉันแล้วเขย่าไม่เลิก และทุกครั้งฉันก็จะมักแพ้การตื๊อของเพื่อนคนนี้เสมอ เพียงแต่ไม่ใช่วันนี้แน่นอน
“วันนี้จะกลับบ้าน” ฉันพูดสั้นๆและมันทำให้เพื่อนจอมตื๊อยอมปล่อยแขนที่เกาะและกำลังจะแหกปากด่าฉัน
“พรุ่งนี้ที่บ้านจะไปทำบุญ” ฉันรีบพูดก่อนที่ดีม่อนจะเปล่งเสียงสิบแปดหลอดออกมา และเมื่อฉันพูดจบเรียวปากบางก็ค่อยๆหุบลง
“ไปยังไง ให้ไปส่งไหม” ‘ป้าง’ เพื่อนชายหน้าตี๋หุ่นน่ากินที่นั่งถัดจากดีม่อนเอ่ยถามฉัน ป้างคือเพื่อนในกลุ่มของฉันอีกคน
“เดี๋ยวไปเอง” ฉันตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ป้าง
“แต่รถมึงเสียไม่ใช่” ‘ยูโร’ ทักท้วงทันทีที่ฉันบอกป้างไปแบบนั้น
ยูโรเป็นหนุ่มลูกครึ่งซึ่งหน้าตาจัดว่าอปป้าสุดๆ สาวๆตามกรี๊ดเพียบ แต่คนที่ได้หัวใจของเขาไปครองดันเป็น ‘มีร่า’ ผู้หญิงที่เป็นลูกติดสามีใหม่ของแม่ยูโร
“เออน่า ไปเองได้ไม่ต้องห่วง” ฉันตบที่ไหล่แกร่งของเพื่อนชายเบาๆ ยูโรนั่งขนาบอีกฝั่งของฉัน ฉันจึงสามารถลวนลามเขาได้ ใจจริงก็อยากจะลวนลามป้างบ้างแต่ติดตรงที่เขานั่งไกลไปหน่อย
“ยังไงก็ต้องห่วงไหม” ยูโรหันมาผลักศีรษะของฉัน
“แต่ถ้ามึงยืนยันว่าจะไปเองก็คงต้องแล้วแต่มึง... ว่าแต่วันนี้เราไปตี้กันไหมครับพี่ฮอลล์” ยูโรพูดกับฉัน จากนั้นเขาก็หันไปพูดชักชวนใครอีกคนหนึ่งถึงเรื่องเที่ยวในคืนนี้ ซึ่งใครคนนั้นก็เป็นเพื่อนในกลุ่มของฉันเช่นกัน
ฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องที่พวกเขาคุยกันเพราะอาจารย์เข้าสอนพอดี ฉันหันมาตั้งใจนั่งฟังอาจารย์สอน ส่วนเพื่อนก็เหมือนอย่างเคย นั่นก็คือฟังบ้างคุยบ้าง แต่จะคุยซะส่วนใหญ่...
“กลับวันไหน” เสียงทุ้มต่ำที่น่าสะอิดสะเอียนเอ่ยถาม
เจ้าของเสียงนี้คือ...เจ้าของชีวิตฉัน!
เขาเอ่ยถามหลังจากที่รถหรูขับเคลื่อนมาจอดที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งมันคือบ้านของฉันเอง
“อีกสองวันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ประชดประชัน แต่ก็ไม่ได้ให้ค่าทางจิตใจ
การลงท้ายหางเสียงของประโยคคือสิ่งที่ฉันชอบทำซึ่งคนฟังไม่เคยชอบ แต่เขาขัดไม่ได้
“คิดถึงมากแน่ๆ แล้วจะโทรหาบ่อยๆนะ” เขาพูดหลังจากที่จูบปากของฉัน เขาจูบทั้งที่คนขับรถยังนั่งอยู่ในรถ
เขาทำแบบนี้ประจำ แต่ฉันไม่เคยชิน!
“ค่ะ” ฉันพูดแค่นั้น จากนั้นก็เดินลงจากรถหรู ฉันตอบรับแบบจำยอมเพราะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
ชีวิตของฉันไม่ได้สวยหรูแบบที่ใครหลายๆคนคิด ฉันต้องเป็นเด็กเสี่ยทั้งที่ไม่อยากเป็น
และเสี่ยคนนี้คือคนที่ฉัน...โคตรเกลียด ถึงแม้เขาจะพยายามหยิบยื่นทุกอย่างให้ฉัน แต่ของเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการสักอย่าง เขารู้ว่าฉันเกลียดเขา แต่เขาไม่ยอมปล่อยฉันไป เขากักขังฉันไว้ด้วยคำว่า ‘เงิน’
เงินที่ฉันจำเป็นต้องเอาไปให้ครอบครัว เหตุมันเกิดจากธุรกิจของพ่อฉันที่โดนโกง และคนที่สามารถช่วยเหลือได้ก็มีแต่เขา!
เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทั้งที่ฉันยังไม่ปริปากขอ สถานการณ์ความเป็นอยู่ของครอบครัวบีบบังคับทำให้ฉันต้องจำยอมและยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ฉันเกลียด และข้อแลกเปลี่ยนที่เขาเสนอก็คือ...ฉันต้องอยู่กับเขาตลอดชีวิต
ซึ่งวันนั้นพ่อให้ฉันตัดสินใจเอง บริษัทนี้พ่อสร้างมันมากับมือ พ่อรักมันมาก ฉันไม่อยากเห็นพ่อเสียใจ และไม่อยากเห็นมันพังลง
ฉันจึงตัดสินใจที่จะอยู่กับเสี่ย และเมื่อฉันตอบตกลงเสี่ยก็ทุ่มเงินมหาศาลใช้หนี้ให้พ่อของฉัน และยังปรับปรุงบริษัทของพ่อให้ดีกว่าเดิม...
ความบริสุทธิ์ของฉันถูกมอบให้ผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิต ฉันทนใช้ชีวิต ทนอยู่ ทนเป็นของเขา
แต่ความลับมักจะไม่มีในโลก คนเลวก็คือคนเลว! วันหนึ่งฉันได้รับรู้ถึงสาเหตุที่บริษัทของพ่อฉันโดนโกง ซึ่งทั้งหมดมันคือแผนของไอ้เสี่ยชั่ว! เสี่ยวางแผนทุกอย่างเพื่อให้ธุรกิจครอบครัวของฉันพัง จากนั้นเขาก็ทำตัวเป็นพ่อพระยื่นมือเข้ามาช่วย
ฉันตกหลุมพรางที่เขาวางไว้ สุดท้ายร่างกายฉันก็ตกเป็นของเขา!